อาชญากรรม

ข้ามคืน! เร่งระงับเหตุ 'สารวัตรคลั่ง' รัวยิงปืน พยายามกล่อมไม่สำเร็จ ยิงแก๊สน้ำตาอลหม่าน

โดย petchpawee_k

15 มี.ค. 2566

536 views

ตำรวจสารวัตรสันติบาลคลั่ง! ยิงปืนหลายนัดขึ้นฟ้าในบ้านมั่นคง ย่านสายไหม รัวกระสุนกว่า 20 นัด คนสนิทกล่อมให้มอบตัวไม่เป็นผล ‘อรินทราช-คอมมานโด’ ปิดล้อมพื้นที่ ยิงแก๊สน้ำตากดดันให้ออกจากบ้าน เปิดแชต ‘สารวัตรคลั่ง’ ชี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า

วานนี้ (14 มี.ค.) เวลา 11.00 น. เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด บริเวณบ้านเลขที่ 2/269  ภายในหมู่บ้านมั่นคง ซอยจีระมะกร แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ สร้างความตกใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก วิ่งหนีกระสุนจ้าละหวั่น  ขณะที่ตำรวจ สน.สายไหม และหน่วยอรินทราช 26 พร้อมอาวุธครบมือ นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านของชายคนดังกล่าวเพื่อควบคุมสถานการณ์


นอกจากนี้ได้นำรถยนต์กระบะไปจอดขวางถนนใกล้กับบ้านของผู้ก่อเหตุและให้ผู้บังคับบัญชาเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ชายผู้ก่อเหตุผ่อนคลายยอมเข้ามอบตัว ซึ่งขณะนั้นเขายังอยู่ในบ้านของตัวเองปิดประตูสนิท


มีรายงานว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน 2 กระบอก ขนาด 9 มม. และขนาด .38 รวมกระสุน 40 นัด /อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้กันชาวบ้านและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย มีการเตรียมรถกู้ชีพสแตนบายไว้


เหตุการณ์นี้ชาวบ้านได้ถ่ายคลิปไว้จะเห็นตำรวจที่ก่อเหตุใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดสีดำ ถืออาวุธปืนเดินแกว่งปืนไปมา ส่งเสียงโวยวายดังลั่นอยู่บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน จนชาวบ้านละแวกนั้นหวาดผวาวิ่งเข้าไปหลบในบ้านของตัวเอง ปิดประตู หน้าต่างอยู่ในบ้านไม่มีใครกล้าออกมาดู พร้อมทั้งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ


โดยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้าน ช่วงเวลาประมาณ 10.29 น. จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นรัว ๆ ประมาณ 6 นัดโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมอยู่ และต้องคอยหลบกระสุนหลังรถยนต์


ทีมข่าวลงพื้นที่พบว่าที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ผู้ก่อเหตุคือ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว สันติบาล/ ซึ่งระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุเปลี่ยนใส่เสื้อยืดสีขาวยืนอยู่บนชั้น 2 โผล่ตัวออกมา


ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์เผื่อควบคุมตัวตำรวจที่ก่อเหตุ ระหว่างนั้น 13.18 น.เกิดเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด/ 13.20 น. 3 นัด/ 13.22 น. 1 นัด/ 13.23 น.1 นัด /13.26 น.1 นัด /13.30 น. 1 นัด/13.31 น. 1 นัด/13.32 น.1 นัด /13.33 น.2 นัด/13.38 น. 2 นัด/ 13.39 น. 1 นัด ซึ่งไม่รู้ว่ายิงออกมาจากไหน ผู้ก่อเหตุอาจยิงสวนออกมาจากบ้านของเพื่อข่มขู่หรือไม่


13.20 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกดดันเจรจาให้ชายคลุ้มคลั่งมอบตัว แต่ผู้ก่อเหตุมีอาการเครียดคาดว่าน่าจะถูกกดดัน ส่งเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นออกมาจากบ้านของตัวเอง “ออกไป ออกไป มึงออกไปให้หมด ไป กูไม่เจรจากับใครทั้งนั้น” และตะโกนด่าไล่เจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ ไม่ให้เข้าไปใกล้บ้านของตัวเอง /เจ้าหน้าที่บอกให้ชาวบ้านและนักข่าว ไม่ให้อยู่พื้นที่โล่งหรือแนววิถีกระสุน


14.00 น. สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด/ เจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนตรึงกำลังรายล้อมบ้านที่เกิดเหตุไว้ พร้อมเกลี้ยกล่อมยังไม่คิดที่จะบุกเข้าไปชาร์ตตัว รอให้ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ระงับสงบสติอารมณ์ได้ก่อน เนื่องจากอาจเกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย และพยายามติดต่อผู้บังคับบัญชาที่ พ.ต.ท.กิตติกานต์ นับถือและญาติพี่น้องเข้าช่วยเกลี้ยกล่อม กว่า 3 ชั่งโมงก็ยังไม่ได้ผล ผู้ก่อเหตุคลุ้มคลั่งเช่นเดิมเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่

14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะเจรจาเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุ โดยใช้โทรโข่งเครื่องขยายเสียงในการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุที่อยู่ชั้น 2 ของบ้านว่า "สารวัตรกานต์ได้ยินเสียงผมไหม ผมตั้งใจมารับนะ ผมผู้กำกับนัทพงธ์นะ จำผมได้ไหมวันนี้ผมตั้งใจจะมารับนะ ไม่มีใครตั้งใจจะทำร้ายนะครับ เรากำลังมารับนะครับพี่กานต์ ได้ยินเสียงผมไหม ผมมารับพี่ไปหาหมอนะ ถ้าพี่ไหวใจผมพี่เดินเปิดประตูออกมา วางอาวุธด้วยแล้วเดินเปิดประตูออกมาเดี๋ยวผมไปรับพี่เอง ได้ยินไหมครับพี่"

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า พ.ต.ท.กิตติกานต์ ยังไม่มีครอบครัว เมื่อ 2 ปี ที่แล้วย้ายเข้ามาเช่าพักอยู่ที่เกิดเหตุกับเพื่อนตำรวจด้วยกัน 2 คน ต่อมาช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อนได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำให้พ.ต.ท.กิตติกานต์ พักอยู่คนเดียว ก่อนหน้านี้พ.ต.ท.กิตติกานต์ ประจำอยู่ที่วิทยาลัยการศึกษา บช.ศ. โผแต่งตั้งที่ผ่านมาถูกย้ายมาที่ บช.ส.

ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กิตติกานต์ มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน โดยชาวบ้านมักจะเห็น พ.ต.ท.กิตติกานต์ ถือโทรศัพท์ใส่หูฟังพูดคนเดียวและตะโกนด่าไปเรื่อย นอกจากนี้วันดีคืนดี พ.ต.ท.กิตติกานต์ ยังชอบยิงปืนขึ้นฟ้าสร้างความหวาดผวาให้เพื่อนบ้านไปทั่ว


ก่อนเกิดเหตุชุดปฏิบัติการสันติบาลได้ประสาน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมารับตัวไปรักษา เมื่อมาถึงหน้าบ้านพักได้เคาะประตูเรียกแต่ พ.ต.ท.กิตติกานต์ไม่พอใจใช้อาวุธปืนยิงใส่ประตูไม้ทะลุออกมา 2 นัด เพื่อนและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวิ่งหนีกันกระเจิง โชคดีกระสุนปืนไม่ถูกใครบาดเจ็บ


ต่อมา พ.ต.ท.กิตติกานต์ เปิดประตูออกมายืนถือปืนอยู่หน้าบ้าน โวยวายตะโกนซื้อบุหรี่ 1 ซอง จากร้านชำข้างบ้านขณะนั้นแม่ค้าใจดีสู้เสือเดินเอาบุหรี่ไปให้ จากนั้น พ.ต.ท.กิตติกานต์ เปิดประตูเข้าไปอยู่ในบ้านพัก โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชล้อมบ้านพักไว้ โดยกันชาวบ้านและกลุ่มผู้สื่อออกจากพื้นที่พ้นอันตราย นำเชือกมากั้นพื้นที่ไว้


ทีมข่าวได้คุยกับชาวบ้านที่เป็นคนถ่ายคลิปสารวัตรกานต์ เดินถือปืน เล่าว่า ตนเองเห็นเหตุการณ์ก็ไม่ได้ตกใจอะไรสาเหตุที่ถ่ายคลิปเพราะต้องการให้สมาชิกในหมู่บ้านเห็นโดยได้ส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์ของหมู่บ้าน ตนเห็นสารวัตรกานต์ เอะอะโวยวายเป็นประจำ ครั้งนี้คลุ้มคลั่งหนัก ชาวบ้านจึงได้แจ้งกรรมการหมู่บ้าน โดยสารวัตรกานต์ มีอาการมาหลายวันแล้ว ที่ผ่านมาเคยพูดให้ฟังเรื่องงาน แต่ไม่ได้บ่นว่าเครียด ระยะหลังเห็นซื้อเหล้าดื่มประจำ ส่วนอาการป่วยตนไม่ทราบ

ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตนได้ยินเสียงปืนนัดแรกตอน 8.30 น. จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์วนในหมู่บ้านแล้วยิงปืน 3-4 นัด และในขณะนั้นตนก็เห็นกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาพูดคุยพร้อมบอกว่า “สารวัตร ผมมาช่วย” หลังจากนั้นคนก่อเหตุมีอาการคลั่งมากกว่าเดิม ก่อนที่จะเข้าไปในบ้านแล้วก็ยิงปืนรัว หลายนัดต่อเนื่อง ทำให้ตนเองและชาวบ้านที่อยู่โดยรอบรีบเข้ามาหลบภายในบ้านและไม่กล้าออกจากบ้านเลย

โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนได้ยินเสียงคล้ายกับพลุดังขึ้น 1 ครั้ง จากบ้านของผู้ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ทราบเพราะปกติตอนเจอหน้าก็พูดคุยทักทายกันตามปกติซึ่งผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่บ้านหลังนี้มาประมาณ 1 ปีแล้ว อาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว


ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นเพื่อนฝูงมาแวะเวียนเลย ส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่ตัวคนเดียวตลอด ซึ่งอาการคุ้มคลั่งของผู้ก่อเหตุเคยเกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง มีเพียงแค่อาการโวยวายและด่าทอชาวบ้านแถวนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายใคร มีครั้งนี้ ที่รุนแรงมากที่สุด

 ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของหมู่บ้านมั่นคง เปิดเผยว่า ตอนประมาณ 10 โมง มีลูกบ้านแจ้งมาว่าได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด พอเปิดกล้องวงจรปิดหน้าหมู่บ้านดูก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ไว้แล้ว

ซึ่งตลอดระยะเวลาตั้งแต่ 10 โมง จนถึงช่วงเที่ยง ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะจำนวนหลายนัดมากจนนับไม่ถ้วน จนกระทั่งก่อนเที่ยงได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุร้องว่า โอ้ย ก่อนที่สถานการณ์จะนิ่งไป ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยทางหมู่บ้านก็ได้แจ้งเตือนลูกบ้านให้ระมัดระวัง และปิดประตูอยู่แต่ในบ้าน

ก่อนหน้านี้ ประมาณ 3-4 วันที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่งติดต่อกันทุกวัน โดยจะอาละวาดช่วง 4 ทุ่มไปจนถึงตี 2 พูดเสียงดังโหวกเหวกโวยวายอยู่คนเดียวในบ้าน ประมาณว่ามึงทำอะไร กูไม่กลัวใคร ทั้งนี้คนในหมู่บ้านยังไม่เคยเห็นผู้ก่อเหตุนำอาวุธออกมายิง หรือขู่ใครมาก่อน แต่ก็รู้ว่าเป็นตำรวจต้องมีปืนอยู่กับตัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น

โดยผู้ก่อเหตุได้มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ได้ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ตอนแรกมาอยู่กับเพื่อนที่เป็นตำรวจด้วยกันอีกคนหนึ่งจนช่วง 1 ปีที่แล้ว เพื่อนได้ย้ายออกไปผู้ก่อเหตุจึงอาศัยอยู่เพียงลำพังมาโดยตลอด แต่ก็จะไม่ยุ่งกับใคร ไม่พูดคุยหรือคบหากับเพื่อนบ้าน เวลาที่กลับมาก็จะอยู่แต่ภายในบ้าน แต่คนในหมู่บ้านสังเกตเห็นความผิดปกติคือผู้ก่อเหตุมักจะชอบพูดคนเดียว โดยจะใส่หูฟังสมอลล์ทอล์คไว้และพูดคุยคนเดียวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีใครไปยุ่ง และไม่ทราบว่าป่วยมาก่อน

 ตนเองมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่อันตรายและร้ายแรงมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นช่วงปิดเทอม เมื่อเช้าตอนที่เกิดเหตุ ส่วนมากก็จะมีแต่เด็กเล็กที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ซึ่งหลังจากนี้ หากตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ก็อยากให้ไปรักษา และหลังได้รับการรักษา ก็อยากให้ย้ายออก ไม่อยากให้กลับมาอยู่ในหมู่บ้านอีก

16.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเผยสั้นๆ “ขอฟังบรรยายสถานการณ์ก่อน จะไม่ให้ยืดเยื้อ พยายามให้จบให้ดีที่สุด” ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน มีการนำชาวบ้าน เด็ก ผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียง ออกจากบ้านใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ


 พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ กฟน. มาตัดกระแสไฟโซนบ้านผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ใช้โดรนบินสำรวจบริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุ ประเมินสถานการณ์ด้วย เพื่อวางแผนเข้าชาร์ตตัว และขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการไลฟ์สด เนื่องจากสารวัตรกานต์ อาจดูไลฟ์ติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากลำบาก


17.26 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่ในบ้าน เปิดเผยภายหลังเข้าไปควบคุมสถานการณ์ว่า จากการประเมินสถานการณ์ พฤติกรรมของสารวัตรกานต์ ไม่ใช่ภัยคุกคาม ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง จึงได้สั่งให้ลูกน้องห้ามใช้กำลังโดยเด็ดขาด ต้องเข้าใจว่าเขาคือผู้ป่วย ขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงานเเละรอให้พฤติการณ์ของสารวัตรกานต์ นั้นดาวน์ลง


 ส่วนสาเหตุเกิดจากปัญหาส่วนตัวประกอบกับปัญหาอาการป่วยทางจิตเวชที่เป็นอยู่เเล้ว และปัญหาความกดดันในหมู่บ้าน จึงเป็นจุดที่ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือไม่  จึงอยากฝากถึงสารวัตรกานต์ ว่าหากฟังอยู่ขอให้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเข้ามาช่วยไม่ได้เข้ามาทำร้าย อยากให้ออกมาคุยกัน พร้อมบอกว่า “ถ้าดูอยู่ ก็บอกมาว่าจะช่วยเเก้ปัญหาให้มีอะไร สามารถพึ่งพาได้เสมอ”


พร้อมขอความร่วมมือชาวบ้าน ยังไม่อยากให้กลับเข้าพื้นที่ จนกว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตามยังคงใช้การเจรจาเกลี้ยกล่อมเป็นหลัก โดยขณะนี้ได้ให้พี่ชายของสารวัตรกานต์ เข้ามาทำการเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผลโดยสารวัตรกานต์ ยังคงเก็บตัวอยู่ภายในบ้านและมีการเปิดเพลงฟัง ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงล้อมรอบบริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุอย่างหนาแน่น


 18.46 น. เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อถอยออกจากพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกว่า 10 นัดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตะโกนออกมาบอกว่า “ ผู้ก่อเหตุได้ยิงตอบโต้ “ ขณะที่เจ้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้กลับไปอีก นักข่าววิ่งหลบแก๊สน้ำตากันให้วุ่น ชาวบ้านบางส่วนได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา


ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงกรณีสารวัตรสังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเกิดอาการคลุ้มคลั่งยิงอาวุธปืนภายในบ้านพักตนเอง ในซอยสายไหม 56 แขวงออเงิน เขตสายไหมว่า ขณะนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ซึ่งจะดำเนินการไปตามยุทธวิธีของทางตำรวจเพื่อควบคุมสถานการณ์


ด้านประวัติการรักษาอาการป่วยทางจิตของตำรวจนายนี้นั้น ต้องตรวจสอบที่ฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ต้นสังกัดปัจจุบัน หรือวิทยาลัยการศึกษา กองบัญชาการศึกษา ซึ่งเป็นอดีตต้นสังกัด ว่านายตำรวจคนนี้มีประวัติการรักษาอาการทางจิต รวมไปถึงประวัติความผิดปกติในการทำงานอย่างไร


ส่วนมาตรการดูแลตำรวจที่มีอาการป่วยทางจิตนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 ที่ผู้บังคับบัญชาต้องคอยสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกๆ เรื่อง รวมไปถึงสภาพจิตใจและสุขภาวะจิตอย่างใกล้ชิด ดังนั้นผู้บังคับบัญชาจะต้องรับทราบข้อมูลอาการป่วยต่างๆ ของผู้ต่างบังคับบัญชาและเพื่อช่วยเหลือหาทางแก้ไขต่อไป ซึ่งหลังจากนี้คงจะมีมาตรการกำชับผู้บังคับบัญชาให้เข้มงวดในการดูแลสภาพจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้น


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/WJVU6MKj5vM


คุณอาจสนใจ