อาชญากรรม

หนีออกนอกประเทศแล้ว! 2 นายหน้าโหด ผู้ต้องสงสัย ‘ฆ่าหั่นศพ’ หนุ่มเมียนมายัดตู้แช่แข็ง

โดย paweena_c

22 ม.ค. 2567

53 views

“2 นายหน้าโหด” ชาวอินเดีย หนีออกนอกประเทศแล้ว หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย “ฆ่าหั่นศพ” หนุ่มเมียนมายัดตู่แช่แข็ง ผบ.ตร. ประสาน เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ช่วยไล่ล่าตัว ขณะที่วันนี้ตำรวจประสานล่ามชาวเมียมา มาช่วยสอบปากคำเพื่อนผู้ตาย

จากคดีพบศพ นายอาร์เซ ข่าย ชาวเมียนมา ถูกฆ่าหั่นศพเป็น 6 ท่อน คือ ศีรษะ ลำตัว ขา 2 ข้าง และแขน 2 ข้าง โดยศพถูกแช่ไว้ในตู้แช่ ในอาคารพานิชย์ 3 ชั้น ภายในซอยสะแกงาม 35/3 แยก 10 ย่านบางขุนเทียน นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ ยังพบเลื่อยไฟฟ้า 2 อัน แยกเป็นอยู่ในห้อง 1 อัน และอยู่ใต้เตียงนอน 1 อัน มีดอีโต้ ขณะที่ภายในที่เกิดเหตุ และห้องน้ำพบรอยเลือด หลังเกิดเหตุ พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ตำรวจ สน.ท่าข้าม  กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบหลักฐานในคดีสำคัญหลายอย่าง

เริ่มตั้งแต่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ผู้ตายได้มาทำงานในไทยพร้อมกับเพื่อนชาวเมียนมา รวม 5 คน โดยผ่านนายหน้าจัดหางานชาวอินเดีย คือ นายเดวาซิก้ามานี กูนารัน และนายประกาดีส กุมาร ซันดาราวัล โดยนายหน้าชาวอินเดีย ได้เช่าอาคารพานิชย์ดังกล่าวไว้จากเจ้าของคนไทย เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนของแรงงาน

วันที่ 18 มกราคม เพื่อนชาวเมียนมา ของผู้ตายทั้ง 4 คนออกไปทำงาน ยกเว้นผู้ตายที่ยังไม่มีงานทำ จึงพักอยู่ที่นี่เพียงลำพัง

19 มกราคม เพื่อนของผู้ตายติดต่อผู้ตายและนายหน้าชาวอินเดียไม่ได้ จนวันที่ 21 มกราคม เพื่อนผู้ตายได้กลับมาที่พัก พบว่าประตูล็อคอยู่ จึงติดต่อเจ้าของอาคารให้เปิดประตูให้ และเมื่อขึ้นไปที่ชั้น 2 ก็พบร่างผู้ตายถูกหั่นเป็นชิ้นอยู่ในตู้แช่

ขณะที่หลักฐานสำคัญอีกชิ้น ที่ทำให้ตำรวจมั่นใจว่า คนร้ายคือ นายหน้าชาวอินเดียทั้ง 2 คน เริ่มตั้งแต่ภาพวงจรปิด วันที่ 19 มกราคม ตอนช่วงบ่าย 3 โมง พบว่า นายหน้าชาวอินเดียได้ขับรถสีแดง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร มาจอดที่อาคารดังกล่าว และจากนั้นก็ขับออกไป

ต่อมาเวลาประมาณ 18.28 นาที ปรากฏภาพนายหน้าชาวอินเดีย ไปซื้อตู้แช่ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางบอน โดยมีรถกระบะสีดำ นำตู้แช่มาส่งตอนประมาณ 2 ทุ่ม

ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม นายหน้าชาวชาวอินเดียได้ขับรถกลับมาที่อาคาร และมีความพยายามที่จะถอยรถเข้าไปจอดด้านใน แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะใต้ท้องรถติดกับเนินปูน ซึ่งจุดนี้ทำให้คนที่อยู่แถวนั้นรู้สึกผิดสังเกต เพราะปกติ นายหน้าชาวอินเดีย จะจอดรถที่หน้าอาคารเท่านั้น จนกระทั่งเวลา 21.45 นาที นายหน้าชาวอินเดียได้ขับรถออกไปจากอาคารและไม่กลับมาอีก

พลตำรวจตรีนพศิลป์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน พบว่านายซันดาราวัล ซึ่งเป็นนายหน้าจัดหางาน และเปิดบริษัทอยู่ที่ย่านถนนสุรวงศ์ แต่สุดท้ายมีเพียงผู้ตายที่ไม่ได้งานทำเพียงคนเดียว จึงอาจทำให้เกิดมีปากเสียงกับนายหน้าชาวอินเดียและถูกฆ่า โดยล่าสุดพบว่านายหน้าชาวอินเดียทั้ง 2 คน ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปประเทศอินเดียแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม ตอนประมาณ 20.50 น. โดยเที่ยวบิน ทีจี 337 จากสุวรรณภูมิ ไปที่เมืองเจนไน อินเดีย

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ ซึ่งหากหมายจับออกแล้วก็จะประสานไปยังทางการอินเดีย เพื่อส่งหมายแดง ช่วยจับกุม และนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ส่วนรถเอ็มจี สีแดง พบว่าเป็นรถของนายซันดาราวัล ซื้อไว้หลายปีแล้ว และตอนนี้อยู่ระหว่างหาว่ารถคันดังกล่าวอยู่ที่ไหน รวมถึงเร่งหาว่าเลื่อยไฟฟ้า คนร้ายซื้อมาจากที่ใด ซึ่งคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน เพราะหลักฐานชัดเจน

ขณะที่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าขณะนี้ใกล้ได้ตัวนายหน้าชาวอินเดียแล้ว โดยได้ประสานไปยัง เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยให้ช่วยติดตามตัว ส่วนความเคลื่อนไหวที่ สน.ท่าข้าม พบว่าตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตำรวจได้คุมตัวชาวเมียมา ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิตเพื่อสอบปากคำ รวมถึงตู้แช่ ตำรวจได้มีการนำเก็บไว้ที่โรงพักด้วย

โดยตำรวจได้มีการเชิญล่ามชาวเมียนมา มาช่วยในการซักถามเพื่อนของผู้ตาย เนื่องจากเพื่อนของผู้ตายพูดภาษาไทยไม่ชัดเจน ล่ามชาวเมียนมา บอกว่าคนตายกับเพื่อนชาวเมียนมา รวม 3 คน ได้เดินทางมาจากเมียนมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม จากนั้นก็ถูกพาเข้ามาในไทย และมาเจอกับ ชาวเมียนมาอีก 3 คน ซึ่งพักอยู่ที่อาคารย่านสะแกงามอยู่ก่อนแล้ว

จนวันที่ 19 มกราคม กลุ่มชาวต่างชาติทั้งหมด 6 คน ถูกนายหน้าชาวอินเดียจับไปขังอยู่อยู่ห้องครัวภายในที่พักชั้นล่าง จากนั้นนายหน้าชาวอินเดียที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้เรียกผู้ตายขึ้นไปพูดคุยตามลำพัง เพราะมีอายุมากสุด โดยให้เดินตามขึ้นมาที่ชั้น 3 ของอาคาร ซึ่งไม่รู้ว่ามีการพูดคุยอะไรกัน

ทั้งนี้ขณะที่ล่ามให้สัมภาษณ์ ปรากฏว่า ตำรวจได้เรียกล่ามไปสอบปากคำ จึงทำให้ยังไม่ทราบข้อมูลรายละเอียดที่ครบถ้วน




รับชมผ่านยูทูบ :  https://youtu.be/jz9Xw-QakyQ

คุณอาจสนใจ

Related News