อาชญากรรม

บุกรวบคาห้อง! ผอ.โรงเรียนดังย่านบางชัน ทุจริตเงินอาหารเด็ก เจ้าตัวได้ประกัน กทม.เร่งสอบ

2 ก.พ. 2566

466 views

ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วม ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ปฏิบัติการยุทธการไข่นกกระทา รวบ ผอ.โรงเรียนดังย่านบางชัน ทุจริตเงินค่าอาหารนักเรียนกว่า 3 แสน ด้าน ผอ.ปฏิเสธไม่ได้ทุจริต พร้อมยื่นประกันตัวสู้คดี ด้าน กทม.เร่งสอบข้อเท็จจริง


เป็นคดีที่ต้องบอกว่า สะเทือนวงการครู ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องคดีทางเพศ แต่เป็นการทุจริตโครงการอาหารกลางวัน


เมื่อวันที่ 1 ก.พ.66 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับป้องกันปราบปรามการทุจริต หรือ ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นำโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และคณะทำงาน ร่วมกันจับกุม นายไพฑูรย์ อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง เขตคลองสามวา โดยจับกุมคาห้องทำงาน พร้อมของกลาง เงินสด จำนวน 329,000 บาท


โดยก่อนจับกุม เจ้าหน้าที่สืบสวนจนพบว่า ผอ.คนนี้ นัดคู่สัญญาหรือผู้ประมูลโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน ให้นำเงินส่วนต่างจำนวนดังกล่าวมามอบให้ มิเช่นนั้นจะแจ้งเรื่องไปที่ กทม. และทำให้คู่สัญญารายนี้ไม่ได้รับงานอีก  


โดยคู่สัญญารายนี้ ชนะการเสนอราคาทำอาหารกลางวันให้นักเรียนโดยวิธีประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และคู่สัญญาถูกผู้อำนวยการเรียกรับผลประโยชน์จำนวนหลายครั้ง แต่ละครั้งมีการเสนอว่า "ควรแบ่งเงินที่ได้กำไรจากการประกอบอาหารให้กับตนบ้าง" และพูดคุยในทำนองว่าให้คู่สัญญาไปตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะแบ่งเงินให้ตนเป็นจำนวนเท่าใด


จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ผู้อำนวยการได้เรียกให้คู่สัญญาเข้าไปพบและพูดคุยเกี่ยวกับเงินส่วนแบ่งที่เคยเรียกรับจากคู่สัญญา โดยในวันดังกล่าวผู้อำนวยการได้กำหนดจำนวนเงิน ที่คู่สัญญาต้องจ่ายเป็นเงินจำนวน 347,000 บาท โดยอ้างว่าเงินจำนวน 320,000 บาท จะนำไปเป็นงบประมาณสำหรับปรับปรุงวัสดุ อุปกรณ์ (โต๊ะ เก้าอี้) ภายในโรงอาหารของโรงเรียน ซึ่งการปรับปรุงวัสดุ อุปกรณ์ ดังกล่าว ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาแต่อย่างใด


ส่วนเงินอีกจำนวน 27,000 บาท จะนำไปแบ่งให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลโครงการอาหารนักเรียน จำนวน 5 คน โดยแบ่งจ่ายเป็นระยะเวลา 3 เดือน เดือนละ 9,000 บาท (เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเดือนมกราคม 2566)


แต่คู่สัญญาต้องส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้อำนวยการโดยตรงเท่านั้น ถ้าไม่ทำตามผู้อำนวยการจะรายงานไปที่กรุงเทพมหานคร ว่าคู่สัญญาได้รับเงินส่วนต่างค่าอาหารเช้า จากการที่เด็กนักเรียนไม่มารับประทานอาหารเป็นเงินจำนวนมาก คู่สัญญาจึงนำพฤติการณ์ดังกล่าวมาแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อวางแผนเข้าจับกุม


โดยคู่สัญญาได้นำเงินจำนวนดังกล่าว ใส่ซองสีน้ำตาล เข้ามาพบ ผอ.ตามนัด ในห้องทำงาน เมื่อเจรจากันสักพัก ก็วางซองน้ำตาลที่ใส่เงินสดไว้ แล้วก็ออกไปจากห้อง


โดย ผอ.ก็เปิดซองดูเงินในซอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมแจ้งข้อหาในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149


เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่รู้เรื่อง แต่ยอมรับว่านัดคู่สัญญาที่ทำอาหารโรงเรียนมาพูดคุยเรื่องร้องเรียน ส่วนเงินที่อยู่บนโต๊ะไม่รู้ของใคร จากนั้นจึงนำตัวมาสอบสวน ที่ กองบังคับการ ปปป. โดยการสอบปากคำ ผอ.ให้การปฏิเสธทุกข้อหา และช่วงหนึ่งที่ ผอ.พักรับประทานอาหาร


ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามถึงเรื่องรายที่เกิดขึ้น เจ้าตัวบอกว่า ไม่ขออธิบายอะไร ยังไม่พร้อม และจะขอประกันตัวสู้คดี ซึ่งการจับกุมนี้ จะไม่กระทบกับอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน เมื่อถามว่า เงินนั้นคือสินบนหรือไม่ ผอ.บอกว่า ขอกินข้าวก่อนนะ และไม่สะดวกตอบคำถาม


ต่อมาทางชุดจับกุม ทั้ง ตำรวจ ปปป. ปปช. และ ปปท. แถลงข่าว โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า การจับกุมนี้เป็นการเบียดบังค่าอาหารเด็กนักเรียน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ เราพบเห็นบ่อย ๆ เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก ในสถานศึกษา เพราะครูเป็นผู้ให้ความรู้ เป็นผู้ดูแลนักเรียน แต่กลับไปเบียดบังเอาค่าอาหารจากเด็กที่กำลังเติบโต การเข้าไปจับกุม เจ้าหน้าที่สืบสวนและพบว่า ผอ.รายนี้ ยังมีการแนะนำให้คู่สัญญาไปทำแบบนี้กับโรงเรียนอื่นด้วยใน กทม. จึงขอให้ทางสำนักการศึกษาของ กทม.ตรวจสอบ โดยเงินนี้เป็นเงินงบประมาณของ กทม. ที่สนับสนุนโรงเรียนประมาณ 8 ล้านบาท แล้วยังมาถูกเบียดบังไปอีก ซึ่งหลักฐานการก่อเหตุนั้น แม้ ผอ.จะปฏิเสธ แต่มีหลักฐานที่จะเอาผิด


ด้าน นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ในฐานะเลขานุการศูนย์ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันการทุจริตซึมเข้าไปอยู่ในทุกระบบราชการ ฝากให้ข้าราชการทุกสังกัด ต้องออกมาช่วยกันกำจัดข้าราชการที่ไม่ดีออกไป หากพบทุจริต ขอให้แจ้งข้อมูลมาที่ ปปช. หรือ ปปท. และตำรวจ ปปป. รวมทั้งขอให้ผู้ประกอบการถ้าถูกเอาเปรียบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ขอให้แจ้ง เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบ


ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหา แม้จะอ้างว่าเงินที่เรียกรับมานั้นจะนำไปซื้อโต๊ะเก้าอี้ของโรงเรียน แต่ในการสืบสวนพบว่างบประมาณนี้ก็มีอยู่แล้ว แต่การเรียกเงินนั้นนำไปใช้ส่วนตัว แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่หลักฐานที่มีแน่นหนา ที่จะเอาผิดได้ เบื้องต้นพบว่า มี ผอ.ดำเนินการคนเดียว ยังไม่มีครูคนอื่นมาร่วมทุจริตด้วย


ขอฝากถึง ผอ.โรงเรียนอื่น ๆ ขอร้องอย่าไปยุ่งกับเงินอาหารกลางวันของเด็ก เขาต้องได้รับสารอาหารพอเพียง แต่ไปเอางบ จนทำให้เหลือเงินทำอาหารแค่วิญญาณหมู วิญญาณไข่ ที่ตั้งชื่อ ยุทธการไข่นกกระทา เพราะก่อนจับกุม สืบสวนหาข่าว พบว่าอาหารกลางวันเด็กเมนูไข่พะโล้ จากปกติต้องเป็นไข่ไก่ ก็มาใช้เป็นไข่นกกระทาแทน เนื้อสัตว์ก็ใช้เศษเนื้อที่เลาะจากกระดูก นอกจากโรงเรียนนี้แล้ว ยังมีข้อมูลว่า มีอีกหลายโรงเรียนมีพฤติกรรมคล้ายกันซึ่งจะมีการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย


นอกจากนี้ พล.ต.ต จรูญเกียรติ ยังบอกว่า การกระทำของ ผอ.รายนี้ เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ หากข้าราชการด้วยกันจะมองว่าเป็นเหมือนเปรต ซึ่งการจับกุมนี้ เกิดจากผู้ประมูล หรือคู่สัญญา ทนไม่ไหว และต้องไปหายืมเงินมาให้ ผอ.ให้ได้ จากเดิมที่ได้งบประมาณอาหารเช้าและกลางวัน ราคา 28 บาทต่อหัว ก็น้อยอยู่แล้ว แต่ยังมาถูกเรียกรับเงินอีก


"อาชีพของครู คือพ่อพระแม่พระ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ทำพฤติกรรมน่ารังเกียจ เป็นตัวอย่างไม่ดี ขอร้อง ให้มีจิตสำนึกในความเป็นครู เด็ก ๆ ไหว้ครูทุกวัน แต่ครูดันมาเอาเงินอาหารกลางวันไปใช้ส่วนตัว"


ต่อมาพบว่าพนักงานสอบสวน ได้ให้ประกันตัว ผอ.รายนี้ ในวงเงินประกัน 4 แสนบาท สำหรับประวัติ ผอ.รายนี้ พบว่าเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือน ตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการตรวจสอบไปยังโรงเรียนเก่าที่ ผอ.คนนี้ ด้วยว่ามีการทุจริตด้วยหรือไม่


ขณะที่ พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร รักษาราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามนโยบายกรุงเทพมหานคร "โปร่งใส ไม่ส่วย" กรุงเทพมหานครจะเร่งสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการอย่างเด็ดขาดที่สุดภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด โดยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และในระหว่างนี้จะพิจารณาให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวพักราชการไว้ก่อน หากพบว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง อัตราโทษคือการปลดออก หรือการสั่งให้ออกจากราชการ



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/EftcwCbMNto

คุณอาจสนใจ