อาชญากรรม
ไม่ใช่ฆาตกรรม! สรุปคดี 'น้องแป้ง' วงจรปิดชัดโดดสะพานเอง สั่งเสียเพื่อนบวชหน้าไฟ-สวด 5 คืน
โดย thichaphat_d
11 ก.พ. 2565
454 views
จากกรณี มีการพบชิ้นส่วนศพลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพบหัว, ครึ่งตัวบน, ขาซ้าย และขาขวา กระจายโผล่ 4 จุด ต่อมามีครอบครัวมายืนยันว่าผู้ตายคือ น.ส.มณีรัตน์ กระจกภาพ หรือ แป้ง อายุ 28 ปี จากตำหนิรูปพรรณ โดยเฉพาะรอยสักด้านหลัง รวมถึงสีเล็บ และเครื่องประดับต่างๆ ที่พบบนตัวศพตรงกับ น.ส.มณีรัตน์ ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ (10 ก.พ. 65) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าทางคดี เปิดเผยว่าได้เรียกตัวญาติและบุคคลใกล้ชิด มายืนยันภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ยืนยันตรงกับ น.ส.มณีรัตน์ จริง ทั้งนี้ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากบ้านพักของ น.ส.มณีรัตน์ ที่ซอยหทัยราษฎร์ 33 พบว่าออกจากบ้านเวลา 10.43 น.
จากนั้น ผู้ตายได้เดินทางไปบ้านเพื่อนที่ ซอยหทัยราษฎร์ 25 ก่อนจะเรียกแกร๊บแท็กซี่ให้ไปส่งที่ด้านล่างสะพานพระราม 8 จากนั้นได้ไปซื้อน้ำดื่มที่ชุมชนบ้านปูน จากนั้นเดินขึ้นบนสะพาน และกระโดดลงมา ตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ ในเวลา 12.13 น. ซึ่งทางตำรวจได้เรียกแท็กซี่มาสอบปากคำ แล้วพบว่าตรงตามลักษณะของน.ส.มณีรัตน์ ซึ่งให้การเป็นประโยชน์
ส่วนสภาพบาดแผลที่ปรากฎ ในเบื้องต้นระบุว่า เป็นบาดแผลที่เกิดหลังจากเสียชีวิต ส่วนจะเป็นของมีคมชนิดใด ต้องพิสูจน์อย่างละเอียด และอาจเกิดจากใบพัดเรือก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง และชิ้นส่วนที่พบล่าสุดวานนี้ ยืนยันแล้วว่าเป็นของ น.ส.มณีรัตน์ และจะทำการตรวจดีเอ็นเอกับญาติ โดยต้องรอผลสักระยะ เพื่อสรุปสำนวน
หลังจากนี้จะต้องรอผลชันสูตรของแพทย์เพื่อระบุสาเหตุการตายว่า เกิดจากการจมน้ำหรือไม่อย่างไร กรณีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์ทราบ และมีความเห็นตรงกันกับญาติรวมถึงหลักฐานที่ปรากฎว่า “เกิดจากการทำร้ายตัวเองกระโดดน้ำเสียชีวิต” หากญาติไม่ติดใจก็จะมอบร่างให้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
เวลา 14.15 น. พ่อแม่ สามี และเพื่อนของผู้ตาย เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อรับฟังข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยนายประเทือง กระจกภาพ พ่อผู้ตายเผยว่า เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ในช่วงขณะเกิดเหตุบนสะพานพระราม 8 ขึ้นแล้วลงรถ และพยานหลักฐานอื่นๆ แล้ว จึงสงสัยเชื่อว่าบุคคลในภาพวงจรปิดคือลูกสาวของตนเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตั้งใจฆ่าตัวตายของลูกสาว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ส่วนเรื่องการรับศพ ทางครอบครัวยังไม่ทราบว่าจะไปรับตอนไหน ขอปรึกษากับครอบครัวกันก่อน
นักข่าวสอบถามไปยังแม่ของผู้ตาย ปรากฏว่าได้มีอาการหน้ามืดเป็นลม ล้มฟุบ บริเวณบันไดทางขึ้นไปชั้น 2 ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยพ่อของผู้ตาย ต้องมาอุ้มเข้าไปปฐมพยาบาล ซึ่งแม่ไม่เชื่อว่าลูกสาวของตนเองคือหญิงภายในภาพวงจรปิด เนื่องจากติดใจว่าลูกสาวของตนเองมีกระเป๋าอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งภายในจะมีกระเป๋าสตางค์และบัตรประจำตัวประชาชน แต่กระเป๋าใบดังกล่าวหายไป
ด้านนายอดิศร คุ้มโศก อายุ 26 ปี สามีของผู้ตาย เผยว่า ภรรยามีปัญหาเรื่องเงินที่ไม่พอใช้ และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาก็มีอาการเจ็บป่วยหลายโรค ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวเป็นประจำ อาทิ โรคลำไส้อักเสบ มีเนื้องอกในช่องท้อง โรคไต และมีภาวะติดเชื้อ จนทำให้ไม่ค่อยได้ไปทำงาน ยืนยันว่าก่อนหน้านี้เจอกันเกือบทุกวัน นอนพักอยู่ด้วยกันที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ ย่านหทัยราษฎร์ ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของแม่ภรรยา
กระทั่งวันที่ 7 ก.พ. ภรรยาหายออกจากบ้านไปตั้งแต่ 09.00 น. และไม่สามารถติดต่อได้อีก ทีแรกก็นึกว่าไปเที่ยวพักผ่อน แต่การออกจากบ้านไปครั้งนี้ มีสิ่งผิดปกติคือ ภรรยาไม่ยอมบอกว่าไปไหน จนทราบข่าวพบชิ้นส่วนมนุษย์มีรอยสักตรงกับของภรรยา จึงประสานเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันว่า ศพดังกล่าวคือภรรยาของตัวเอง วันเกิดเหตุตนเองได้ออกไปทำงานก่อน ส่วนภรรยาออกไปทำงานที่หลัง ทำให้ไม่ทราบว่าภรรยาเดินทางไปถึงที่ทำงานหรือไม่ หรือแต่งตัวอย่างไร และไม่คิดว่าภรรยาจะก่อเหตุแบบนี้
ที่ผ่านมาตนเองเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน รับภาระหนี้สินต่างๆ ทั้งของตนเองและภรรยา เชื่อว่าภรรยาของตนเองฆ่าตัวตาย ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการฆาตกรรม และไม่ได้ติดใจในกรณีใดๆ ของภรรยา ก่อนเกิดเหตุ ภรรยาชอบพูดว่าอยากฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีปัญหาเรื่องเงินที่ไม่พอใช้
ขณะที่ น.ส.จี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องเเป้ง เป็นคนสุดท้ายที่น้องเเป้งได้ไปพูดคุย ก่อนจะหายตัวไปเดินทางเข้าให้ปากคำด้วย เผยว่า ภายหลังจากได้เข้าพบพนักงานสอบสวน รวมถึงได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด ยืนยันว่าคือน้องแป้ง เพื่อนของเธอจริง และยืนยันว่า ในวันที่ 7 ก.พ. ก่อนที่น้องแป้ง จะหายตัวไป ก็ได้มาหาเธอที่บ้านเพื่อยืมเงินจำนวน 1,500 บาท
โดย ‘แป้ง’ ให้เหตุผลว่า จะนำเงินจำนวนนี้ติดตัวไปทำงานด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดปัญหาเรื่องอื่นๆ ให้ฟังเลย โดยแป้งมักจะพูดปัญหาสุขภาพ และปัญหาการเงินให้ฟัง ส่วนเรื่องการที่น้องแป้งจะคิดสั้นนั้น ไม่เคยพูดให้ฟังเลย ทั้งนี้ตอนแรกที่ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่พอเห็นคลิปวงจรปิดแล้วพบว่าเป็นน้องแป้งจริง จึงต้องเชื่อตามหลักฐานที่ปรากฎ
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้พูดคุยกับ น.ส.วริศรา ศรนรินทร์ อายุ 20 ปี เพื่อนที่ทำงานของผู้ตาย เล่าว่า ส่วนตัวของพี่แป้งเคยทำงานที่ร้านนี้ ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ มานาน 5-6 เดือน ก่อนจะออกไปทำที่ร้านอื่นสักระยะ และกลับมาทำที่ร้านนี้ในช่วงเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่มาระยะหลัง ผู้ตายไม่ค่อยได้มาทำงาน และกลับมาทำงานวันสุดท้ายคือเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
ซึ่งจากการสอบถามผ่านการแชท ทราบว่า ‘แป้ง’ ผู้ตาย มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ และปัญหาทางครอบครัว หลายครั้งที่ผู้ตายจะบ่นว่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากตายเพราะปัญหารุมเร้า รวมถึงยังเคยมีการแคปหน้าจอ Google ที่มีการเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับการกระโดดสะพานมาให้ดู ซึ่งตนเองยังได้ทำการปลอบ แต่ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุขึ้นจริงๆ
เพื่อนผู้ตายยังระบุอีกว่า น.ส.มณีรัตน์ เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน แต่ก็มีความเครียดเกี่ยวกับสุขภาพและปัญหาครอบครัว หลังพบศพที่มีการแชร์ภาพกัน ตนเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเป็น น.ส.มณีรัตน์ ก่อนที่ในช่วงเย็นจะมีการยืนยันเพราะเห็นจากหน้าเฟซบุ๊กของ น.ส.มณีรัตน์ จึงแน่ใจ ยอมรับว่าตกใจมากเสียใจ ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุแบบนี้
ตนไม่ทราบในรายละเอียดว่า ปัญหาทางครอบครัว ที่ผู้ตายเคยบ่นมาจากปัญหาอะไร แต่ในส่วนของสุขภาพ เท่าที่ทราบก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องซีสในทรวงอก กับปัญหาต่างๆ ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง ซึ่งหลังจากมีการหายตัวไปจากบ้านพัก ตนเองทราบว่าวันที่พบศพ ทางแฟนหนุ่มของ น.ส.มณีรัตน์ ได้เดินทางมาที่ร้าน เพื่อติดตามหาตัว ก่อนจะถูกระบุพบว่าเป็นชิ้นส่วนศพลอยน้ำ
ขณะที่เพื่อนในเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เผยคลิปก่อนเสียชีวิตของผู้ตาย กับเพื่อนที่เป็นช่างทำเล็บ (เล็บสีเหลืองก่อนเสียชีวิต) ในเชิงหยอกล้อว่า ถ้าตนเองตาย เพื่อนต้องโกนหัวบวชหน้าไฟให้นะ มีการสวดอภิธรรม 5 คืน จากนี้ยังมีการคอมเมนต์ว่า ผู้ตายมักจะพูดสั่งเสียแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง พูด 3 วัน ติดกัน
และวานนี้ (10 ก.พ.) เวลา 13.25 น. พบชิ้นส่วนมนุษย์ลอยแม่น้ำเจ้าพระยาไปขึ้นที่ท่าเทียบเรือ อีก 2 แห่ง จุดแรกเป็นชิ้นส่วนข้อเท้าขวาทาเล็บเท้าสีแดง ลอยไปขึ้นที่โป๊ะท่าเทียบเรือกองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ใต้สะพานอรุณอมรินทร์ ท้องที่ สน.บางกอกน้อย
อีกจุดเป็นชิ้นส่วนสะโพก ลอยปะปนกับกอสวะไปขึ้นที่ท่าเทียบเรือวัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ระยะทางห่างจากจากสะพานอรุณอมรินทร์ ประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ชิ้นส่วนของมนุษย์ที่พบภายในคลองบางกอกน้อย ทั้งหมดรวม 6 จุด