ยังจับไม่ได้! 'อดีตนักมวย' บุกจับหมอเป็นตัวประกัน เมียสติแตกปืนจี้หัว ตั้งข้อสงสัยล่อ ตร.เปิดทางผัวหนี

ระทึกใจกลางกรุง อดีตนักมวย เป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับ ยิงสู้ตำรวจหนีเข้าบ้านประชาชนย่านอินทามาระ สุดท้ายหลบหนีได้ ขณะที่เมียอดีตนักมวย เครียดจัดหลังรู้ผัวก่อเหตุ เอาปืนจี้ตัวเอง สั่งตำรวจให้พาหนีไปอยุธยา

โดยเหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มของเมื่อวานนี้ ตำรวจ สน.บางซื่อได้ไล่ล่าตามจับกุมตัว นายสันติ เจ๊ะอาหลี อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นอดีตนักมวยชื่อ ฤทธิเดช ใหม่เมืองคอน หลังหลบหนีหมายจับในข้อหาของศาลอาญา ในข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

โดยนายสันติ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยอินทามาระ 29 แยก 3 และใช้ปืนยิงใส่ตำรวจ 1 นัด จากนั้นได้ปีนกำแพงหลบหนี โดยจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่า นอกจากนายสันติจะมีปืนแล้ว ยังสวมใส่เสื้อเกราะด้วย

จากนั้นนายสันติได้วิ่งหนีเข้าไปที่ซอยอินทามาระ 29 แยก 1 และเข้าไปหลบในบ้านของชาวบ้านภายในซอยดังกล่าว ซึ่งบ้านหลังนี้คนอยู่ในบ้าน 3 คน ประกอบด้วยหญิงสูงอายุ 1 คน และลูกชายของหญิงสูงอายุ 2 คน ซึ่งทราบต่อมาว่าทั้งคู่เป็นหมอ ซึ่งอยู่ภายในห้องนอนชั้น 2

โดยเมื่อนายสันติได้ปีนระเบียงเข้าไปในบ้านหลังนี้แล้วได้เคาะประตูห้องที่ลูกชายเจ้าของบ้านอยู่ เมื่อลูกชายเจ้าของบ้านเปิดประตูออกมา นายสันติได้ยกนิ้วบอกไม่ให้ส่งเสียงดัง และขอน้ำกิน แต่ลูกชายเจ้าของบ้านไม่ได้นำน้ำมาให้และปิดประตู

นายสันติจึงเดินมาที่อ่างล้างมือแล้วก้มดื่มน้ำ และเดินลงไปชั้นล่าง ทั้งนี้มีรายงานว่าระหว่างที่นายสันติได้ปีนเข้ามาที่บ้านหลังนี้ ได้มีการยิงปืนขึ้นฟ้าหลายสิบนัด เพื่อข่มขู่ตำรวจ

ต่อมาตอนประมาณ 4 ทุ่ม ตำรวจของ สน.บางซื่อ และ ชุดหนุมาน กองปราบปราม ชุดอรินทราช 26 ได้นำกำลังมาล้อมบริเวณบ้านหลังดังกล่าวไว้

จากนั้นพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเพื่อรับทราบเหตุการณ์และสั่งการวางแผนจับกุมนายสันติ และ ช่วยเหลือตัวประกันคือลูกชายของเจ้าของบ้านทั้ง 2 คน ส่วนแม่ของลูกชายเจ้าของบ้าน ได้หลบหนีออกมาก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้ตำรวจได้เชิญนายสรศักดิ์ แซ่ตั้ง หรือเฮียตี๋ เจ้าของค่ายมวยทีเด็ด 99 ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าของนายสันติ มาช่วยพูดเกลี่ยกล่อมเจรจาด้วย แต่ปรากฎว่านายสันติก็ไม่ได้ออกมามอบตัว

จนช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนสิบห้านาที ตำรวจจึงตัดสินใจเข้าไปเคลียร์พื้นที่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยสามารถเข้าไปช่วยเหลือลูกชายเจ้าของบ้านทั้งสองคนออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เจอตัวนายสันติ คาดว่าน่าจะหลบหนีไปก่อนหน้านี้โดยอาศัยช่องทางระบายอากาศและปีนออกไปด้านหลังบ้าน

ทั้งนี้หลังจากเหตุการณ์ล้อมจับนายสันติคลี่คลาย ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นพร้อมกัน ปรากฎว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือเที่ยงคืนสามสิบนาที นางสาวพจนีย์ ภรรยาของนายสันติ ซึ่งรู้ว่าสามีตัวเองก่อเหตุแบบนี้ ก็เกิดอาการเครียด สติแตก ร้องไห้ฟูมฟาย และได้เข้าไปที่อาคารร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวริมถนนวิภาวดีรังสิต และอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ จากนั้นใช้ปืนจ่อที่ศรีษะตัวเอง

ทำให้ตำรวจต้องนำกำลังเข้าไปช่วยเจรจาเกลี่ยกล่อมไม่ให้นางสาวพจนีย์ทำร้ายตัวเอง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเจรจานานกว่า 2 ชั่วโมง นายสาวพจนีย์จึงยอมไปกับตำรวจ โดยบอกว่าจะขอไปโรงพยาบาล จากนั้นได้ขึ้นรถตำรวจสายตรวจ 191 ออกไป

แต่ปรากฎว่าสถานการณ์กลับตึงเครียดขึ้นมาอีก เมื่อปรากฎว่านางสาวพจนีย์ ได้ใช้ปืนจี้ศรีษะตัวเอง และข่มขู่ตำรวจให้ขับรถพาไปที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา ซึ่งเป็นป่ารกร้าง นางสาวพจนีย์ได้ตัดสินใจเปิดประตูรถตำรวจ แล้ววิ่งหนีหายเข้าไปในพงหญ้าทันที

ตำรวจจึงต้องระดมกำลังเข้าค้นหาตัวนางสาวพจนีย์ โดยการค้นหาต้องใช้ความระมัดระวังเพราะนางสาวพจนีย์ มีปืนติดตัวอยู่ด้วย จนเวลาประมาณ ตีห้าสี่สิบนาที ตำรวจก็พบตัวนางสาวพจนีย์อยู่ในพงหญ้า จึงได้พยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้มอบตัว โดยมีเฮียตี๋ อดีตนายจ้างของนายสันติ ช่วยในการเจรจาด้วย

ซึ่งการเจรจาใช้เวลาประมาณ 10 นาที นางสาวพจนีย์จึงยอมวางปืนและยินยอมให้ตำรวจควบคุมตัว จากนั้นตำรวจได้นำตัวนางสาวพจนีย์มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ

พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวนายสันติ ที่หลบหนีไปได้ โดยพบว่านายสันติ ใช้ช่องผ่านทางช่องระบายอากาศ จากนั้นได้ปีนออกไปที่บริเวณด้านหลังของบ้าน เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุ มีซอยเล็กซอยน้อยที่เชื่อมติดกันเป็นจำนวนมาก โดยยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย เพราะตัวนายสันติมีอาวุธปืน ถือว่าเป็นผู้ต้องหาที่สามารถก่ออันตรายได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/83pE1WFhhho