อาชญากรรม
‘พ.ต.อ.ภาคภูมิ’ รับมีสัมพันธ์ใกล้ชิด ‘มินนี่’ ปัดเอี่ยวเว็บพนัน - ‘ทนายอนันต์ชัย’ ลั่น สัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์
28 ก.ย. 2566
29 views
พ.ต.อ.ภาคภูมิ’ ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ ‘มินนี่’ แค่รู้จักกัน เรื่องเว็บพนันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยันมีแค่บัญชีเดียวตั้งแต่รับราชการ ยอมรับเสียใจ ขอโทษทุกคน ด้าน ‘ทนายอนันต์ชัย’ แถลงสู้คดี เตือนคนไม่หวังดีระวังโดนเอาคืนย้อนหลัง ลั่น! สัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์ ไม่มีมวยล้มต้มคนดูเเน่
วานนี้ (27 ก.ย.) เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เดินทางมายังสำนักงานกฎหมายของทนายความอนันตชัย ไชยเดช ย่านโชคชัย 4 เพื่อหารือเตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และให้ข้อเท็จจริงเรื่องเส้นทางการเงินและความเกี่ยวข้องกับมินนี่เจ้าของเว็บพนันออนไลน์
ต่อมา 17.50 น. พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ เดินทางมาถึง นักข่าวพยายามสอบถาม ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ได้อย่างไรมีอะไรจะชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่เจ้าตัวไม่ตอบก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
เวลา 18.00 น. ทนายความอนันตชัย ไชยเดช พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และตำรวจ อีก 8 นาย ที่โดนออกหมายจับร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า “ทุกคนพร้อมเเสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดจามที่ถูกกล่าวหา เพราะถึงแม้ว่ามินนี่จะเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ก็มีความเป็นไปได้ว่าตำรวจก็อาจจะไม่ทราบ”
โดยเฉพาะ พล.ต.อ.ภาคภูมิ เป็นบุคคลเดียวที่รู้จักกับมินนี่ แต่ไม่ทราบว่ามินนี่ไปทำเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ เนื่องจากมินนี่เองก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องคดีอาญาอยู่ที่เจตนา ว่าเงินดังกล่าว หากไม่ทราบว่าได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ก็ถือว่าจบไม่มีความผิด แต่ถ้าหากทราบว่าเงินดังกล่าวได้มาจากเว็บพนันจึงจะถือว่ามีความผิด
ทนายอนันต์ชัย ยังฝากถึงชุดพนักงานสอบสวน สอท.ว่าให้ระวังตัวไว้ ตนเองจะเช็คบิลย้อนหลังแน่นอน งานนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ขณะเดียวกันยังขอฝากไปถึงบุคคลบางคน ที่เอาข้อมูลส่วนบุคคลรวมไปถึงข้อมูลทางราชการไปเผยแพร่ขอให้ระวังตัวไว้ ผมเอาตายเเน่
การกระทำใดๆ ขอให้ระมัดระวัง ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ "เมื่อมาสู้กับผมแล้วจะรู้ว่านรกมีจริง" ดังนั้นในฐานะทนายความ ตนเองจะทำความจริงให้ปรากฏ หากใครผิดก็ยอมรับผิด แต่หากใครไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรม
โดยทนายอนันต์ชัย ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สัปดาห์หน้าให้จับตาดูให้ดีจะมีบิ๊กเซอรไพร์ส อย่างแน่นอน เเต่ยังไม่ขอระบุว่าเรื่องอะไร
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย หรือรองหนี่ง รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 เผยว่า ตัวเองรู้จักกับมินนี่ ตั้งแต่ปี 63 ตอนที่ตัวเองไปเป็นผู้กำกับที่ จ.เลย เจอกันที่งานเลี้ยงปลายปีก่อนจะย้ายไปที่ขอนแก่น 2-3 เดือนเจอกัน 2-3 ครั้ง
แต่ตอนนั้นตัวเองรู้จักแม่ของมินนี่ ก่อนเพราะแม่มินนี่ เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจที่ตัวเองทำงานอยู่ ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ หลังจากนั้นก็ย้ายมาขอนแก่นภรรยาตัวเองไม่สบายก่อนที่เวลาผ่านไปถึง 2 ปี ไม่เคยติดต่ออะไรกันเลยถึงมาเจอกันอีกต้นปี 2566 ที่งานเลี้ยง ที่ร้านอาหารบ้าง
สุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดต้องให้มินนี่ ออกมาพูดเพราะได้รับความเสียหายเช่นกัน ส่วนตัวมินนี่ เองชอบถ่ายรูปลงโซเชี่ยลตัวเองก็เตือนบ่อยๆ เพราะก็กลัวภรรยาเห็นเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ลงอยู่ดี ส่วนเว็บพนันนั้นยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ส่วนบัญชีที่มีอยู่ตลอดชีวิตก็มีแค่บัญชีเดียวตั้งแต่รับราชการ
ล่าสุดที่คุยกับมินนี่ ช่วงที่ถูกจับตอนเดือนกรกฎาคม มินนี่โทรเบอร์มาบอกตัวเองถูกจับ ขอคำปรึกษาตัวเองก็ให้ไปประกันตัวที่ถูกจับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อแม่ชื่อเสียงวงค์ตระกูลเสียงหาย ทำให้ภรรยาลูกได้รับผลกระทบ ไม่ใช่แค่ฝ่ายตัวเองฝ่ายครอบครัวมินนี่เองก็เสียหาย รวมถึงผู้บังคับบัญชา ยืนยันอีกครั้งว่าต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากตัวเองคนอื่นๆ ไม่เกี่ยวข้อง และอยากจะขอโทษทุกๆ คน สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความมักง่ายไม่มีวินัย โลเล เลินเล่อ ทำให้ตนเองเผลอไปมีการคบหากับผู้หญิงอีกคน ซึ่งตนเองไม่ปฎิเสธ
ส่วนเส้นทางการเงิน เครือข่ายเว็ปพนันออนไลน์ ที่ไปพัวพันบัญชีม้าของนายพุฒิพงษ์ และมีข้อมูลว่าตนไปถือบัญชีม้าดังกล่าว และมีเงินจากมินนี่โอนเข้าไป ซึ่งน่าจะเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งเรื่องนี้ ยังมีตำรวจอีกท่านหนึ่งที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ รวมถึงที่ปรากฎทางแชทไลน์ เรื่องอยู่ในสำนวนการสอบสวน
แต่ขอยืนยันไม่เกี่ยวข้อง เว็ปพนันตรงนี้ และอยากให้น้องออกมาชี้แจงต่อสังคม และความจริงก็คือความจริง เพราะเส้นทางโอนเงินมาที่ตน สามารถพิสูจน์ได้ เพราะว่า คบหากันบางทีก็มีการยืมเขาใช้บ้าง และบางครั้งตนเองก็คืนบ้าง ไม่คืนบ้าง พูดตรงๆ แต่ไม่ได้เยอะอย่างที่เขากล่าวหา ส่วนเขาจะเอาบัญชีใครโอนให้ใคร ตนไม่สามารถทราบได้ ซึ่งยอมรับมีการโอนมา 6-7 ครั้ง
ขณะที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า วันนี้ไม่ได้วิตกกังวลหรือเครียดอะไร เพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ความจริงก็คือความจริง ข้อเท็จจริงก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อไปในภายภาคหน้า
ทีมข่าวสอบถามว่ามองว่าเรื่องนี้เหมือนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ พล.ต.ต.นำเกียรติ บอกว่า วันหน้าเราจะทราบกันเองว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งการออกหมายจับตำรวจ ใช้คำนำหน้าว่า “นาย” ซึ่งถ้าในระดับพลตำรวจตรี แล้วก็ต้องรู้อยู่แกใจว่าตำรวจคงไม่หลบหนี และก็ไปต้องมอบตัวเอง แต่นี่ก็ต้องมองว่ามีเจตนาอะไรหรือไม่
ส่วนช่วงตอนจับกุมตัวเองนั้น ก็เป็นไปตามภาพที่ปรากฏ แล้วแต่สื่อจะพิจารณา ทุกคนเห็นภาพก็พิจารณาตัดสินใจได้ ขอไม่กล่าวถึงใคร
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/i2Eia4FRrYM