อาชญากรรม

ตร.ซัดกลับ 'อัจฉริยะ' แจงปมลักศพ ลั่นใครสร้างหลักฐานเท็จ เดี๋ยวดูเอา จะเอาของจริงออกมา

โดย thichaphat_d

10 พ.ค. 2565

8 views

ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงโต้กลับอัจฉริยะ พนักงานสอบสวนทำตามกฎหมาย ไม่มีแตกแถว ขอให้มั่นใจ สามารถเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดได้ พร้อมเหน็บเห็นแค่ปลายพู่ แล้วไปบอกว่าเป็นช้าง แต่ไม่ได้เห็นช้างทั้งตัว ขณะที่อัยการเชิญ 2 ทีมแพทย์ชันสูตรศพแตงโมซักถาม 7 ปาก นาน 5 ชม.


เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พลตำรวจตรี อุดร ยอมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พร้อมด้วย พลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังการประชุม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นานร่วม 3 ชั่วโมง จากกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จัดแถลงข่าวชี้แจง


โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ ระบุว่า คดีนี้ทุกขั้นตอนตำรวจทำงานภายใต้กฎหมายวิธีพิจารณาความคดีอาญา อีกทั้งการจะอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญต้องเป็นไปตามที่กฎหมายรองรับ และมีองค์กรรับรองอย่างถูกต้อง ตำรวจไม่สามารถเอาบุคคลเพียงคนเดียวที่กฎหมายไม่รองรับมาอ้างอิงเป็นพยานในคดีนี้ได้ แต่กลับกัน ผู้เชี่ยวชาญต้องเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง และผ่านการรับรองจนสามารถขึ้นให้การในชั้นศาลได้


ฉะนั้นกลุ่มบุคคลที่ออกมาแถลงข่าว และตั้งประเด็นสงสัยจนอาจทำให้คดีเสียหายทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวไปทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ซึ่งตำรวจปล่อยผ่านไม่ได้และการแสดงความเห็น หรือนำสิ่งใดมาแสดงที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทำให้เสียหาย ก็ต้องพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่


ส่วนกรณีภาพที่นายอัจฉริยะนำมาเปิดเผย เป็นรูปแตงโมจริงหรือไม่ตนเองตอบไม่ได้ แต่ย้ำว่า ถ้ามีการนำอะไรที่เกิดผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมนำมาเปิดเผย ก็ต้องรับผิดชอบ


เมื่อนักข่าวถามว่า ขอถามเป็นความรู้ว่า การนำศพออกมาชันสูตรจะต้องขออนุญาตใครบ้าง พล.ต.ต.ยิ่งยศ ไม่ได้ตอบชัดเจน แต่ยืนยันกระบวนการทั้งหมด เป็นไปตามกฎหมายอาญาทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าทำนอกเหนือกฎหมาย ดังนั้นกระบวนการทำงานไม่ว่าจะชันสูตรหรือ การพิสูจน์ทุกอย่าง เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่างไม่มีการอยู่นอกเหนือกฎหมาย    


ทั้งนี้ หากจะมีการเคลื่อนย้ายศพ ตามกฎหมายจะต้องแจ้งไปที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ บอกว่า ให้ไปเปิดดูกฎหมาย ป.วิอาญา ซึ่งยืนยันว่า ตำรวจทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้อธิบายคำว่า ลักศพ พล.ต.ต.ยิ่งยศ ชี้แจงว่า หากอยู่ในขั้นตอนและกระบวนการสอบสวน เจ้าหน้าที่สามารถนำออกมาตรวจพิสูจน์ และสามารถนำมาตรวจสอบได้


ส่วน พล.ต.ต.อุดร บอกเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สำนวนได้ส่งให้พนักงานอัยการไปแล้วตามขั้นตอนของตำรวจไม่มีอำนาจการสอบสวนชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถตอบโต้ในประเด็นการแถลงข่าวของนายอัจฉริยะได้ ดังนั้นรายละเอียดในรูปคดีจึงไม่สามารถตอบคำถามได้ โดยขอให้เวลากระบวนการยุติธรรมทำงาน เพื่อให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย


พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความโปร่งใส และที่ผ่านมาได้มีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญหลายคน ระดมความคิดเห็น ทดสอบย้ำคิดย้ำทำ เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสม และนำเสนอผู้บัญชาการ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และคงไม่มีใครกล้าเอาตำแหน่งหน้าที่ตัวเองเข้าไปแลกในการสั่งการให้คดีบิดเบี้ยว และเชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจและมีความมุ่งมั่นในการทำคดี ไม่มีใครสั่งให้คดีบิดเบี้ยวเด็ดขาด


ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ก็ถือเป็นดุลพินิจของอัยการ ไม่สามารถตอบคำถามได้


โดยภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ก็ให้สัมภาษณ์ ว่าขอให้มั่นใจในการทำงานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งได้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้


ตนเองมีความมั่นใจเช่นเดียวกับ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ทำตามกระบวนการกฎหมาย และตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ จนวิเคราะห์และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ค้องหาให้กับพนักงานอัยการ และยืนยันว่าทำด้วยความตรงไปตรงมา โปร่งใส ซึ่งหากใครที่จะไปกล่าวหาคณะทำงานของตำรวจว่าทำทุกจริต ทำพยานหลักฐานเท็จ ก็ไม่เป็นไรเพราะทุกคนพร้อมให้ตรวจสอบ ไม่ว่าจะไปแจ้งร้องเรียนที่ไหน พนักงานสืบสวนสอบสวนทุกคนไม่เคยหวั่นไหว จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า จะนำผู้ต้องหาทั้งหมดที่สั่งฟ้องไปมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ ซึ่งสำนวนทั้งหมดอยู่ในชั้นอัยการ ก็ขอให้หลังจากนี้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงาน


ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เปิดคลิปแถลงเมื่อช่วงเช้า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง และยืนยันว่า ไม่ได้ถูกหลอกจากคณะทำงานตามที่นายอัจฉริยะ แถลงข่าว เพราะตนเองเห็นการทำงานของคณะทำงานมาโดยตลอด ใครจะฟ้องร้องยังไง ก็ฟ้องเลย และข้อมูลของคณะทำงานทุกอย่างทำเป็นรูปแบบของคณะ ทั้งคณะพนักงานสืบสวน และสอบสอบรวมกว่าร้อยคน


สำหรับกรณีที่มีการนำสำนวนออกมาเผยแพร่ แสดงให้เห็นว่ามีการแตกต่างกับในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ บอกว่า ตนเองไม่ทราบที่มาว่ามาได้อย่างไร คงต้องไปสอบถามแหล่งข่าวที่นำออกมา


นักข่าวถามว่ามีเกลือเป็นหนอนอยู่ในคณะพนักงานสอบสวนหรือไม่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน ตนเองมั่นใจเพราะเราทำงานกันอย่างเต็มที่ ให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ใครพูดอะไรทำอะไรก็ขอให้รับผิดชอบกับคำพูดด้วย และไม่ทราบว่า ที่มีกลุ่มบุคคลออกมาแถลงข่าวมีวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งหากมีพยานหลักฐานก็ขอให้นำมายื่นให้ หากทำให้คดีพลิกก็ยินดี แต่ถ้าไม่มีมูลก็ต้องรับผิดชอบ และหากมีหลักฐานจริงก็อยากให้เอามาให้เห็นๆ หน่อย จะได้ไปปรึกษาอัยการว่าจะเอายังไงคดีจะเปลี่ยนหรือไม่


ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ระบุด้วยว่า ไม่เสียกำลังใจ เพราะมั่นใจในการทำงานที่ทำอย่างถูกต้อง ถ้ามีการตุกติกอะไร ไม่มีใครกล้ายืนแบบนี้ และก็เป็นเรื่องที่สังคมจับต้อง ไม่มีใครกล้าบิดพลิ้ว หากมีอะไรตุกติกคงกระโดดหนีหมดแล้ว เพราะตำรวจทุกนายทั้งผู้การศูนย์สืบ ผู้การจังหวัด ทุกคนล้วนมีอนาคต และคณะของหมอนิติเวช ทำเต็มที่หากมีอะไรตุกติก หมอก็คงไม่ยอมเช่นกัน ซึ่งยืนยันว่าการชันสูตรศพ และการพิสูจน์หลักฐานเป็นไปตามหลักสากล


ส่วนจะมีวิธีการไหนดึงความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับมาได้นั้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ บอกว่า เมื่อเข้าสู่ชั้นอัยการความจริงจะปรากฎ และเมื่อถึงชั้นศาล ความจริงปรากฎก็จะทำให้รู้ว่ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้


ส่วนที่อัยการสั่งสอบ 20 ประเด็น จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำสำนวนอ่อนหรือไม่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ระบุว่า ไม่ได้ทำสำนวนอ่อน แต่เพื่อความละเอียดรอบคอบ และรัดกุมให้มากที่สุด ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานอัยการในการให้สอบสวนเพิ่มเติม


ซึ่งใน 20 ประเด็นถือว่าไม่มาก เพราะสำนวนใหญ่ มีการสืบสวนพยานมากกว่าร้อยคน ดังนั้นการสอบสวนเพิ่มเติมจึงเป็นเรื่องปกติ และจะดำเนินการทำให้เร็วที่สุด ส่วนการจะเรียกใครมาสอบเพิ่มเติมเป็นอำนาจของอัยการไม่สามารถก้าวล่วงได้เพราะอำนาจกทรสอบสวนของตำรวจหยุดชั่วคราวแล้ว


ก่อนจบการให้สัมภาษณ์ นักข่าวถามอีกว่า สรุปแล้วคดีใครเป็นคนสร้างหลักฐานเท็จกันแน่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ พูดเลยว่า เดี๋ยวดูเอา เดี๋ยวของจริงออกมา


ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ ในเวลา 14.45 น. พลตำรวจตรีวสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ได้ลงมาจากห้องประชุม เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามเกี่ยวกับประเด็นที่นายอัจฉริยะอ้างว่ามี พลตำรวจตรี ว. เป็นผู้บังการคดีนี้ หรือไม่ / พลตำรวจตรีวสันต์ ไม่ตอบคำถามใดใด ก่อนรีบขึ้นรถออกไป


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/TwlbWUm2i_c

คุณอาจสนใจ

Related News