อาชญากรรม

อธิบดี DSI โต้ 'บิ๊กโจ๊ก' ต้นเรื่องบุกจับ-รีดทรัพย์คือ 191 – ชูวิทย์ เปิดเอกสารต้นเหตุตบทรัพย์ ‘ทุนจีนสีเทา’

โดย petchpawee_k

18 ม.ค. 2566

23 views

อธิบดีดีเอสไอ ลั่นต้นเรื่องนำทีมไปค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู รีดเงินกลุ่มจีนเทาเกือบ 10 ล้าน คือ ตำรวจ 191 ที่ไปขอหมายค้น และมาขอกำลังสนับสนุนจากดีเอสไอเท่านั้น ด้านบิ๊กโจ๊กยืนยันคำเดิมดีเอสไอคือต้นเรื่องบุกจับ – รีดเงินจีนเทา แม้อธิบดีปฏิเสธ แต่มีพยานหลักฐานมัดข้อมูลเริ่มต้นมาจากไหน ติงไม่ควรโยนความผิดให้กันและกัน แต่ควรหาว่าเงินของกลางกว่า 9 ล้าน 5 แสนบาทอยู่กับใคร


จากกรณีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า คนต้นเรื่องที่นำทีมไปขออำนาจศาลตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย คือ ตำรวจ 191 และมาขอกำลังสนับสนุนจากดีเอสไอ


ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่า หน่วยงานที่เป็นต้นเรื่องจะเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย คือ ดีเอสไอ แต่กลับมาขอกำลังตำรวจ 191 ให้ไปขอหมายค้นจากศาลให้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากดีเอสไอมีขั้นตอนการอนุมัติการทำงานอยู่ และสามารถขอหมายจากศาลเองได้ ไม่ต้องผ่านตำรวจ แต่ต้องมีหนังสือเห็นชอบจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ


ทำให้วานนี้ (17 ม.ค.) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกมาชี้แจงว่า การเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยไม่ได้มีคำสั่งจาก ดีเอสไอ และยังทราบว่าเป็นงานของ 191 เป็นผู้ขอหมายค้น และดีเอสไอชุดนี้เข้าไปร่วมสนับสนุน เพราะตามแผนการทำงานของดีเอสไอ จะมีขั้นตอนการทำงานระบุไว้ชัดเจน เมื่อมีการทำงานนอกหน่วย ต้องเบิกอุปกรณ์ เช่น รถ อาวุธปืน คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ


แต่หน่วยนี้เป็นหน่วยการข่าวกรอง จะขอทำงานนอกสถานที่เป็นรอบๆ รอบละ 1 เดือน แต่สถานที่ดังกล่าว ดีเอสไอ เคยได้หนังสือขอให้เข้าตรวจสอบ เพราะเคยเป็นบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู แต่ทราบว่าปัจจุบันหมดสัญญาเช่า แต่กลับมีกลุ่มคนจีนเข้ามาเช่าสถานที่ดังกล่าว และแอบอ้างชื่อกงสุลใหญ่นาอูรู ในการทำผิดกฏหมายเกี่ยวกับ การทำเอกสารวีซ่าปลอม เพื่อพาคนเข้าประเทศ


ส่วนกรณีเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาเรียกรับ ในวันก่อเหตุ เป็นหน้าที่ตำรวจ ว่าเงินไปถึงใครบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่มีมาถึงตนเองอย่างแน่นอน ส่วนที่มีการอ้างว่ามีมือขวาที่เป็นหน้าห้องอธิบดี โทรไปประสานกับตำรวจเพื่อให้ตำรวจเข้าทำงาน ยืนยันว่าไม่มีหน้าห้องตนเองโทรไปแต่หากพบว่าใครทำผิดก็ต้องรับโทษไปตามขั้นตอน

-------------------------------------------------------

ขณะที่วานนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์หนังสือ เอกสารจากสถานกงศุลนาอูรู  โดยมีข้อความระบุว่า  


“ต้นเหตุ DSI ตบทรัพย์ “จีนเทา”  เรื่องเริ่มจาก วันที่ 9 ธันวาคม 2565 สถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ส่งหนังสือให้อธิบดี DSI ช่วยตรวจสอบ “บ้านพัก” ของกงสุลใหญ่ เพราะเจ้าของบ้านที่ให้เช่า ร้องเรียนมาที่สถานกงสุลว่า


“มีรถเข้าออกมาก และเป็นคนจีนเข้าออกถึงตี 3 ตี 4 รบกวนผู้พักอาศัยข้างเคียงเดือดร้อน”  สถานกงสุลใหญ่นาอูรูจึงตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบว่าไม่ใช่บ้านกงสุลใหญ่ของนาอูรูจริง  แต่กลับเป็นของพวกจีนเทา ดูเอาแล้วกันพวกนี้ทำกันยังไง?


1. จีนเทาใช้รถตู้ โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน ก-59 1005 กทม. เป็นป้ายสีฟ้า ตัวอักษรสีขาว  แต่ความเป็นจริง รถประจำตำแหน่งของกงสุลใหญ่นาอูรู เป็นยี่ห้อ โตโยต้า เอสติมา แอล สีดำ ทะเบียนเดียวกันเป๊ะ พวกจีนเทาปลอมถึงขนาดป้ายทะเบียน แล้วไปแปะบนรถตู้อัลพาร์ดแทน


2. ตราประทับของสถานกงสุลนาอูรูบนสัญญาเช่าบ้าน ตรวจสอบแล้วไม่มีบันทึกรายงานการนำตราประทับไปใช้ จีนเทาทำได้อยู่แล้ว แม้แต่ปลอมตราประทับของสถานกงสุล


3. ลายเซ็นบนสัญญาเช่าบ้าน เป็นการปลอมลายเซ็นของกงสุลใหญ่ที่ย้ายออกจากตำแหน่งไปแล้ว


ดังนั้น ต้องทราบว่าสถานกงสุลใหญ่ขอให้อธิบดี DSI ช่วยตรวจสอบบ้านหลังนี้ ว่ามีใครมาสวมรอยเช่า?  แต่เจ้าหน้าที่ DSI ชุดปฎิบัติการ ดันทำตัว “นอกคอก” เสียเอง เห็นเงินแล้วตาลุกวาว


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พวกจีนเทาอ้างไปหมด ปลอมได้ทุกอย่าง และพร้อมยอมจ่ายเต็มที่เพื่อหลุดรอดคดี  ท่านอธิบดี DSI จึงไม่ทราบว่า ลับหลังท่าน เจ้าหน้าที่ DSI ไปร่วมมือกับตำรวจ 191 ตีกินเสียอิ่ม โดยที่ท่านไม่รู้เรื่อง เหมือนส่งอ้อยเข้าปากช้างแท้ๆ


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/0-2ivDebMIs

คุณอาจสนใจ

Related News