อาชญากรรม

เจอแล้วกระเป๋า 'ก้อย'! น้องสะใภ้ 'แอม' ยอมรับเป็นคนส่งพัสดุ ยันไม่มีเอี่ยวคดี โดนแอมหลอกให้ส่งเอกสาร

โดย petchpawee_k

12 พ.ค. 2566

58 views

แอม ไซยาไนด์ ให้น้องสะใภ้ส่งกระเป๋าคืนก้อย ผู้เสียชีวิต ผ่านคนสนิท ส่งพฐ. ตรวจลายนิ้วมือและสารพิษ ด้านน้องสะใภ้แอมยอมรับ เป็นคนส่งพัสดุให้ เพื่อนสนิทแอมจริง ไม่รู้ของภายในกล่องเป็นของก้อยผู้เสียชีวิต แอมบอกเป็นเอกสารส่งให้ทนายความ


จากกรณีการเสียชีวิตของนางสาวก้อยซึ่งพบว่าถูกแอมชวนไปปล่อยปลาแล้วเสียชีวิตปริศนา ต่อมาทราบว่าก้อยได้รับสารไซยาไนด์จนทำให้เกิดการเสียชีวิตและเพิ่งเผาศพไปเมื่อวานที่ผ่านมา


ล่าสุดพบว่า ทรัพย์สินของนางสาวก้อยที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน ถูกนำใส่กล่องพัสดุปริศนาส่งมาถึงนางสาวหญิง เพื่อนสนิทของนางสาวแอมในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี


โดยกล่องพัสดุนี้ นางสาวหญิง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ปกติแล้ว เธออาศัยที่บ้านพักอีกหลัง ซึ่งหากสั่งของออนไลน์จะส่งที่อยู่ปัจจุบัน ไม่เคยส่ง ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน จากนั้น นางสาวหญิง ก็เดินทางไปรับพัสดุกล่องนี้ ซึ่งระบุว่า มาจาก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นางสาวหญิง ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นภูมิลำเนาของนางสาวแอม และไม่เคยสั่งพัสดุใดๆ จากนั้นจึงเดินทางมาที่สโมสรตำรวจเพื่อเข้าพบ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและแจ้งเรื่องให้ทราบ


เมื่อเปิดกล่องพัสดุก็พบว่าภายในมีถุงดำและพลาสติกซ้อนอยู่ภายใน  และในถุงนั้นมีกระเป๋าถือแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่ง รวมไปถึงกระเป๋าใส่นามบัตรและกระเป๋าใส่เหรียญอีกหนึ่งใบ


ทีมข่าว จึงวีดีโอคอล สอบถามพี่สาวของก้อย ยืนยันว่ากระเป๋าทั้งหมดนั้นเป็นของน้องสาวตนเองซึ่งหายไปพร้อมกับวันที่เสียชีวิต โดยทางญาติและครอบครัวพยายามตามหากระเป๋านี้เพราะมีเงินสดอยู่ภายในประมาณ 50,000 บาทและเอกสารสำคัญรวมทั้งบัตรเครดิตต่างๆด้วย แต่ปรากฏว่าหลังจากนางสาวก้อยเสียชีวิตกระเป๋านี้สูญหายไป  โดยนางสาวแอมระบุว่านำไปทิ้งถังขยะ แต่พยายามตามหา แต่ไม่เจอ จนกระทั่งมาพบวันนี้ เหลือแต่กระเป๋าส่วนทรัพย์สิน และบัตรเครดิต สูญหาย


จากนั้น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือ กระเป๋า และสิ่งของทั้งหมด รวมทั้งกล่องพัสดุที่ส่งมาด้วย


นางสาวชนัญญา บอกว่า ช่วงหลังสงกรานต์ ขณะที่ตัวเองพักผ่อนอยู่ที่บ้าน นางสาวแอม ได้เดินทางมาหา นำพัสดุกล่องนึงมาให้ ระบุว่าด้านในเป็นเอกสาร จะส่งให้ทนายความ แล้วได้ไหว้วานให้ช่วยนำไปส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน ซึ่งได้ให้เงินไว้จำนวน 200 บาท เป็นค่าส่งพัสดุดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่าเงินที่เหลือก็ให้เก็บไว้ใช้


ต่อมาทีมข่าว ได้โทรศัพท์ไปหาผู้ส่งพัสดุ ตามที่ถูกระบุอยู่หน้ากล่อง คือ นางสาวชนัญญา โดยเธอระบุว่า เป็นน้องสะไภ้ของแอมและยืนยันว่าเป็นคนส่งพัสดุกล่องนี้ไปที่จังหวัดเพชรบุรีจริง


นางสาวชนัญญา ยอมรับว่า ตอนที่กล่องรับพัสดุมา ก็เกิดความสงสัย ว่าหากเป็นเอกสารทำไมกล่องจึงมีน้ำหนักเบา แต่ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเห็นว่า กล่องพัสดุได้มีการปิดซีล มาเรียบร้อย รวมถึงได้มีการเขียนชื่อที่อยู่ผู้รับไว้แล้วด้วย จึงไม่ได้ทำอะไรกับพัสดุกล่องนี้ แล้วต่อมาก็ได้นำไปส่งให้ตามที่นางสาวแอม บอก ค่าส่งอยู่ที่ 85 บาท หักจาก 200 บาทที่นางสาวแอม ได้ให้ไว้ เหลือเงิน 115 บาท


หลังจากส่งพัสดุแล้ว นางสาวชนัญญา บอกว่า ไม่ได้มีการตรวจสอบว่าพัสดุส่งถึงปลายทางหรือไม่ เพราะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง กระทั่งมาทราบจากทีมข่าวว่า ภายในเป็นทรัพย์สินของนางสาวก้อย ที่เสียชีวิต ยอมรับว่า ตกใจมาก แต่ก็ยืนยันว่าไม่รู้เห็น และไม่ได้มีการจ้างวานให้ไปส่งพัสดุดังกล่าวด้วย


นางสาวชนัญญา ยอมรับว่า ส่วนตัวไม่ได้สนิทสนมกับนางสาวแอม และไม่ทราบข้อมูลส่วนตัวของนางสาวแอมด้วย  ซึ่งกรณีที่นางสาวแอม ไปก่อเหตุจนมีผู้เสียชีวิต 14 ราย ส่วนตัวก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลังจากเป็นข่าวออกไป ก็ยอมรับว่า ทางบ้านได้รับผลกระทบ ทั้งสภาพจิตใจและการประกอบอาชีพ


สำหรับเส้นทางของพัสดุกล่องนี้ มีรายงานการจากชุดสืบสวน ว่า นางสาวแอม พยายามสร้างหลักฐาน เริ่มตั้งแต่การนำทรัพย์สินต่างๆของนางสาวก้อย ไปส่งจากจังหวัดสุโขทัย มาถึงตัวเองในที่อยู่ที่บ้านที่จังหวัดนครปฐม  จากนั้นก็นำพัสดุนี้ไปส่งต่อไปที่จังหวัดราชบุรี ก่อนจะนำไปให้น้องสะไภ้ที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อส่งต่อให้เพื่อนสนิท คือ นางหญิง (นามสมมุติ) ที่จังหวัดเพชรบุรี

-------------------------------------------------------------------

วานนี้ (11 พ.ค.) เวลา 21.30 น. ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้คุมตัวนางสาวชนัญญา น้องสะใภ้ของแอมพร้อมกับแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของแอมจากอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี มาถึงที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  และทั้ง 2 คน ก็ไม่ได้ตอบข้อซักถามใดของสื่อมวลชน


ทันทีที่มาถึงตำรวจได้คุมตัวไปสอบสวนทันที โดยได้มีการแยกสอบปากคำ  ซึ่งประเด็นหลักในการสอบสวนเป็นเรื่องของการรับพัสดุจากแอม เพื่อไปส่งให้กับพยาน เบื้องต้นก็อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะแอม ได้นำกล่องพัสดุท่ีแพ็คแล้วมาฝากส่ง โดยอ้างว่าเป็นเอกสารเท่านั้น

----------------------------------------------------------------------

ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า นางสาวหญิง พยานที่นำกล่องพัสดุ เดินทางเข้าพบในวันนี้ โดยระบุว่า เป็นพยานปากสำคัญในคดี เพราะได้นำหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นของ ก้อย มามอบให้กับตำรวจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ตามหามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่พบ กระทั่งมีการส่งทรัพย์สินของนางสาวก้อย ไปให้พยาน ที่คอนโดในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นคอนโดที่พยานไม่ได้พักอาศัยอยู่นานแล้ว


ขณะที่จากการตรวจสอบยังพบว่า กล่องพัสดุที่ซุกซ่อนทรัพย์สินของนางสาวก้อย ได้มีการส่งหมุนเวียนไปในหลายจังหวัด ก่อนจะถูกส่งมาที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่สุดท้าย โดยการกระทำในลักษณะนี้ มองว่า มีจุดประสงค์ในการอำพรางหลักฐานทางคดี ซึ่งตำรวจจะมีการเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการรับและส่งพัสดุกล่องนี้มาสอบปากคำทั้งหมด ล่าสุดก็ได้มีการเชิญตัวผู้ส่งพัสดุจากอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ไปที่คอนโดยพยานในจังหวัดเพชรบุรี มาสอบปากคำแล้วที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หลังจากนี้ก็ต้องดูว่ามีส่วนรู้เห็น หรือ ร่วมกันวางแผนอำพรางหลักฐานกับผู้ต้องหาหรือไม่


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า พยานปากนี้ ถือเป็นคนสนิทของนางสาวแอม และเป็นคนที่นางสาวแอม ไว้ใจมากที่สุด เพราะมีรายชื่อในบัญชีเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาของกรมราชทัณฑ์ ที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ตลอด ซึ่งวันพรุ่งนี้ตัวเองจะพาพยานปากนี้ เข้าไปพูดคุยกับนางสาวแอม ในประเด็นเรื่องทรัพย์สินของนางสาวก้อย ที่ถูกส่งไปถึงพยาน ซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวแอม เคยให้การไว้กับตำรวจระบุว่า นำทรัพย์สินเหล่านี้ใส่ถุงดำไปทิ้งถังขยะแล้ว


 ขณะเดียวกัน วันนี้ตำรวจยังได้เชิญพันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีของนางสาวแอม เข้าให้การเป็นครั้งที่ 3 ในประเด็นเรื่องเส้นทางการเงินต่างๆ ของนางสาวแอม ที่เบื้องต้นพบมีการโอนออกไปยัง 12 บัญชี นอกจากนี้ยังได้เชิญ พ่อ-แม่ และญาติ ของนางสาวแอม เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย


ทั้งนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า ในทางคดีใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยวันพรุ่งนี้จะมีการสรุปผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด รวมถึงแนวทางการสืบสวน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนกรณีผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะสามารถออกหมายจับได้หรือไม่ ยังไม่ชี้ชัด


ทั้งนี้มีรายงานว่าเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาทนายความได้เดินทางไปเก็บเงินค่าทนายในการดูแลคดีของแอมเกี่ยวกับก้อยในคดีลักทรัพย์และคดีการเสียชีวิตของก้อยจากครอบครัวของนางสาวแอม ซึ่งพ่อแม่ แก่ชรามาก ประกอบอาชีพค้าขาย โดยพ่อและแม่ก็นำเงินเก็บสะสมที่รวบรวมมาทั้งหมดมาจ่ายให้กับทนายในหลักแสนโดยพบว่าแม่ต้องนำธนบัตรเก่าที่สะสมนำออกมาจ่ายให้กับทนาย


ทั้งนี้มีรายงานว่าหลังจากที่แม่ได้จ่ายค่าทนายของแอมเสร็จก็ได้โทรไประบายความรู้สึกกับนางสาวหญิงเพื่อนสนิทของแอมว่า “ตอนนี้ครอบครัวไม่มีเงินที่จะจ้างทนายให้กับแอมแล้วและทางอดีตสามีก็ไม่ได้มีส่วนในการช่วยเหลือการจ้างทนายความจึงประสานนางสาวหญิงเพื่อนสนิทให้คุยกับแอมเรื่องการก่อเหตุว่าหากคดีใดเป็นผู้ก่อเหตุจริงก็ให้ยอมรับสารภาพ” จะได้ไม่ต้องสูญเสียเงินจ้างทนาย เพราะครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างหนักออกไปค้าขายก็ไม่มีลูกค้าและถูกสังคมตราหน้าว่าอาจจะมีสินค้าของทางร้านมีสารพิษเจือปนซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนัก


จึงขอร้องไปยังนางสาวหญิงเพื่อนสนิทของแอมให้ช่วยพูดกับแอมในเรือนจำรับรู้ถึงความเดือดร้อนของพ่อแม่และญาติพี่น้อง เพราะที่ผ่านมาทนายความหรือคนที่เข้าไปเยี่ยมไม่ได้บอกว่าพ่อแม่อยู่ในสภาพอย่างไรทั้งนี้การเข้าเยี่ยมแอมนั้นนางสาวหญิงจะเข้าเยี่ยมตามคำร้องขอ ของนางสาวแอมในวันนี้ (12 พ.ค.) จากนั้นจะนำข้อมูลมาแจ้งให้กับพลตำรวจเอกสุรเชษฐหักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงการเจรจากับแอมเกี่ยวกับคดีทั้งหมด


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qNHcHK-Z1pY

คุณอาจสนใจ

Related News