อาชญากรรม

จับ 3 หนุ่มขนกัญชา 230 กก. วุ่นทั้งโรงพักหาข้อสรุปคดีไม่ได้

โดย taweelap_b

19 ก.ค. 2565

1.8K views

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 เวลา 08.00 น. ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ) น.ท.สุรไกร รัตนกุสุมภ์ หน.ยก.นรข.เขตหนองคาย ร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจน้ำ, ด่านศุลกากรบึงกาฬ และฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันแถลงจับกุม นายจิรชัย มั่นคง อายุ 24 ปี, นายนัคราช สุขประภา อายุ 24 ปี และนายณัฐพงษ์ ตระกูลกิจรุ่งโรจน์ อายุ 26 ปี 


ทั้งนี้ ตำรวจตรวจยึดของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง 203 แท่ง น้ำหนัก 203 กิโลกรัม ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีทองและสีเหลือง รถยนต์บรรทุกขนาดเล็กด้านหลังทำเป็นตู้ทึบคล้ายรถส่งสินค้า และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง จึงยึดไว้เป็นของกลาง แจ้งข้อหา “ร่วมกันนำของต้องห้ามต้องกำกัด (พืชกัญชา) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร”


จากการสืบทราบของ น.ท.การันต์ มินวงษ์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดประเภท 5 มาจากประเทศเพื่อนบ้านมาส่งมอบให้กลุ่มผู้ค้าชาวไทย ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงใกล้เมรุเผาศพ บ้านห้วยดอกไม้ หมู่ที่ 4 ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงรายงานให้ น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ พร้อมนำกำลังหน่วยเรือ นรข.บึงกาฬ สนธิกำลังกับ ตชด.244 ตำรวจน้ำบึงกาฬ ทหารร้อยสกัดกั้นที่ 2 กองร้อยสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด วางแผนร่วมกันจับกุม เวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่ซุ่มรออยู่พบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งเข้ามาจอดบริเวณข้างเมรุเผาศพ บ้านห้วยดอกไม้ จึงได้เฝ้าสังเกตพฤติการณ์


กระทั่งได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือแล่นข้ามน้ำโขงเข้ามาจอดริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างจากจุดซุ่ม 100 เมตร ขณะใช้กล้องส่องกลางคืนดู เมื่อเรือลำดังกล่าวเข้าจอดริมตลิ่ง มีชายฉกรรจ์แบกกระสอบต้องสงสัยขึ้นมากองไว้ริมตลิ่ง เสร็จแล้วเรือลำดังกล่าวได้แล่นกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว ทันที ต่อมาชาย 2 คนที่มากับรถยนต์คันดังกล่าว ได้เปิดประตูรถเดินลงไปยังจุดที่คนบนเรือโยนกระสอบต้องสงสัยทิ้งเอาไว้ แล้วเดินกลับมายังรถเหมือนเดิม สมทบกับชายอีกคน รวมเป็น 3 คนกำลังจะเดินลงไปแบกเอากระสอบต้องสงสัย 5 กระสอบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ทั้ง 3 คนดังกล่าว


ในเบื้องต้นนายณัฐพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากนายโอ๋ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ให้มารับกัญชาที่ จ.บึงกาฬ โดยจะได้รับค่าจ้างคนละ 10,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท โดยให้ขนไปส่งบริเวณพื้นที่ จ.นนทบุรี จึงได้ชักชวนเพื่อนมาด้วยกันรวมเป็น 3 คน ก่อนถูกจับกุม เพราะขณะนี้กัญชากำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะน้ำมันกัญชา เมื่อนำไปสกัดแล้วจะขายในราคาขวดละ 450 บาท 1 ก้อนหรือ 1 กิโลกรัม จะสกัดน้ำมันได้ 40-50 ขวด นอกจากน้ำมันกัญชาแล้ว ยังมีบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมกัญชา ขายดิบขายดี ราคาสูงถึงหลอดละ 3,000 บาท


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ หลังชุดจับกุมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย และของกลางมาส่งที่ สภ.เมืองบึงกาฬ ว่า ตามข้อหาที่ด่านศุลกากรแจ้งไว้ว่า “ร่วมกันนำของต้องห้ามต้องกำกัด (พืชกัญชา) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร” นั้นมีอัตราโทษอย่างไร


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า ตามกฎหมายของศุลกากรนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 4 เท่า บวกค่าภาษีอากรของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่จะสามารถระบุได้ว่าราคาสินค้าจะอ้างอิงราคากลางจากหน่วยงานไหน และจะใช้กฎหมายมาตราใดมาดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันนำของต้องห้ามต้องกำกัด (พืชกัญชา) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร” ซึ่งตอนนี้กำลังปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอัยการ ด่านศุลกากร และ ปปส. ในระหว่างนี้ต้องควบคุมตัวไว้ก่อน เพราะมีโทษจำคุก ส่วนจะประกันตัวหรือไม่เป็นสิทธิของผู้ต้องหา หากประกันตัวคงต้องให้ศาลพิจารณาค่าปรับ ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ยังไม่มีคดีตัวอย่าง ถือว่าคดีนี้เป็นคดีแรก จะต้องศึกษากับผู้รู้อีกที

คุณอาจสนใจ

Related News