อาชญากรรม

ออกหมายจับ 4 ตำรวจ ตม.อุ้มรีดไถทรัพย์ชาวจีน ‘บิ๊กโจ๊ก’ แจงผบ.ตร.สั่งไล่ออก ชี้ผิดร้ายแรง เสื่อมเสียวงการสีกากี

โดย petchpawee_k

22 มี.ค. 2566

45 views

จากที่มีคนร้ายแต่งกายคล้ายตำรวจ อุ้มชาวจีนพร้อมล่ามแปลภาษาชาวไทย ไปขู่บังคับรีดไถทรัพย์เป็นเงินสกุลดิจิทัลจำนวน 10 ล้านบาท ภายในบ้านพักย่านซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงดินแดง เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าแจ้งความ จนมีรายงานข่าวว่า ชุดสืบสวน สามารถนำตัวผู้ต้องสงสัยไม่น้อยกว่า 4 ราย ซึ่งหนึ่งในบรรดาผู้ก่อเหตุ เป็นตำรวจระดับสารวัตรสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง


วานนี้ 21 มี.ค. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดที่ชัดเจน ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกนายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง เสื่อมเสียวงการตำรวจ จากการสืบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับสารวัตรสืบสวน สังกัด ตม.1 รวม 2 นาย เจ้าหน้าที่ชั้นยศประทวน 4 นาย และมีคนชี้เป้าซึ่งเป็นคนไทยร่วมขบวนการด้วย ขณะนี้ได้มีการเชิญตัวเจ้าหน้าที่บางส่วนมาสอบปากคำแล้ว


โดยในวันนี้ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง รวบรวมหลักฐานเสนอศาลอาญาทุจริตและปนะพฤติมิชอบกลางเพื่อขอออกหมายจับนายตำรวจรวม 4 นาย ประกอบด้วยสารวัตรสังกัด ตม. 2 นาย และนายตำรวจชั้นประทวน อีก 2 นาย แล้ว ส่วนตำรวจชั้นประทวนอีก 2 นาย รวมถึงคนชี้เป้า กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับเช่นกัน


ส่วนการดำเนินการทางวินัย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีคำสั่งไล่ออกเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำความผิดทั้งหมด ส่วนความผิดทางอาญาให้ดำเนินคดีโดยชัดเจน และตนยังได้พูดคุยกับผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีความเห็น สอดคล้องกันว่า ผู้บังคับบัญชาในระดับผู้บังคับการและผู้กำกับการของตำรวจ ตม. ที่กระทำความผิด จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะการกระทำความผิดของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก  


ก่อนหน้านี้มีการดำเนินคดีกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 107 นาย ที่เอื้อประโยชน์ในการต่อวีซ่าให้กับกลุ่มนายทุนจีน ในส่วนตัวมองว่าการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจทุกวันนี้ มีภาคประชาชนคอยตรวจสอบ เมื่อพบการกระทำความผิดที่มีพยานหลักฐาน ก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมายโดยไม่ละเว้นและไม่ช่วยเหลือ


ส่วนกรณีการขยายผลแก๊งอุ้มชาวจีนที่เกิดบ่อยครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ จากการสืบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุไม่มีความเกี่ยวข้องหรืเชื่อมโยงกัน ส่วนชาวจีนที่ถูกอุ้ม จะต้องมาสืบสวนขยายผลว่าได้ทำธุรกิจหรือกระทำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมาย ก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้ช่องโหว่ดังกล่าวไปจับกุมบุกอุ้มเพื่อขู่กรรโชกรีดทรัพย์โดยผิดกฎหมาย


ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ในตำรวจหนึ่งในแก๊งอุ้มรีดทรัพย์เปิดเผยกับสื่อมวลชนผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ไม่มีอะไรอยากชี้แจง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำตามที่กล่าวหา แต่ยอมรับว่าตนเองเป็น1ในชุดที่เข้าไปจับกุม โดยในวันดังกล่าวได้รับแจ้งว่ามีชายชาวจีนอยู่ในราชอาญาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีบัตรประชาชนไทยจึงไม่ดำเนินคดีและปล่อยตัวไป ยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเงินตามที่ถูกกล่าวหา และปฎิเสธกรณี ที่ รองผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ว่ามีเงินจากจีนโอนเข้าบัญชีของตำรวจว่าไม่มียืนยันว่าไม่ได้รับเงินเป็นความจริง และไม่ทราบว่าเรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไร


ทั้งนี้ยอมรับรู้สึกกังวลว่าจะมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ แต่ก็พร้อมจะต่อสู้คดี โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวไว้อยู่ที่ต้นสังกัด ขณะที่ นายนายตำรวจ ยศ พ.ต.ต. 1 ในชุดที่ถูกกล่าวหารับสายทางโทรศัพท์ แต่ไม่สะดวกให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน


ล่าสุดพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและออกหมายจับได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย


1. พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1

2. พ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1

3. ร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รอง สว.สืบสวน บก.ตม.1

4. ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ สืบสวน บก.ตม.1


โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด โดยมีพฤติการณ์ในการอุ้มผู้เสียหายไปข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัวให้พ้นจากการจับกุม ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พึงกระทำ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม หากพบมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดอีกก็จะนำตัวมาดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/pkmTq06Xs0E

คุณอาจสนใจ

Related News