อาชญากรรม
'ไอ้หื่นฆ่าเซลส์สาว' อ้างชอบคนใส่แว่น ชี้เตรียมการอย่างดี 'จองห้อง-ดูลาดเลา-อาวุธ' แม่เหยื่อลั่น! ต้องประหาร
โดย nattachat_c
2 พ.ค. 2566
124 views
ไอ้หื่นเปิดปากรับสารภาพสิ้น ฆ่าสาวเซลส์ขายรถ รับเตรียมการลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ อ้างเหยื่อถีบโมโหเลยลงมือฆ่า ชี้ชอบคนใส่แว่น หลังก่อเหตุยังไม่สำนึกหวังข่มขืนพนักงานโรงแรมซ้ำ เผยหลอกล่อแต่พนักงานไหวตัวทัน ด้านตำรวจตั้งโตะแถลงเผยผลตรวจไม่พบสารเสพติดเพราะเสพมาแล้วหลายวัน ยันไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิต แต่มีพฤติกรรมชอบความรุนแรง จ่อส่งฝากขังวันนี้
จากกรณี นายณัฐพล ผันผดุงทรัพย์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาในคดีสะเทือนขวัญ ก่อเหตุลวง นางสาวอ้อม อายุ 35 ปี เซลส์ขายรถยนต์สาว ไปข่มขืนและสังหารโหด โดยล่าสุด พบว่า ไม่ใช่การก่อเหตุซึ่งหน้า แต่เป็นการก่อเหตุที่ได้วางแผนไว้ก่อน โดยวันที่ก่อเหตุ คือ วันที่ 29 เมษายน 2566
เวลาประมาณ 13.00 น.
นายณัฐพล (ผู้ต้องหา) ได้เปิดห้องที่ โรงแรม ฮอลิเดย์ รีสอร์ท ม.3 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
เวลาประมาณ 15.00 น.
นายณัฐพล ได้นัด นางสาวอ้อม มาพูดคุยเรื่องซื้อรถยนต์ ที่ร้านกาแฟ mikodi cafe ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
หลอกให้ขึ้นรถยนต์ บอกว่า พาไปกดเงินเพื่อที่จะนำมามัดจำรถ พอนางสาวอ้อมขึ้นรถ ได้จอดรถข้างทาง แล้วใช้มีดจี้บังคับ ใช้เชือกมัดมือมัดเท้า แล้วพาไปที่โรงแรม ใช้กำลังบังคับข่มขืน
เมื่อตัดเคเบิลไทร์ออก นางสาวอ้อมต่อสู้ขัดขืน ใช้เท้าถึบโดนทำให้เลือด จึงโกรธแล้วใช้ค้อนที่เตรียมมาทุบที่คอ แล้วใช้เชือกรัดนางสาวอ้อมจนหมดสติไป
หลังจากนั้น นายณัฐพลยังจะคิดกระทำกับพนักงานโรงแรมม่านรูด โดยพยายามหลอกล่อให้เข้าไปในห้องที่มีศพน้องอ้อม เพื่อจะทำการข่มขืน โดยบอกว่าในห้องทีวีเสีย แต่พนักงานไหวตัวทันไม่เข้าไป บอกว่าจะให้ช่างผู้ชายเข้าไปดู นายณัฐพลเลยยกเลิก พนักงานจึงรอดมาได้
-------------
วานนี้ (1 พ.ค. 66) ตำรวจ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้นำตัว นายณัฐพล ผันผดุงทรัพย์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหา มาพิมพ์ลายนิ้วมือเพิ่ม ก่อนที่จะนำตัวกลับเข้าห้องขัง รอการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเวรดูแลเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย แต่ปรากฎว่า ทางผู้ตาไม่ได้มีอาการเครียดแต่อย่างใด อีกทั้ง ยังมีสีหน้าแจ่มใสเป็นอย่างดี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทางเจ้าหน้าที่ ได้เปิดเผยว่า คนร้ายชอบผู้หญิงใส่แว่นตา มีพฤติกรรมโรคจิตคล้ายฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ไม่ได้มีพฤติกรรมโรคจิต ทั้งนี้ ทางตำรวจได้ทำการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหา เมื่อช่วงเย็น วันที่ 30 เม.ย. และ เช้าวันที่ 1 พ.ค. ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด แต่คนร้ายได้บอกว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้
-------------
เปิดประวัติ นายณัฐพล ผันผดุงทรัพย์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืน
วันที่ 24 ธันวาคม 2553
ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ที่ แขวงวัดท่าพระ
ปี 2556
ทำร้ายร่างกาย ที่ จ.เชียงใใม่
วันที่ 5 ธันวาคม 2557
ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ถูกออกหมายจับ โดนจับได้แล้วโดนดำเนินคดี
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561
ล่อลวงหญิงสาว โดยติดต่อทางเฟซบุ๊กให้เหยื่อมาพบ แล้วใช้ปืนจี้บังคับ แล้วพาไปข่มขืนที่โรงแรมม่านรูด พื้นที่ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่
คดีนี้ โดนจับกุม แล้วลงโทษตามกฎหมาย และถูกปล่อยตัวออกมากลางปี 2565
วันที่ 10 เมษายน 2566
โรงพักดอยสะเก็ด ข้อหาคดีข่มขืนใจผู้อื่น ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง เหตุเกิดที่สันเขื่อนแม่กวง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
-------------
จากกรณี นายณัฐพล ผันผดุงทรัพย์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาในคดีสะเทือนขวัญ ก่อเหตุลวง นางสาวอ้อม อายุ 35 ปี เซลส์ขายรถยนต์สาว ไปข่มขืนและสังหารโหด
จากการการสืบประวัติ พบว่า นายณัฐพลเคยก่อเหตุมาหลายครั้ง ล่าสุด ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เมื่อ 10 ปีก่อน มีการก่อเหตในคดีข่มขืนกระทำชำเรา และลักทรัพย์ สน.บางมด ก่อเหตุเมื่อปี 2553 จนถูกจับกุมดำเนินคดี และจำคุก และพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564
หลังจากนั้น ก็ออกมาประกอบอาชีพขับรถส่งของ และมาอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้แล้วยังพบประวัติคดีต่างๆ ทั้งคดีท้องที่ อ.ฝาง ทำร้ายร่างกาย ท้องที่ ต.ช้างเผือก คดีข่มขืนกระทำชำเรา
และล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อเหตุคดีอนาจาร ในท้องที่ อ.ดอยสะเก็ด พฤติกรรม ขับรถกระบะตู้ทึบ คันที่ใช้ก่อเหตุล่าสุด ไปจอดซื้อนมกับหญิงสาววัย 18 ปี ในพื้นที่อำเภอสันกำแพง ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 10 เม.ย. 25666
ก่อนที่จะออกอุบายให้หญิงสาวไปช่วยสตาร์ทรถให้ โดยอ้างว่ารถเสีย ขณะที่หญิงสาวขึ้นไปฝั่งคนขับ ผู้ต้องหาได้เข้าไปประกบ และดันตัวให้หญิงสาวไปนั่งฝั่งผู้โดยสารด้านซ้าย หลังจากนั้น ตามคำกล่าวอ้างของผู้เสียหายว่า ผู้ต้องหาใช้มีดจี้บังคับขับรถออกไป
ขณะที่ขับรถ ระหว่างทางได้ใช้มีดจี้บังคับให้หญิงสาวใช้ปากสำเร็จความใคร่จนสำเร็จ 1 ครั้ง หลังจากนั้น ก็ออกอุบายพาหญิงไปกินกาแฟในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด แล้วขับรถไปส่งของให้กับแม่ชี ในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอดอยสะเก็ด
ตอนค่ำ ได้พาขึ้นไปบริเวณสันเขื่อนแม่กวง อ.ดอยสะเก็ด และบังคับให้สำเร็จความใคร่ด้วยปากอีกครั้ง ก่อนที่จะพาขับรถมาตามทาง ขณะนั้นเอง หญิงผู้เสียหายอ้างว่าปวดปัสสาวะ จึงได้แวะที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเอง ผู้ต้องหาได้ขับรถหนีโดยทิ้งผู้เสียหายไว้ หลังจากนั้น ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยจากเบอร์มือถือคนร้ายที่ไปส่งของกับแม่ชี จนติดตามทราบเจ้าของรถคือพ่อของผู้ต้องหา จนวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดยาว ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ซึ่งตรงกับวันหยุด ศาลก็ปิดทำการ ตามกฏหมายจึงต้องแจ้งข้อกล่าวหา และปล่อยตัวไป ก่อนที่จะมีการนัดผู้ต้องหา และทนายความ มาพบอีกครั้งในวันที่ 5 พ.ค. 66 ที่จะถึงนี้
โดยช่วงนี้ อยู่ในช่วงดำเนินคดีของตำรวจ ทั้งรอผลการตรวจร่ายกายของผู้เสียหาย และรวมรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี แต่ก็มาก่อเหตุสลดใจกับเซลส์จำหน่ายรถยนต์เสียก่อน
ซึ่งตอนนี้ หลายฝ่ายต่างวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็อยากให้เข้าใจเห็นใจข้อกฏหมาย และให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ยืนยัน ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือปล่อยเกียร์ว่างในการทำงาน จนเป็นต้นเหตุให้คนร้ายมาก่อเหตุสลด
-------------
วานนี้ (1 พ.ค. 66) พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย หัวหน้าชุดทำคดี แถลงถึงรายละเอียดความคืบหน้าของคดี ซึ่งฝ่ายสืบสวน พบว่า
ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาวางแผนมาลวงหน้า มีการติดต่อผู้เสียหายมาล่วงหน้าอย่างดี การเตรียมสถานที่ก่อเหตุคือโรงแรมในพื้นที่ อ.สันทราย ผู้ต้องหามีการเช่าไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ 13.00 น. ซึ่งมาเปิดรอก่อนที่จะไปลวงผู้เสียหาย ในเวลาประมาณ 15.00 น. รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีการเตรียมการมาอย่างดี จึงเชื่อมั่นว่าเป็นการก่อเหตุโดยวางแผนไว้ล่วงหน้า หลังจากนั้นก็มาลวงผู้เสียหายโดยอ้างเรื่องของการให้พาไปกดเงินเพื่อที่จะนำมามัดจำรถ ก่อนที่จะใช้อาวุธมีดจี้บังคับ และมัดมือมัดเท้า
ผู้ต้องหาให้การสาเหตุของการลงมือฆ่าเหยื่อเพราะหลังจากที่ล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ผู้เสียหายได้โวยวายพยายามดิ้นรนส่งเสียงจึงทำให้ต้องใช้ของแข็ง ซึ่งเป็นฆ้อนเหล็กที่เตรียมมาทำร้ายร่างกาย และใช้เชือกรัดคอจนหมดสติไป
ซึ่งจากที่หลายคนมองว่า การเตรียมฆ้อนไปนั้น เป็นการตั้งใจจะลงมือฆ่าเหยื่อโดยตรงหรือไม่ เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า ใช้ฆ้อนทุบศีรษะนั้น ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นสาเหตุที่เสียชีวิตทันที ทั้งร่องรอยบาดแผลบนร่างกายของเหยื่อนั้นก็ต้องรอผลชันสูตรของแพทย์นิติเวชมาประกอบ ทั้งนี้พบว่า อุปกรณ์หลายอย่างที่ใช้ก่อเหตุ เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพส่งของ
ส่วนเรื่องของจิตเวช ที่ผู้ต้องหาเป็นผู้ป่วยหรือไม่นั้น เชื่อมั่นว่าไม่น่าจะเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช แต่เป็นพฤติกรรมหรือรสนิยมส่วนตัว ที่ชอบใช้ความรุนแรง แม้จะเคยมีคดีเช่นนี้มาก่อนแล้วก็ยังทำซ้ำอีก เบื้องต้น ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นเพิ่มเติม
ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หน่วงเหนี่ยวกักขัง พาไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย และเคลื่อนย้านซ่อนเร้นศพ
-------------
วานนี้ (1 พ.ค. 66) ช่วงเช้า ที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย จ.เชียงใหม่ แม่ของนางสาวอ้อม พร้อมครอบครัว และญาติ ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ นำหัวหมูต้มเป็นเครื่องเซ่นไหว้แก้บนศาลพระภูมิของสถานีตำรวจภูธรสันทราย หลังจากที่ได้บนบานไว้ว่า ขอให้ตำรวจจับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว และพบตัวของลูกสาว
ทั้งนี้ คุณแม่ เปิดเผยว่า ในเวลานี้ตัวเอง รวมทั้งครอบครัวและญาติ ทุกคนยังคงเศร้าเสียใจและโกรธแค้นผู้ต้องหาอย่างมาก ที่ก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหดกับนางสาวอ้อมจนเสียชีวิต ซึ่งไม่มีทางให้อภัยผู้ต้องหาอย่างเด็ดขาด และต้องการเรียกร้องให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น
โดยก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้นนั้น ไม่ได้พูดคุยกับลูกสาวหรือมีลางบอกเหตุใดๆ ทั้งสิ้น เพราะลูกสาวพักอยู่บ้านสามีอีกพื้นที่หนึ่ง แต่ปกติ ลูกสาวจะไปเที่ยวหาที่บ้านในอำเภอสันทราย ทุกวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดงาน
ขณะที่ ในส่วนของการจัดพิธีต่างๆ นั้น เตรียมนิมนต์พระสงฆ์ไปทำพิธีสู่ถอนตามความเชื่อล้านน หรือพิธีเชิญวิญญาณของลูกสาวที่โรงแรมม่านรูดจุดที่พบศพ ส่วนการจัดพิธีศพนั้น จัดขึ้นที่วัดป่าบง ใกล้บ้านพักของลูกสาวที่อยู่กับสามี
-------------
พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบรถที่ก่อเหตุทั้ง 2 คัน เพิ่มเติม คือรถกระบะของผู้ต้องหา และรถเก๋งของแฟนสาว ที่ใช้เคลื่อนย้ายร่างของเหยื่อ
ปรากฏว่า ได้หลักฐานเพิ่มเติมอีกคือเศษผ้า ที่มีลักษณะคล้ายกับเศษผ้าที่พบในปากของผู้ตาย ซึ่งผู้ต้องหาใช้ยัดปากผู้ตาย โดยตอนนี้ก็ยังต้องรอว่าเป็นสาเหตุของการขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิตหรือไม่ ที่อาจจะเกิดจากเศษผ้าไปอุดหลอดลม หรือเชือกที่ใช้รัดคอ หรือเสียชีวิตจากฆ้อนที่ใช้ทุบ ซึ่งต้องรอผลชันสูตรของนิติเวช
-------------