อาชญากรรม

'อัจฉริยะ' ขออัยการเลื่อนสั่งฟ้อง รอคดีแซนจบก่อน – อัยการยันไม่เคยให้ใครพบส่วนตัว

โดย thichaphat_d

12 พ.ค. 2565

223 views

อัยการนนทบุรี ลั่นไม่อนุญาตให้คนนอก หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี “แตงโม” เข้าพบ ขอให้มั่นใจการทำงาน


เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (11 พ.ค.) ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายอัจฉริยะ เรืองรันตพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางพบอัยการจังหวัดนนทบุรี เพื่อไปสอบถามเรื่องคดีแตงโม และปรึกษาในเรื่องของที่ตนเคยแจ้งความกับเเซน


นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพื่อปรึกษากับทางอัยการในเรื่องของการที่ตนแจ้งความกับ เเซนไว้ เพื่อทำให้สามารถปิดคดีได้ ซึ่งหากการให้การเท็จมันจะมีผลกับการเปลี่ยนแปลงกับคดีหลัก จึงอยากให้ทางอัยการรอให้คดีของตนกับเเซนจบลงก่อน เพราะว่าดูแล้วก็ยังมีเวลาเหลืออยู่


ซึ่งตอนนี้ตนได้นัดกับพนักงานสอบสวนของทาง ภาค1 ไว้แล้ว ก็เลยจะขอปรึกษากับท่านอัยการดูก่อนว่าจะทำอย่างไรดี ส่วนที่ทำให้ตนเชื่อว่า ถ้าหากแตงโมไม่ได้จับขาเเซน และแตงโมไม่ได้พลัดตกหลังเรือ ตรงนี้ก็คือแซนให้การเท็จ ดังนั้น ที่ตำรวจตั้งไว้ว่าแตงโมตกหลังเรือก็ไม่เป็นความจริง  อย่างนั้นก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการทำคดีของแตงโม


ตอนนี้เราก็จะเน้นไปที่การรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้กับทางตำรวจภูธรภาค 1 โดยมีผู้บัญชาการหลายท่านมาเป็นพยาน ส่วนในเรื่องของการค้นหาความจริงเราก็ทำต่อไป


ในเรื่องของผลกระทบที่จะส่งไปถึงตำรวจหรือใครต่อใคร ตนไม่ได้ไปโฟกัสที่ตรงนั้น เพราะสิ่งที่ตนทำคือการค้นหาความจริง และเราทำทุกวิถีทางที่เราทำได้และตามกรอบกำลังของเราที่มี เพราะอย่าลืมว่าตนไม่มีอำนาจ ทำได้แต่เพียงรวบรวมพยานหลักฐานแล้วส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเห็นอย่างไรก็ไปว่ากันกับพนักงานชั้นอัยการ


เราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราจะทำเรานำหลักฐานทั้งหมดเข้าสู่สำนวนของพนักงานสอบสวนจะเป็นทางออกที่ดีอีกทางหนึ่งเพื่อมาคานอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการว่า ให้รอความเห็นในเรื่องคดีของตนกับแซนก่อน เพราะถ้าหากฟ้องไปแล้วแล้วสามารถพิสูจน์ได้ว่าแซนให้การเท็จมันจะทำให้คดีของแตงโมมีปัญหาทันที ซึ่งตนมีพยาน เช่น อาจารย์ ธวัชชัย ,แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์, และผู้เชี่ยวชาญของเราที่ทำในเรื่องของทีจีพีเอส และยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นอีก


ซึ่งเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) ตนแค่เดินทางเพื่อมาปรึกษากับทางอัยการเท่านั้น ส่วนจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการจะเป็นสัปดาห์หน้า ส่วนที่เจ้าหน้าที่จะรับฟังเราไหมนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่


แต่ตนก็มีพยานช่วยยืนยันไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงหมอพรทิพย์และอาจารย์ธวัชชัยที่ช่วยยืนยันว่าไม่ได้ตกท้ายเรือ บาดแผลที่ขาข้างขวาก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ และเราก็มีทาง จีพีเอส ที่ยืนยันว่าทางตำรวจสามารถแก้ไขได้ และเรายังมีภาพเงาและแสงต่างๆ และยังมีหลักฐานอีกมากในคดีนี้ ที่อยู่ในมือเรา หลังจากนี้ก็จะนำหลักฐานอีก 2 ชิ้น นำมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่รอให้ตนกลับมาจากต่างจังหวัดก่อน


นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า การทำงานของอัยการคือ เวลาของเขามี 7 ผลัด และตนจำได้ว่ามันเพิ่งจะ 3 ผลัดเอง และครั้งนี้เป็นผลัดที่ 4 เราใช้เวลาไม่เกิน 2 ผลัด ก็คือประมาณผลัดที่ 5 ยังไงอัยการเขาฟ้องทันอยู่แล้ว อยู่ที่ดุลยพินิจอยู่ที่ตำรวจมากกว่า


เราก็จะทำของเรา ไปหาหลักฐาน แต่สุดท้าย เราก็มาคานอำนาจกันว่าระหว่างพนักงานสอบสวนจะเชื่อใคร เพราะถ้าไม่มีโกงนะทำโดยสุจริต รวบรวมพยานหลักฐานจริง เขาก็ต้องให้อัยการเป็นผู้พิจารณา ถ้าอัยการเห็นด้วยกับเราคดีก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่ถ้าพนักงานอัยการบอกว่าของเราไม่มีหลักฐานก็ต้องแล้วแต่อัยการ


ซึ่งเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) ไม่สามารถพบกับทางอัยการได้ เนื่องจากทางอัยการติดประชุมจึงยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือปรึกษาอะไรกัน และคงจะต้องรอให้ตนกลับมาจากต่างจังหวัดก่อน จึงจะเดินทางเข้ามาพบอีกรอบเพื่อปรึกษาในกรณีดังกล่าว

ด้าน น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการจังหวัดนนทบุรี เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าทางอัยการจังหวัดติดประชุม เป็นการประชุมชี้แจงว่าด้วยแผนปฏิบัติการระดับชาติ การบริหารคดีช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร เป็นประธานในที่ประชุม


ที่นี้อาจจะมีบางกระแสข่าวว่ามีบุคคลภายนอกหรือใครก็แล้วแต่เข้ามาพบเรา ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการให้ใครได้เข้าพบอัยการจังหวัด จะบอกว่าตั้งแต่เรารับสำนวนคดีนี้มา อัยการจังหวัดหรือพนักงานอัยการไม่เคยอนุญาตให้ใครซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้าพบ


ถ้าจะมีการพบก็คือที่มีการเสนอข่าวไป ก็คือเป็นการสอบพยาน การซักค้านพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นการทำงานในราชการ เรื่องนี้เป็นครั้งแรกมันอาจจะมีการพูดถึงในเชิงที่ว่าหากมีบุคคลภายนอกคนนั้นคนนี้มาเข้าพบที่นี่


ต้องขอชี้แจงอีกนิดหนึ่งว่า คือเราทำงานอยู่เราเข้าใจว่าคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เราให้ความสำคัญก็คือเราฟังกระแสข่าว และฟังเสียงประชาชนทุกเสียง หรือว่าบางครั้งบางคนต้องการพบเราก็ยอมรับเข้าใจทุกคน เพราะอาจจะมีการผิดหวังหรือว่าไม่ได้พบก็มีความรู้สึกแตกต่างกันไป แต่เราไม่ได้เป็นคู่คดีของใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนก็ถามว่ามีใครเข้ามาพบไหมไม่ใช่แต่คดีนี้คดีอื่นๆ ก็มีบุคคลเข้ามาขอพบ เพราะฉะนั้นเราจึงใช้คำว่าโดยรวมบุคคลภายนอก


เราต้องทำงานรับผิดชอบสำนวน อย่าว่าแต่เป็นบุคคลภายนอกเลย ถ้าเราเป็นอัยการแล้วมีจำเลยเข้ามาขอพบ มาขอคุยกับอัยการ ผู้เสียหายรู้เขาจะรู้สึกยังไง หรือถ้าเป็นผู้เสียหายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มาขอพบมายื่นหนังสือ ถ้าเป็นคู่ความก็ยังโอเคอยู่หรือ เป็นผู้ต้องหามาขอยื่นหนังสือด้านล่างตามระเบียบทำได้อยู่แล้ว มันเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาและผู้เสียหาย แต่จะมาพบเป็นการส่วนตัวอันนี้ต้องเข้าใจว่า ถ้าคุณเป็นคู่คดีกันอยู่แล้วมาขอพบแล้วคุณรู้คุณจะรู้สึกอย่างไร


เพราะฉะนั้นยืนยันว่าเราจะเลือกคดีทุกคดีไม่ใช่คดีนี้ ถ้าเป็นบุคคลภายนอกขอพบ ขอมาให้คำปรึกษาเรา อยากจะเสนออะไรกับอัยการจังหวัด จะขอเข้ามาพบคณะอัยการ เราเป็นข้าราชการ เราอยู่ในระเบียบวินัย


ส่วนเมื่อเช้านี้ดิฉันจะขอไม่เอ่ยชื่อบุคคลอื่นที่บอกจะเข้ามาขอพบ ขอยืนยันว่าไม่เคยได้รับการติดต่อจากใครทั้งสิ้น ถ้ามีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทุกคนจะรู้ว่าถ้าไม่เกี่ยวกับคดี ก็จะไม่มีการให้พบ ไม่อนุญาต ส่วนเรื่องระยะเวลา สำนักงานเรามีระเบียบกรอบระยะเวลาของเราอยู่แล้ว ส่วนใครจะขอเข้าพบก่อนหน้านี้มีมาอยู่แล้วแต่ไม่เคยให้ใครเข้าพบ


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/VOkZ2hSnFds

คุณอาจสนใจ

Related News