อาชญากรรม
เปิดแชต ‘มือฆ่าหมกคอนโด’ สวมรอยเป็นผู้ตาย หลอกเอาเอกสารซื้อทอง-นอนโรงแรมหรู
โดย JitrarutP
31 พ.ค. 2567
213 views
ล่าหนุ่ม 2 แว่น ฆ่าโหดชายวัย 54 ปี หมกคอนโด พบเบาะแสล่าสุดนั่งรถทัวร์จากหัวหินหนีลงใต้ ด้านหลานสาวจุกอก ถูกคนร้ายหลอกให้เอาเอกสารของคนตายส่งให้ จนถูกนำไปใช้ซื้อทองเป็นล้าน เปิดโรงแรมหรูนอนฉ่ำ
กรณีนายไพศาล อายุ 54 ปี ถูกฆ่าปาดคอหมกคอนโดของตัวเอง ซึ่งอยู่ย่านถนนงามวงศ์วาน อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ผ่านไป 5 วัน เพื่อนร่วมคอนโดได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ แจ้งนิติบุคคลเข้าตรวจสอบ จึงพบศพอยู่ในห้อง ต่อมามีการเช็คกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ตายมาที่คอนโดกับชายต้องสงสัย ซึ่งใส่เสื้อมีฮู้ดสีดำ ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ของวันที่ 20 พฤษภาคม จากนั้นผู้ตายไม่ได้ออกจากห้องอีกเลย ส่วนชายต้องสงสัยหนีออกจากคอนโดไป ช่วงตี 4 ของวันที่ 21 พฤษภาคม จนถึงขณะนี้ยังตามจับตัวไม่ได้
โดยในวันที่ 27 พฤษภาคม เวลาประมาณ 3 ทุ่ม 22 นาที กล้องวงจรปิดบริเวณหาดพัทยา จับภาพชายต้องสงสัย สวมฮู้ดสีน้ำตาล ใส่แว่นตาดำ เดินลากกระเป๋า และถือถุง เดินไปมาระหว่างซอย 10 กับซอย 11 โดยพบว่า มีการเช็คอินเข้าพักในโรงแรม โดยใช้บัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตด้วย
ต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม ตำรวจชุดสืบสวนนนทบุรี ไปที่พัทยาเพื่อล้อมจับผู้ต้องสงสัย แต่กลับพบว่า ผู้ต้องสงสัยเช็คเอาท์ ออกจากโรงแรมที่พักตอนเที่ยงวัน ก่อนที่ตำรวจจะไปถึง
นายไพรวรรณ์ อายุ 51 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ หน้าห้างฝั่งชายหาดพัทยา เล่าว่า บ่ายโมงครึ่งวันที่ 28 พฤษภาคม มีชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ สวมเสื้อฮู้ดผ้าบางสีขาว กางเกงขายาว สวมแมสก์ ไม่สวมแว่นตา เดินมาเรียกแท็กซี่ สื่อสารเป็นเป็นภาษาอังกฤษ บอกว่า เป็นชาวฮ่องกง แล้วสอบถามราคารถเดินทางไปหัวหิน หลังพูดคุยกันสักพัก จึงตกลงค่าโดยสารในราคา 4,000 บาท ตนจึงเรียกรถแท็กซี่อีกคันเพื่อรับช่วงต่อ เพราะไปกลับหลายชั่วโมง ตนไม่อยากขับรถตอนกลางคืน เท่าที่คุยกันเขาไม่มีอาการพิรุธ ไม่ตื่นตระหนก ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
ผู้สื่อข่าวจึงโทรติดต่อพูดคุยกับ นางรัตน์ คนขับแท็กซี่ คันที่รับผู้ต้องสงสัยไปส่งที่หัวหิน นางรัตน์ เล่าว่า ได้รับชายต้องสงสัยขึ้นรถตอนบ่ายโมง 40 ถึงหัวหินตอน 6 โมงเย็น ส่งลงบริเวณตลาดโต้รุ่งหัวหิน เขาจ่ายเงินสดให้ 4,000 บาท แล้วเดินลากกระเป๋าเข้าไปในซอยข้างตลาดโต้รุ่งหัวหิน โดยไม่มีใครมารอรับ ซึ่งระหว่างทางที่นั่งมาเขา สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ และบอกให้ปลุก หากใกล้ถึงสนามบินหัวหิน จากนั้นเขาก็นอนหลับ ไม่ได้โทรศัพท์หาใคร และมีช่วงที่เขาถอดแมสก์ออกด้วย ตนเห็นหน้าเขาแต่ไม่ชัดเจน ซึ่งเขาไม่มีพิรุธ และมีอาการปกติมากๆ เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป ตนมารู้ที่หลังว่า เป็นคนร้ายฆ่าโหด ก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด จับภาพรถแท็กซี่ที่รับผู้ต้องสงสัยจากพัทยาไปส่งที่หัวหิน โดยเป็นรถเอ็มจีสีขาว วิ่งมาบนถนนเพชรเกษม ผ่านหน้าสนามบินหัวหิน ตอน 6 โมง 1 นาที แล้วเลี้ยวขวาที่สี่แยกจี้อันตึง เข้าถนนชมสินธุ์ ตอน 6 โมง 8 นาที ก่อนเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าถนนสระสรง คาดว่า แท็กซี่จะส่งผู้ต้องสงสัยลงที่สี่แยกถนนเดชานุชิต ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ซึ่งตรงนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดของเทศบาล แต่สังเกตจากช่วงเวลาในกล้องวงจรปิด ใช้เวลาประมาณ 5 นาที กว่าผ่านถนนดังกล่าวซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ แล้วแท็กซี่คันนี้ ก็วิ่งเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม กลับมาทางกรุงเทพฯ
ด้านพันตำรวจเอก กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการ สภ.หัวหิน บอกว่า จากการตรวจสอบล่าสุด พบคนร้ายขึ้นรถทัวร์ออกจากหัวหิน ไปที่สุราษฎร์ธานีแล้ว
ส่วนความคืบหน้าทางคดี เมื่อวานนี้ นายฉัตรชัย และ น.ส.นิด พี่ชายและหลานสาวผู้เสียชีวิต เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองนนทบุรี ซึ่ง น.ส.นิด บอกว่า ตนเองถูกผู้ต้องสงสัยหลอกให้เอาเอกสารของอาไปให้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยใช้แชทของผู้เสียชีวิตทักมาหา จะจ้างไรเดอร์ไปรับเอกสารที่ปากซอยแถวบ้าน ให้ตนเองช่วยเตรียมเอกสาร และกระเป๋าเงิน ซึ่งมีบัตรประชาชน บัตรเครดิต เอกสารส่วนตัว และเอกสารเรื่องงาน ให้ไรเดอร์ด้วย พร้อมบอกว่า จะเดินทางไปประเทศจีน 2-3 วัน ซึ่งตนก็ไม่เอะใจอะไร เพราะแชทที่ทักมาเป็นแชทของอา จึงเตรียมเอกสารให้
ผู้สื่อข่าวไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่วัดทางหลวง อำเภอเมืองนนทบุรี เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง เห็น น.ส.นิด นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาลงที่วัดทางหลวง แล้วเดินเข้าไปในบ้านของผู้เสียชีวิต ซึ่งจะต้องผ่านวัด และผ่านสะพานข้ามคลอง
จากนั้นประมาณบ่ายโมง 42 เห็นไรเดอร์ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในวัด จอดที่หน้าเมรุ แล้วโทรศัพท์แจ้ง น.ส.นิด ว่ามาถึงแล้ว ผ่านไป 3 นาที น.ส.นิด เดินออกมาจากบ้าน พร้อมถุงผ้าใส่เอกสารของผู้เสียชีวิต ยื่นให้ไรเดอร์ จากนั้นไรเดอร์ได้ขี่รถออกจากวัด ไปส่งของให้ผู้ต้องสงสัย ซึ่งรอรับของอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
ซึ่งตอนที่ไรเดอร์ส่งของให้กับผู้ต้องสงสัย ได้ถ่ายรูปเซลฟี่ส่งให้กับ น.ส.นิด ด้วย โดยในภาพถ่ายติดผู้ต้องสงสัย ที่พยายามหลบกล้อง จึงเห็นเพียงด้านข้าง พบว่า สวมแว่นตาดำทับแว่นสายตา สวมแมสก์ และสวมเสื้อแบบมีฮู้ด
โดยหลานสาวของผู้เสียชีวิต เปิดใจกับทีมข่าวอาชญากรรมช่อง 3 บอกว่าวันที่ผู้ต้องสงสัยแชทมาหาตนนั้น ตนคิดว่าเป็นอาจริง ๆ เพราะภาษาในการคุยเหมือนกับอาที่คุยกับตนมาก ยอมรับว่าตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจ เพราะไม่รู้ว่าอาเสียชีวิตแล้ว เพียงแต่มีการคุยกันในครอบครัวว่า หลังจากที่อาออกจากบ้านในช่วงค่ำของวันที่ 20 พฤษภาคมแล้วหายไปไหน เพราะติดต่อไม่ได้
จนกระทั่งวันที่ 23 พฤษภาคมก็มีไลน์ของอาทักมาหาตน บอกว่ามีธุระต้องบินไปจีน และให้ตนถ่ายรูปเอกสาร เอกสารสีขาวที่หัวกระดาษเป็นภาษาจีนซึ่งอยู่ในห้องของอาไปให้ดู และวันที่ 26 พฤษภาคมก็ส่งข้อความมาให้ตนส่งเอกสารหัวกระดาษภาษาจีนและกระเป๋าสตางค์ของอา ซึ่งเป็นใบที่คุณอาใช้ติดตัวเป็นประจำไปให้ โดยบอกให้เรียกแอปฯ ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะต้องรีบใช้
ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจ จึงรีบเรียกไรเดอร์ไปส่งขอให้อา โดยไรเดอร์มารับของตอนประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งตนดูเวลาจากบ้านซึ่งอยู่ที่วัดทางหลวง จังหวัดนนทบุรี ไปสนามบินสุวรรณภูมิ จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่พอหลังจากส่งของแล้วผ่านไปเพียง 25 นาที พบว่ามีการแจ้งว่าได้รับของแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนก็งงว่าทำไมถึงเร็ว
จนสุดท้ายจนมาทราบข่าวว่าอาถูกฆ่าเสียชีวิต ตนเสียใจมาก และเชื่อว่าคนร้ายน่าจะวางแผนมาแล้ว โดยมีการใช้ไลน์ของอามาหลอกให้ตนส่งของไปให้ โดยตนเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยต้องการที่จะได้กระเป๋าสตางค์ของอา ส่วนให้ส่งเอกสารไปให้ด้วย น่าจะเป็นการตบตา เพื่อให้เห็นว่าต้องการเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการค้าขาย
หลังเกิดเรื่อง ตนพบว่ามีคนในโลกโซเชียล มาคอมเมนท์ต่อว่าตนในทำนองว่า ตนส่งของให้คนร้าย ซึ่งตนอยากบอกว่าตนไม่รู้ว่าคนที่แชทคุยเป็นคนก่อเหตุ และขอให้เข้าใจหัวอกถึงคนที่สูญเสียญาติ ว่าเสียใจอยู่แล้ว แต่ยังมาถูกซ้ำเติมอีก
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/-N3b2Aa9O3Q