อาชญากรรม

จ่อออกหมายจับ แก๊งอุ้มโปรแกรมเมอร์เว็บพนัน – ‘ชูวิทย์’ แฉไป ด่าไป ตร.ใช้พนันออนไลน์ ช่องทางหาเงิน

โดย petchpawee_k

8 ก.พ. 2566

45 views

เตรียมออกหมายจับ แก็งอุ้มอดีตโปรแกรมเมอร์เว็บพนัน 5-6 คน พบพฤติกรรมเข้าข่ายร่วมกันปล้นทรัพย์ ด้าน ‘ชูวิทย์’ โพสต์เดือด แฉไป ด่าไป พนันออนไลน์ ตร.ใช้เป็นช่องทางหาเงิน 


กรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานายเอ (นามสมมุติ) อาชีพวิศวกรโปรแกรมเมอร์ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังผู้เสียหายถูกกลุ่มลูกน้องของเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ทำร้ายร่างกายช่วงกลางเดือนมกราคม ที่ จ.ชลบุรี ทำยอดเงินเว็บพนันตก โดยเจ้าของเว็บพนันออนไลน์เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยศ พล.ต.ต.สังกัดกองบัญชาการแห่งหนึ่ง


โดยกล้องวงจรปิดบนลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในชลบุรี บันทึกนาทีหนุ่มวิศวะ อดีตโปรแกรมเมอร์เว็บพนันออนไลน์ เดินตามหลังชาย ร่างสูง ตัวใหญ่สวมเสื้อสีสว่าง ไปขึ้นรถยนต์เก๋งสีดำ ป้ายทะเบียนชลบุรี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นหลักฐานสำคัญที่ผู้เสียหายส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อแกะรอยติดตามตัวผู้ก่อเหตุ อุ้ม-ทำร้าย ร่างกาย


ขณะที่เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้เสียหายพร้อมกับตำรวจชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ดูสถานที่จริง บนลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เพื่อชี้จุดขึ้นรถยนต์ ประกอบคำให้การด้วย


วานนี้ (7 ก.พ.) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า ผลการสืบสวนสอบสวน ในเบื้องต้นว่า จากหลักฐานและคำให้การของผู้เสียหาย น่าเชื่อได้ว่า นายตำรวจยศพลตำรวจตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และ การอุ้ม-ทำร้ายร่างกายจริง แต่จะเกี่ยวข้องในลักษณะใด อยู่ระหว่างสืบสวนและรอสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหา


ขณะเดียวกัน ช่วงเช้าวานนี้ (7 ก.พ.) คณะทำงานในคดีอุ้ม-ทำร้าย อดีตแอดมินเว็บพนันออนไลน์ เข้าร่วมประชุมติดตามคดี ที่สมาคมพนักสอบสวน สโมสรตำรวจ โดยมีพลตำรวจตรีนำเกียรติ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน  ซึ่งเบื้องต้นเมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) ได้เรียกพลตำรวจตรีรายดังกล่าวเข้ามาให้ปากคำด้วยรวมถึงพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เนื่องจาก ผู้เสียหาย พักที่หอพักในพื้นที่ สน.โชคชัย คือซอยลาดพร้าววังหิน 46


ในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุอุ้ม-ทำร้าย ได้ขับรถยนต์ มาจากชลบุรี เพื่อส่งตัวผู้เสียหายกลับห้องพัก จากนั้นได้ขึ้นไปบนห้องพัก รื้อค้นสิ่งของ และนำรองเท้า พร้อมนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไปด้วย ซึ่งเมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) ได้นัดให้ผู้เสียหายให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้ภาพถ่ายประกอบคำให้การ ในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ด้วย


ด้าน พันตำรวจเอกเขมรินทร์ พิศมัย ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี หนึ่งในคณะทำงานคลี่คลายคดีอุ้ม-ทำร้าย อดีตแอดมินเว็บพนันออนไลน์ เปิดเผยความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน ว่า การสืบสวนขณะนี้พบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุร่วมกันอุ้มผู้เสียหายไปทำร้ายมีประมาณ 5-6 คน โดยไม่ได้ลงมือทุกคน แต่การกระทำเข้าข่ายร่วมกันปล้นทรัพย์


พันตำรวจเอกเขมรินทร์ ระบุ พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่องกันในหลายพื้นที่ โดยในวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ผู้เสียหายเดินทางไปพบกลุ่มผู้ก่อเหตุตามนัดในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่จังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะถูกพาตัวขึ้นรถยนต์ออกจากห้างไปยังโรงจอดรถของคาร์แคร์แห่งหนึ่งที่ตำบลเสม็ด ชลบุรี และเริ่มมีการทำร้ายร่างกายพร้อมกับยึดเอาโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไปด้วย


จากนั้นได้นำตัวผู้เสียหายขึ้นรถเก๋งขับพามาส่งที่หอพักในพื้นที่ สน.โชคชัย กรุงเทพมหานคร ก่อนจะขึ้นไปบนห้องพักรื้อค้นสิ่งของและเอานาฬิกาข้อมือพร้อมรองเท้าของผู้เสียหายไปด้วย  ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อระบุตัวตนของกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ได้อย่างชัดเจนก่อนจะขอหมายจับต่อศาล แต่ในเบื้องต้นในกลุ่มผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายไม่มีใครเป็นข้าราชการตำรวจ


ส่วนความสัมพันธ์ของผู้ก่อเกคุและผู้เสียหาย คือ รู้จักกันโดยน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานให้กับเว็บพนันออนไลน์ด้วยกัน ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุจะมีผู้บงการหรือไม่ก็อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล


ขณะเดียวกันกล่าวถึงกรณีของพลตำรวจตรีนายหนึ่งที่ผู้เสียหายพาดพิงถึง ว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนเชิงลึกยืนยัน ถ้าพบหลักฐานไปถึงก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอน


ส่วนประเด็น ที่ผู้เสียหายเคยทำงานให้กับเว็บพนันออนไลน์จะเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่นั้น พันตำรวจเอกเขมรินทร์ ยังไม่ได้พิจารณาในประเด็นนี้ เนื่องจากขณะนี้การสืบสวนสอบสวนให้ความสำคัญในฐานะเป็นผู้เสียหายที่ถูกอุ้ม-ทำร้ายปล้นทรัพย์

---------------------------------------------------

ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว  ระบุ ว่า “พนันออนไลน์ กับ ระบบคอรัปชั่นการขยายตัวของการพนันออนไลน์ในระยะ 3-4 ปีมานี้ เพิ่มขึ้นหนักมาก ตำรวจมีหน่วยงานที่ปราบปราม แต่กลับถูกใช้เป็นช่องทางหาเงิน

- กองบัญชาการไซเบอร์

- ศูนย์ปราบปรามไซเบอร์ (PCT)

- กองบังคับการไซเบอร์ 5


และยังต้องจ่ายเศษให้ นายพล “จ” ที่เคยอยู่ไซเบอร์  เมื่อมีการจ่าย ย่อมปิดไม่อยู่ คนจ่ายต้องพูดว่า “เคลียร์แล้ว” ไม่งั้นจะทำได้ไง? มันก็เหมือนบ่อน จะเปิดได้ต้องเคลียร์ ไม่งั้นเปิดไม่ได้  แต่พนันออนไลน์หนัก เพราะรายได้มาก เดือนๆ หนึ่งรวมกันเคลียร์หลายร้อยล้าน  แม้แต่วันนี้ยังมีตำรวจระดับสารวัตร เป็นนายบ่อนออนไลน์เสียเอง

ทั้งวงการรู้หมด ปิดไม่อยู่ ต้องเลือกเอาว่าจะเป็นตำรวจ หรือจะเป็นนายบ่อน จะเป็นทั้งสองอย่างไม่ได้ หรือนายตำรวจเด็กๆ ขับรถซุปเปอร์คาร์คันละ 30-40 ล้าน ห้อยนาฬิกาเรือนละ 20 ล้าน อยู่คอนโดเพนเฮ้าส์ลอยฟ้า


ถามจริงๆ เจ้านายเคยทราบไหมว่าทำพนันออนไลน์ หรือตระกูลร่ำรวยมาก? หากให้สรรพากรไปตรวจสาวไส้จะรู้ว่าเงินมาจากไหน เสียภาษีหรือไม่?  แต่ไม่มีใครสนใจ กลับชมเชย เอาไว้ดูแลผู้ใหญ่ ทุกคนล้วนมีส่วนร่วมกันหมดกับการคอรัปชั่นกัดกินประเทศจนเน่า

แม้แต่นายกฯ อยู่มา 8 ปี ด้วยการยึดอำนาจ เหตุจากคอรัปชั่น มีอำนาจล้นฟ้าเท่าจอมพล ป. แต่ท่านหาได้ทำให้คอรัปชั่นหมดไปหรือน้อยลง ท่านกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเกื้อหนุนให้ระบบนี้อยู่ต่อไปโดยการไม่ทำอะไรเลย

เรื่องเล็กสุด การตั้งด่านยังมีเป้าให้เก็บส่งนาย หากจะตั้งด่านได้ผู้บังคับบัญชาต้องอนุมัติ ไม่ใช่นายสิบ นายร้อย นึกอยากจะตั้งก็ตั้งเองได้ที่ไหน?


แล้วจะไม่รีดไถได้ไงครับ? โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเป็นเป้าหมายหลัก เพราะอยู่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้อยู่ประจำ และไม่ยอมเป็นพยานให้เสียเวลา สักพักก็กลับประเทศเขาแล้ว   เอาเรื่องราวเลวร้ายของตำรวจไปเล่าให้คนเขาฟัง ถึงขนาดบางประเทศทำหนังสือคู่มือเดินทางเตือน เมื่อเดินทางมาอยู่ เที่ยว อาศัยในประเทศไทย  หรือการกินสำนวน ช่วยเหลือทางคดีกับผู้ต้องหาฟอกเงิน ค้ามนุษย์ จ่ายเงินให้ละเว้นทรัพย์สินที่ต้องยึด แล้วนำเอาออกมาค้ามนุษย์อีก


ส่วนคดีก็วิ่งชั้นอัยการ ถอนหมายจับ สั่งไม่ฟ้อง ดีเอสไอไม่แย้ง ตอนจับโชว์จัดเต็ม แต่พอเรื่องนานไปปล่อยหลุด หวั่นใจ “ตู้ห่าว” จบไม่สวย แบบเดียวกันกับเรื่องอื่นๆ ไปจนถึงระบบด้านบนขององคาพยพทั้งหมด นักการเมือง อธิบดี ผู้อำนวยการโรงเรียน เพียงแต่จะถูกจับได้หรือไม่  กินทั้งการโยกย้ายตำแหน่ง งบประมาณ ไปจนถึงอาหารให้เด็กนักเรียน


ทุกคนทุจริตคอรัปชั่น แต่ไม่มีใครยอมรับ ขนาดมีเงินวางบนโต๊ะ พูดได้เต็มปากว่า ใครถนัดอะไรก็คอรัปชั่นเรื่องนั้น และกว่าจะจบกระบวนการต่อสู้คดีก็ยืดเยื้อ บอกว่าต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย  อีกฝ่ายมีเงินก็ซื้อพยาน ซื้อกฎหมาย หาช่อง ปิดปาก ทำเนียน เรื่องเงียบ  ทุกคนแฮปปี้ได้เงินครบจบในตัว ส่วนประเทศเป็นยังไงช่างหัวมัน


ทุกประเทศล้วนมีประวัติการทุจริต แต่เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น ทุกอย่างพัฒนา คอรัปชั่นก็เริ่มลดน้อยถอยลง จนกลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจของสังคม  แต่ในประเทศไทย ยิ่งนานวันระบบคอรัปชั่นกลับยิ่งหอมหวล เติบโต และเป็นความชื่นชอบของผู้ถือกฎหมาย ที่จะหาประโยชน์อย่างไร้ยางอายที่สุด

เหมือนอย่างที่คนบอกเอาไว้ว่า

“ผู้มีกฎหมายในมือ แต่ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนไม่ได้ ถือว่าเป็นคนไร้ซึ่งคุณธรรม”

เราไม่มีคุณธรรม แถมยังอ้างความชอบธรรมเพื่อทุจริตเสียด้วยซ้ำ

มันเลวระยำที่สุดในยุคนี้”


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/XkBSIcfor_I

คุณอาจสนใจ

Related News