อาชญากรรม

'บิ๊กโจ๊ก' คาดอาจมีคนแนะนำให้ 'แอม ไซยาไนด์' ฆ่าล้างหนี้ - ญาติเหยื่อหลายคนเผย ศพไม่เหมือนศพทั่วไป

โดย nattachat_c

28 เม.ย. 2566

468 views

วานนี้ (27 เม.ย.) เวลาประมาณ 14.30 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางแพ จ.ราชบุรี ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และชุดสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัด ราชบุรี และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นำหมายค้น เข้าตรวจสอบภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี


ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.แจง พี่สาวต่างมารดาของนางสาวสรารัตน์ หรือแอม เพื่อหาหลักฐานเรื่องสารไซยาไนด์ เพราะเดิมนั้น น.ส.แจง เคยเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะทราบเรื่องของยาป้องกันโควิด ที่ญาติของผู้เสียหายรายหนึ่ง เคยเดินทางมาซื้อยาที่นี่ตามคำแนะนำของแอม


โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเชือกกั้นมาปิดล้อมทางเข้าด้านหน้า ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวหรือบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ พร้อมกับทำการอ่านหมายให้กับผู้ที่ดูแลอยู่ภายใน


สถานที่แห่งนี้ จากการสังเกต มีเนื้อที่ค่อนข้างกว้างขวาง และมีอาคารย่อยหลายหลัง ด้านหน้าเปิดเป็นร้านถ่ายเอกสาร และมีร้านขายน้ำ โดยด้านในมีการติดป้ายว่า หยุด และห้ามบุคคลภายนอกเข้าก่อนได้รับอนุญาต รวมถึงมีกล้องวงปิดติดตั้งไว้รอบพื้นที่ด้วย จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านพัก


จากการตรวจค้นเบื้องต้น พบยาสมุนไพรพื้นบ้านบรรจุลงในแคปซูล และขวดโหลไม่มีตัวยา ที่ผู้เสียหายได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ก็จะนำหลักฐานทั้งหมดที่พบ ส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมทั้งจะเชิญตัวนางสาวแจงไปให้ปากคำที่ สภ.บางแพ

------------

วานนี้ (27 เม.ย. 66) เวลา 15.20 น. ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดี น.ส.สรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาคดีฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังพบสารพิษในร่างกายของเพื่อนสาวชาว จ.กาญจนบุรี และเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตปริศนาของบุคคลอีกกว่า 10 ราย


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  เผยถึงหลักฐานที่ น.ส.กานติมา แพสอาด หรือปลา อายุ 36 ปี อ้างว่าเกิดอาการหายใจไม่ออก หลังจากทานยาสมุนไพรเป็นลักษณะแคปซูล ไปประมาณ 20 นาที นั้น  ตัวแคปซูลจะเกี่ยวข้องกับแคปซูลเปล่าที่พบในบ้านพักของแอมหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาตร์


ส่วนความคืบหน้าในการตรวจค้นหาพยานหลักฐาน เพื่อสืบสวนหาที่มาของไซยาไนด์ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเข้าตรวจค้นร้านขายของชำ ซึ่งเป็นร้านค้าของพี่สาวของแอม ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เบื้องต้นมีข้อมูลว่า น.ส.แอม เคยมารับไซยาไนด์ที่ร้านโชห่วย ดังกล่าว แต่จะรับจากใคร อย่างไร อยู่ระหว่างสืบสวน


โดย ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา พบวัตถุพยานหลายอย่างที่ต้องสงสัย โดยเฉพาะหลอดยา และแคปซูลเปล่าจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้ส่งหลอดยาดังกล่าว ให้กับตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจหาสารเคมีแล้ว

------------

ภายหลังจากช่วงเช้าวานนี้ (27 เม.ย. 66) ตำรวจกองปราบปรามได้เชิญพยานในคดีของแอม หรือ นางสาวสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ มาสอบปากคำ รวม 2 คน ได้แก่ สามีของผู้เสียชีวิตที่จังหวัดมุกดาหาร และเพื่อนในวงแชร์ที่มีการติดต่อพูดคุยกันกับแอม รวมถึงผู้เสียชีวิตที่จังหวัดมุกดาหารด้วย โดยได้ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 7 ชั่วโมง


หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น สามีของผู้เสียชีวิตที่จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาให้ปากคำ เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบว่า มีการโอนเงินจากภรรยาของตนไปให้แอมจำนวนหลายแสนบาท จึงสงสัยในการเสียชีวิตของภรรยาตนว่า จะเกี่ยวข้องกับแอม เลยเชิญมาให้ข้อมูล


โดยภรรยาตน เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 ที่บ้านที่จังหวัดมุกดาหาร โดยภรรยาเพิ่งจะคลอดลูกได้ประมาณเดือนกว่าๆ สุขภาพก็แข็งแรงดี ซึ่งตนจะวิดีโอคอลพูดคุยกับภรรยาอยู่ตลอด วันเกิดเหตุก็คุยเกือบทั้งวัน ก็ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่พอช่วงเย็น ภรรยาก็นอนเป็นลมหมดสติไป พอตนรู้จากลูกชายคนโต จึงบอกให้เพื่อนบ้านไปช่วยดู ก็พบว่าภรรยามีอาการปากเขียว นิ้วเขียวไปแล้ว จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ซึ่งแพทย์ก็ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ โดยบอกว่าตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติ


แต่ตอนที่ตนไปรับศพภรรยา ลักษณะคือ มีเลือดออกที่ริมฝีปาก / ปลายนิ้วเขียว / และอุจจาระราด ทั้งนี้ ตอนนั้นตนไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต เพราะเข้าใจว่าภรรยาคงจะอ่อนเพลียเพราะเพิ่งคลอดลูก และทำงานหนักเลี้ยงลูก จนอาจจะหัวใจล้มเหลวได้ และไม่ได้สงสัยใคร เพราะภรรยาไม่มีปัญหาขัดแย้งกับใครที่ไหน จึงไม่ได้ชันสูตรศพโดยละเอียดต่อ


ส่วนกับแอม ภรรยาตนรู้จักผ่านวงแชร์ออนไลน์เมื่อประมาณปี 59-60 ซึ่งทั้งคู่เคยเป็นลูกแชร์ด้วยกัน แต่วงแชร์ล้ม เลยนัดกันมาเจอเพื่อจะปรึกษาเรื่องตามทวงเงิน แล้วหลังจากนั้นก็พบปะพูดคุยกันมาตลอด ตนเองก็เคยไปเจอแอม 2 ครั้ง ก็ดูเป็นคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีอะไรน่าสงสัย


เท่าที่ตนรู้ แอมมักจะคุยกับภรรยาตนเรื่องแชร์ และมีการชวนไปปล่อยเงินกู้ ชักชวนลงทุน ให้เอาเงินไปให้ และยังเคยแนะนำเพจขายน้ำมันพืชออนไลน์ราคาถูกสำหรับนำไปขายต่อให้ ซึ่งภรรยาตนก็เคยลงทุนไป 4 หมื่นบาท แล้วก็ถูกโกง และภรรยาก็เคยมาเล่าว่า แอมชอบมายืมเงิน แต่ตนไม่รู้ว่าเท่าไหร่ โดยวันนี้ได้นำโทรศัพท์มือถือมาให้ตำรวจตรวจสอบ ก็พบสลิปโอนเงินที่ภรรยาโอนไปให้แอมหลายแสนบาท


และก่อนเสียชีวิต ภรรยาก็เล่าให้ฟังว่า แอมมาแนะนำยาลดวามอ้วน เพราะว่าภรรยาตนเพิ่งคลอดลูก บอกว่าจะส่งยามาให้ ซึ่งหลังภรรยาตนเสียชีวิต ตนก็ไปพบว่าบนหัวเตียงมียาแคปซูลวางอยู่ แบบที่ไม่ได้ใส่ในบรรจุภัณฑ์อะไร ใส่แค่กล่องใสๆ โดยแอมส่งยามาประมาณช่วงก่อนเสียชีวิตพอดี


และหลังจากภรรยาตนเสียชีวิตไป แอมก็ยังโทรมาถามว่า ภรรยาตนเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อคืนคุยกันอยู่ดีๆ แล้วก็ติดต่อไม่ได้ พอรู้ว่าเสียชีวิตก็ยังแสดงความเสียใจ แต่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีก


โดยพอตนเห็นข่าว ก็นอนไม่หลับไปหลายคืน เพราะเชื่อว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ที่ภรรยาจะเสียชีวิตโดยเกี่ยวข้องกับแอม เพราะเรื่องราวมันคล้ายกันมาก ซึ่งแม้ตอนนี้หลักฐานของตนจะแทบไม่เหลือแล้ว แต่ก็จะมาให้ข้อมูลเรื่องพฤติการณ์ เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ อะไรทำได้ก็ทำเต็มที่

------------
วานนี้ (27 เม.ย.) เวลา 17.00 น. ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมคลี่คลายคดี นางสรารัตน์ หรือแอม อายุ 36 ปี อดีตภรรยารองผู้กำกับสังกัดภูธรราชบุรี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาลักทรัพย์ด้วยการวางยาสลบไซยาไนด์ หลังพบว่ามีผู้เสียชีวิตหลาย 10 ราย


ล่าสุด จากการสืบสวน และรับแจ้งเบาะแสข้อมูล พบมีผู้เสียชีวิตถูกวางยาแล้ว รวม 13 คน  และถูกวางยาพิษแต่รอดชีวิตได้ 1 คน รวม 14 คน ที่ต้องสงสัยว่าถูก น.ส.แอม ลอบวางยารายล่าสุด ซึ่งเป็นศพที่ 13  ที่ตรวจพบในวันนี้ (27 เม.ย. 66) เป็นภรรยาของดาบตำรวจนิติพนธ์ นุชิต ตำรวจ ตม.ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ได้เข้าให้ปากคำยืนยันว่าภรรยาคือ น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ หรือหนิม อายุ 40 ปี รู้จักเกี่ยวข้องกับ น.ส.แอม ก่อนจะเสียชีวิต เมื่อปี 2563 ลักษณะการตายและสภาพศพคล้ายกับศพรายอื่นๆ ที่ถูกวางยา  


ทั้งนี้ ด.ต.นิติพนธ์ ให้การว่า ในช่วงที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่ ได้รู้จักกับ น.ส.แอม และแอมได้มาขอยืมเงิน ภรรยาจึงได้ไปกู้เงินด่วนมาให้ 150,000  บาท ส่วนอีก 90,000 บาท เป็นเงินของนายดาบสามี ที่มอบให้ภรรยานำไปให้นางแอมกู้ยืม จากนั้นไม่นานภรรยาของนายดาบ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของแอม ก็เสียชีวิต ซึ่งไม่ติดใจสงสัยสาเหตุการตาย กระทั่งเกิดข่าว น.ส.แอม วางยาพิษฆ่าเหยื่อ หลาย 10 คน จึงเริ่มสงสัยว่าภรรยาของตน ก็อาจจะถูกวางยาพิษฆ่าให้ตายเพื่อปลดหนี้หรือไม่


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวนฟันธงว่า สาเหตุการวางยาฆ่าเหยื่อกว่า 10 คน ของ น.ส.แอมเพื่อต้องการฆ่าล้างหนี้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหนี้ที่ น.ส.แอม ไปกู้ยืมเงินมาเกือบทั้งสิ้น


ซึ่ง น.ส.แอม ไม่มีรายได้ จึงกู้ยืมเงินจากหลายคนรวมๆ แล้วกว่าล้านบาท พอมีหนี้สินเกิดขึ้นจำนวนมาก ไม่มีเงินไปใช้หนี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีคนแนะนำให้ใช้วิธีการวางฆ่าล้างหนี้ และฆ่าแล้วไม่ถูกจับจึงเกิดความย่ามใจฆ่ามาเรื่อยๆ กระทั่งถูกจับ

--------------

ข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้พนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปราม ได้สอบปากคำ ด.ต.นิติพนธ์ นุชิต อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สตม. หรือ นายต้า สามีของ น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ หรือ หนิม อายุ 40 ปี เหยื่อรายล่าสุดที่พบเสียชีวิตในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เกือบ 7 ชม.


ทราบว่า น.ส.สาวิตรี เริ่มรู้จักกับ แอม ผู้ต้องหา จากการลงทุนแชร์ สอดคล้องกับข้อมูลการติดต่อของแอม กับ น.ส.สาวิตรี ที่ช่วงก่อนเสียชีวิตมีการติดต่อหากันอยู่บ่อยครั้ง ก่อนแอม จะส่งของมาให้อ้างเป็นยาลดน้ำหนัก ชนิดแคปซูลมาให้ เพราะเห็นว่า น.ส.หนิม เพิ่งคลอดลูก แต่ครั้งแรกที่ส่งมา ไม่สามารถรับประทานได้ เนื่องจากแคปซูลยาละลาย ก่อนจะมีการส่งซ้ำมาให้ใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งมีการรับประทานแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2565


โดยสาเหตุการเสียชีวิตใบชันสูตรมีการระบุว่า มีโปแทสเซี่ยมในเลือดปริมาณสูง ซึ่งมูลเหตุของคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่มุ่งไปที่การฆ่าล้างหนี้ เนื่องจาก นางสรารัตน์ ติดหนี้ น.ส.สาวิตรี เป็นเงินหลักแสนบาท สอดคล้องกับพฤติกรรมคดีอื่นๆที่ค่อนข้างชัดเจนว่า ผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ที่นางสรารัตน์ ติดเงินอยู่นั้นมักจะเสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน


นอกจากนี้ จากการสอบปากคำ น.ส.จอย พยานบุคคลที่เป็นเพื่อนสนิทกับ น.ส.สาวิตรี ยังทราบว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. หลังแอมก่อเหตุวางยาฆ่า น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 33 ปี จนเสียชีวิต แอม ได้โทรศัพท์และส่งข้อความมาหา น.ส.จอย เพื่อสอบถามขั้นตอนการติดตามหาคนหายของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย

--------------

เมื่อวานนี้ (27 เม.ย. 66) มีการเปิดข้อมูลของเหยื่อรายใหม่ของ น.ส.แอม ชื่อ น.ส.นิตยา แก้วบุบผา อายุ 36 ปี โฟร์แมนคุมงานก่อสร้าง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 63 ที่ อ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม โดยหัวหน้างานของ น.ส.นิตยา ระบุว่า ผู้ตายรู้จักกับ น.ส.แอม โดย น.ส.แอม มักจะมาหาที่ไซด์งานเป็นประจำ


ก่อนเสียชีวิต น.ส.แอม ได้พาผู้ตาย นำรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ราคาประมาณ 8-9 แสนบาท ไปจำนำที่ จ.นครปฐม ได้เงิน 150,000 บาท จากนั้น น.ส.แอม พา น.ส.นิตยา ไปสังสรรค์ที่ร้านดนตรีเพื่อชีวิต พอวันรุ่งขึ้นก็พบว่า น.ส.นิตยา เสียชีวิตภายในห้องน้ำที่หอพัก ลักษณะมีเลือดออกทวารทั้ง 7


ผู้สื่อข่าวได้ไปเดินทางไปพบกับพ่อแม่ และน้าสาว ของ น.ส.นิตยา ที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ โดยนางสาวณัฐธยาน์ โพธิ์กระสัง อายุ 47 ปี น้าสาว เผยว่า ตนสงสัยการตายของหลานสาวตั้งแต่แรกว่ามีความผิดปกติ หลังจากนำศพจากนครปฐม กลับบ้านที่ศรีสะเกษ ตอนเปิดโลงเห็นศพเป็นสีคล้ำเหมือนสีองุ่น ไม่เหมือนคนที่เสียชีวิตปกติทั่วไป ขณะที่ใบมรณบัตรระบุสาเหตุการตายว่า เนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิต และการหายใจล้มเหลว


ทำให้ตนและญาติพี่น้องทุกคนพากันติดใจสงสัยสาเหตุการตายของนางสาวนิตยาเป็นอย่างมาก และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของนางสาวนิตยาขึ้นมา เพื่อความเป็นธรรมให้กับนางสาวนิตยาด้วย


ส่วนกรณีรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวนั้น นางสาวนิตยาได้ขอยืมมาจากน้าอร ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่เพื่อมาใช้งาน เนื่องจากช่วงนั้นไม่มีรถใช้งาน จึงได้ไปยืมรถน้องสาวของแม่มาใช้ และรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวได้หายไปประมาณ 2 อาทิตย์ ก่อนที่นางสาวนิตยาจะเสียชีวิต จึงได้ไปแจ้งความไว้แล้ว และไม่ทราบว่ารถหายไปที่ใด เนื่องจากนางสาวนิตยาเป็นโฟร์แมนคุมงาน จะต้องเดินทางไปตามไซต์งานก่อสร้างหลายแห่งทำให้รถหายไป


ด้านนายเกิด แก้วบุบผา อายุ 66 ปี พ่อของนางสาวนิตยา กล่าวว่า ตนเสียใจมากที่ลูกสาวที่ตนรักมากต้องมาเสียชีวิตอย่างกระทันหัน และทำให้ขาดเสาหลักในการดูแลเลี้ยงดูครอบครัว ตนเชื่อว่าลูกสาวของตนตายผิดธรรมชาติ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไ ด้ทำการรื้อคดีนี้ขึ้นมา


ทั้งนี้ เนื่องจากสังเกตว่า การเสียชีวิตของลูกสาวตนคล้ายกับคนอื่นๆ ที่ถูกนางสาวแอมทำการวางยาฆาตกรรมเสียชีวิตก็คือ ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ซึ่งคล้ายกันกับลูกสาวของตน เพราะว่าลูกสาวของตนสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เคยมีโรคประจำตัว หรือโรคร้ายใดๆ ทั้งสิ้น


ด้านนางสุพิศ แก้วบุปผา อายุ 69 ปี แม่ของนางสาวนิตยา กล่าวว่า นางสาวนิตยาเป็นเสาหลักของบ้านหาเลี้ยงครอบครัว โดยจะส่งเงินมาให้พ่อกับแม่เดือนละประมาณ 3,000 กว่าบาทเ ป็นประจำทุกเดือน เมื่อลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะพ่อแม่แก่แล้ว ไม่มีรายได้จากทางอื่นมาใช้จ่ายในครอบครัว ตนอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อคดีนี้ขึ้นมา เพื่อความเป็นธรรมให้กับลูกสาวที่ตนรักมากด้วย


นางสาวสุธาวรรณ ดอนจันทร์มาตย์ อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของนางสาวนิตยา กล่าวว่า ตนเสียใจมากที่คุณแม่เสียชีวิตอย่างกระทันหัน โดยก่อนที่แม่จะเสียชีวิตแม่ได้โทรศัพท์มาบอกว่า เดี๋ยวแม่จะโอนเงินมาให้เพื่อให้ไปโรงเรียน จากนั้นตนก็ได้ทราบข่าวว่าแม่เสียชีวิตกะทันหันในห้องน้ำที่บ้านพัก ที่จังหวัดนครปฐม


ซึ่งเมื่อนำศพของแม่มาทำบุญที่บ้าน ตนเห็นหน้าแม่แล้วพบว่า แม่เสียชีวิตผิดธรรมชาติ เนื่องจากใบหน้าของแม่มีสีม่วงตามใบหน้า ซึ่งลักษณะการตายไม่เหมือนกับคนตายทั่วไป ตนจึงเชื่อว่าแม่จะโดนฆาตกรรม ตนอยากฝากไปถึงคนที่ทำร้ายแม่ของตนว่าขอให้ชดใช้กรรมของเขาไป ที่ได้ทำกับแม่ของตนแบบนี้

--------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/VTcDr2IGPHY


คุณอาจสนใจ

Related News