อาชญากรรม

เด้ง ผกก.สน.ยานนาวา เซ่นปาร์ตี้ยา-ผับลับนักเที่ยวจีน พบโยงผับดังรัชดา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ฟอกเงิน

โดย thichaphat_d

27 ต.ค. 2565

67 views

จากกรณี วานนี้ (26 ต.ค. 65) ตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้นอาคาร LEELA หรืออาคารจินหลิง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. พบลักลอบเปิดสถานบันเทิง และค้ายาเสพติดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจับกุมนักเที่ยวได้ 237 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เป็นชาย 111 คน หญิง 126 คน และพนักงานชาวไทยและกัมพูชาอีก 29 คน รวมทั้งหมด 266 คน ยึดของกลางยาเสพติดจำนวนมาก ก่อนนำส่ง สน.ยานนาวา ดำเนินคดี


ซึ่งนักเที่ยวและพนักงานร้านรวม 266 คน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 192 คน ที่เหลือเป็น 74 คนเป็นพนักงานร้าน ทั้งหมดถูกคุมตัวไปตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลถึง 4 แห่ง พบว่า มี 104 คน ที่พบสารเสพติดในร่างกาย


ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด จากนั้นจะส่งตัวไปเข้ารับการบำบัด แต่อาจจะต้องใช้เวลานานถึง 5 วัน เพราะต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดจากโรงพยาบาล เพื่อคัดแยกว่าสารที่พบในร่างกายเป็นสารเสพติดชนิดใด


ซึ่ง เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.อ.สมยศ บุญณะแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา ได้ประสานขอสนับสนุนรถควบคุมผู้ต้องหาจากโรงพักใกล้เคียง จำนวน 35 คัน เพื่อนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 266 คน ไปตรวจร่างกายคัดแยกสารเสพติดที่รพ.ธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี ก่อนนำตัวทั้งหมดกลับมาควบคุมไว้ที่ชั้น 3 ของโรงพัก รวมถึงพนักงานสอบสวนได้ตรวจยึดของกลางอีกหลายรายการจากที่เกิดเหตุนำมาเก็บรักษาไว้ที่โรงพัก


ส่วนบรรยากาศที่ สน.ยานนาวา ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่า ได้มีการเตรียมข้าวกล่องและน้ำไว้ให้ผู้ต้องหาที่จะต้องถูกดำเนินคดีจากสถานบันเทิงจำนวนประมาณ 100 ชุด นอกจากนี้ยังมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยเข้ามาดำเนินการดูแลการควบคุมตัวผู้ต้องหา


โดยระหว่างที่รถควบคุมผู้ต้องหา ทยอยพากลุ่มผู้ต้องหาเดินทางกลับมาจากสถาบันธัญญารักษ์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนที่ สน.ยานนาวา พบว่า กลุ่มผู้ต้องหาชายชาวจีนหลายคน มีพฤติกรรมก้าวร้าวไม่เหมาะสม มีการสูบบุหรี่บนรถควบคุมผู้ต้องหา และสาดน้ำใส่ช่างภาพ-ผู้สื่อข่าว ที่ไปรอรายงานสถานการณ์ภายในโรงพักด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ควบคุมสถานการณ์ ได้เข้าห้ามปรามแล้ว แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมหยุดพฤติกรรม

-------------

อาคาร จินหลิง // อาคาร ลีลา (LEELA) และอาคาร วิปวับ คาร์ วอช (WIP WUP CAR WASH) ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพฯ หลังพบว่ามีการลักลอบเปิดสถานบันเทิง และมั่วสุมเสพยาเสพติดอยู่ภายในจำนวนมาก ที่เกิดเหตุบริเวณเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด พบมีประตูเหล็ก สูงกว่า 3 เมตร พร้อมกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่เพื่อคอยดูความเคลื่อนไหวภายนอก


เมื่อเข้าไปพบลักษณะพื้นที่เปิดเป็นคาร์แคร์โดยอยู่ในระหว่างก่อสร้างยังไม่เปิดให้บริการ จากนั้นพบประตูเหล็กอีกหนึ่งชั้น เมื่อเข้าไปพบอาคารก่อสร้างชั้นเดียวที่มีชื่อภาษาจีน และภาษาไทยระบุ "จินหลิง" และอาคารลีลา โดยรอบตัวอาคารเป็นลานจอดรถ พบรถยนต์หรูหลายยี่ห้อจอดเรียงกัน อาทิ โรลส์ รอยซ์, พอร์ช, เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู และโตโยต้า อัลพาร์ด รวมกว่า 30 คัน


ภายในอาคารพบว่า มีการแบ่งเป็นห้องคาราโอเกะเกือบ 20 ห้อง พร้อมประดับไฟแสงสีบริเวณทางเดิน โดยในแต่ละห้องพบนักเที่ยวทั้งชายและหญิงจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน อีกทั้งยังพบห้องเก็บของที่ใช้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดชนิดเคตามีน // แฮปปี้วอเตอร์ และ ไฟว์ไฟว์ อีกกว่า 300 ซองอีกด้วย


ขณะเจ้าหน้าที่บุกจับ กลุ่มนักท่องเที่ยวและพนักงานต่างวิ่งหลบหนีเข้าไปซุกซ่อนตามบริเวณจุดต่าง ๆ ภายในอาคาร อาทิ ห้องครัว ห้องน้ำ มุมและซอกอาคาร อย่างชุลมุน แต่สามารถควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวจีนไว้ได้ 237 คน เป็นชายชาวจีน 111 คน และหญิงชาวจีน 126 คน นอกจากนี้ยังพบพนักงานชาวกัมพูชา และชาวไทยอีก 29 คน จากการสืบสวนทราบว่า สถานที่แห่งนี้ลอบเปิดเป็นคาราโอเกะให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน มาได้ 4 เดือนแล้ว และยังลอบจำหน่ายยาเสพติดให้ลูกค้า ในราคาซองละ 10,000 บาท หากเสพไม่หมด สามารถฝากไว้ได้


พลตำรวจตรี นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า นี่คือการลักลอบขายยาในสถานบันเทิง จัดเป็นแหล่งมั่วสุม และมีบริการรับฝากยาเสพติด เสพไม่หมด สามารถฝากไว้ เพื่อมาเสพใหม่ครั้งหน้าได้ แถมยังมีการจัดให้เล่นการพนัน 


มีคนไทย เขมร และมานัวโตนู เป็นพวกเด็กรับรถ สืบมาเดือนนึง มีนายสุทธิพงศ์ ถือสัตย์เที่ยง มาแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และมีนายไฮ เทา ฮวง สารภาพว่ารับยามาจากพัทยา ชลบุรี แล้วเอามาขายในห้องคาราโอเกะ 


เบื้องต้นทราบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการส่วนใหญ่ เป็นชาวต่างชาติที่ไม่ได้เอาหนังสือเดินทางติดตัวไป แต่ใช้วิธีการถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือ


คนกัมพูชาเป็นการ์ดของร้าน ร้านนี้ไม่รับคนไทย รับเฉพาะคนจีน สำหรับนักเที่ยวชาวต่างชาติที่ตรวจพบสารเสพติดนั้น นอกจากการดำเนินคดีแล้ว จะมีการทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติดในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งหมดจะต้องถูกเพิกถอนวีซ่า รวมถึงจะประสานกับทางตำรวจจีนให้ตรวจสอบประวัติด้วย เพื่อขยายผลต่อไป / ส่วนกลุ่มที่เหลือที่ไม่พบสารเสพติด จะถูกส่งตัวไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และทำการตรวจสอบเอกสารวีซ่า


จากการตรวจสอบพบว่า สถานบันเทิงเปิดมาได้ประมาณ 4 เดือน แล้วเปิดเป็นบ่อน แล้วก็ปิด แล้วก็เปิดเป็นผับใหม่ 


ส่วนยาเสพติดที่พบ นอกจากที่นักเที่ยวกำลังเสพแล้ว ก็ไปพบว่ามีการเก็บยาเสพติดเอาไว้ภายในตู้เซฟ ที่อยู่ในห้องเก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีการ์ดคอยเฝ้า โดยพบตู้เซฟทั้งหมด 6 ตู้ ตอนนี้สามารถเปิดได้ 1 ตู้ เหลืออีก 5 ตู้ ที่จะต้องดำเนินการเปิดต่อหน้าพยานตามขั้นตอนต่อไป แต่เบื้องต้น ตรวจพบยาเสพติด ได้แก่ Happy Water จำนวน 414 ซอง / เคตามีนผง น้ำหนัก 700 กรัม / Erimin 5 จำนวน 8 เม็ด / กาแฟผสมยาอี 67 ซอง / ยาอี 166 ซอง โดย Happy Water นั้น ขายให้กับนักเที่ยวในราคาซองละ 1 หมื่นบาท ส่วนยาเสพติดที่ซื้อแล้วเสพไม่หมด ก็สามารถฝากไว้ได้ โดยมีการเขียนชื่อเอาไว้


นอกจากนี้ ภายในห้องของผู้จัดการสถานบันเทิง ยังพบเงินสดเป็นเงินไทยอีก 1 ล้าน 3 แสนบาท และพบเอกสารเป็นบิลที่นักเที่ยวมาใช้บริการเป็นบิลภาษาจีน พบว่า บิลได้มีการแบ่งชัดเจนเป็นค่าอาหาร / ค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ / และค่ายาเสพติด ซึ่งเฉพาะค่ายาเสพติด เฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสน 7 หมื่นบาท ต่อโต๊ะต่อคืน จึงคาดว่า ในแต่ละคืน น่าจะมีเงินหมุนเวียนในสถานบันเทิงแห่งนี้ประมาณ 3-5 ล้านบาท


สำหรับรถยนต์ที่ตรวจยึดได้ มีจำนวนทั้งหมด 35 คัน ส่วนมากเป็นรถหรู พบว่ามีรถที่สวมทะเบียน 1 คัน ได้ดำเนินคดีแล้ว ส่วนรถที่เหลือ ยังไม่มีใครยอมแสดงตัวรับเป็นเจ้าของ ซึ่งตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบทะเบียนรถทั้งหมดแล้ว พบว่าส่วนมากชื่อผู้ครอบครองเป็นคนจีน ซึ่งหากไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่พบสารเสพติดและถูกดำเนินคดีอยู่นั้น ก็จะต้องเรียกเข้ามาสอบสวนทั้งหมด และยืนยันว่า หากไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง ก็ไม่สามารถมารับรถคืนแทนได้


ในส่วนของการขยายผลไปยังเจ้าของรวมถึงเครือข่ายยาเสพติด ที่อาจเกี่ยวข้องนั้นเชื่อได้ว่าเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ เป็นกลุ่มทุนชาวจีน และต้องสืบสวนด้วยว่า มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสถานบันเทิงชาวจีนย่านรัชดาหรือไม่ เพราะจากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า กลุ่มนักเที่ยวเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งระยะทางค่อนข้างที่จะห่างกัน การที่กลุ่มนักเที่ยวรู้ว่ามีสถานที่เที่ยว จึงน่าจะมีความเชื่อมโยงกันด้วย และเชื่อว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ที่อาจใช้เป็นสถานที่ฟอกเงินด้วย


นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า สถานที่แห่งนี้ เคยเปิดเป็นบ่อนมาก่อน แต่ยังไม่ทราบช่วงเวลาที่แน่ชัด ซึ่งทางสถานีตำรวจท้องที่ คือ สน.ยานนาวา เคยสั่งปิดและรายงานมาแล้ว แต่ต่อมาที่มาเปิดเป็นสถานบันเทิงที่ไม่ได้รับอนุญาตแทน และพบยาเสพติดจำนวนมากขนาดนี้ ก็มีผลที่ทำให้ต้องมีคำสั่งย้ายผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ไปช่วยราชการ เพราะโรงพักท้องที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ โดยเรื่องนี้จะเป็นการปล่อยปละละเลยของตำรวจท้องที่หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6
------------

วานนี้ 26 ต.ค. 65  ความคืบหน้ากรณี ตำรวจบุกจับคาราโอเกะเถื่อน ลอบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และปล่อยให้คนต่างชาติเข้ามาใช้บริการ และเสพยาเสพติด ซึ่งพบว่ามีการลักลอบเปิดสถานบันเทิงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้บริการ และมั่วสุมเสพยาเสพติดกัน จับนักเที่ยวและพนักงานได้ 266 คน และยาเสพติดจำนวนมากล่าสุดผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 มีคำสั่งเด้ง "ผู้กำกับ สน.ยานนาวา" แล้ว  


พลตำรวจตรี นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ลงนามคำสั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ให้ พันตำรวจเอก ธนโชติ ฤกษ์ดี ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/s4X3byRinQs


คุณอาจสนใจ

Related News