อาชญากรรม

นาทีบุกจับ 2 ผัวเมีย ลวงฆ่าหั่นอำพรางศพสาว แฉพฤติกรรม ยังสวมรอยหลอกครอบครัวโอนเงิน

โดย passamon_a

23 มี.ค. 2568

898 views

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.68 ตำรวจ สภ.นครชัยศรี ได้รับแจ้งว่ามีชิ้นส่วนมนุษย์ถูกฝังอยู่ในดินที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ที่เกิดเหตุพบว่ามีดินลักษณะคล้ายถูกขุดใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขุดดินเพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่าพบช่วงร่างผู้หญิงแค่ช่วงบน โดยพบชิ้นส่วนเศษผมสีทองกระจุกใหญ่ กระดูกเชิงกราน กระดูกคล้ายกระดูกหน้าผาก พร้อมด้วยกระโปรง กระเป๋า ของถูกเผาจนไหม้เกรียม ใกล้กันครบจอบ 1 ด้าม และถังเหล็กมีลักษณะคล้ายถูกไฟเผา และมีจำนวนหลายจุดที่มีร่องรอยการขุด


ต่อมาทราบชื่อผู้ตายคือ นางสาวปิยะวรรณ หรือ แอน อายุ 22 ปี ชิ้นส่วนด้านล่างถูกคนร้ายนำไปเผาแล้วเอาไปโยนทิ้งน้ำ ส่วนกระดูกและเสื้อผ้าบางส่วนถูกเผาอยู่บริเวณหลังบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ยังพบกองไฟที่เผาและดับแล้ว และภายในบ้านยังพบกล่องกระสุนปืน รวมถึงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda Wave สีเทาของผู้ตาย อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวด้วย


ส่วนคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุคือ นายณรงค์ชัย หรือ เลย์ อายุ 26 ปี และ นางสาวภัทราภรณ์ หรือ มิ้ล อายุ 21 ปี เป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ โดยทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้หลังจากหนีไปที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยนำตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.นครชัยศรี


เบื้องต้นทางผู้ต้องหาสองผัวเมียได้สารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง แต่ยังไม่เปิดเผยว่าปมสังหารโหดครั้งนี้มาจากเรื่องอะไร โดยได้ล่อลวงและฆ่า น.ส.แอน จริง และได้มีการฆ่าหั่นศพเผา และฝังอยู่หลังบ้าน และบางส่วนได้นำไปทิ้งคลองชลประทานพะเนียงแตก ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่พบชิ้นส่วนอื่น ๆ ของผู้เสียชีวิต


จากการสืบสวนพบว่า นายเลย์ผู้ก่อเหตุ และผู้ตาย เคยรู้จักและเป็นแฟนกันมาก่อน ตั้งแต่ น.ส.แอน อายุ 14 ปี โดยครอบครัวของ น.ส.แอน ผู้ตาย ได้เรียกเงินฝ่ายนายเลย์จำนวน 30,000 บาท ซึ่งต่อมาทั้ง 2 ฝ่ายได้เลิกรากัน และแยกย้ายไปมีครอบครัว


ต่อมาภายหลัง น.ส.มิ้ล ได้มีการโทรคุยกับ น.ส.แอน โดยอ้างว่าจะฝากงานให้เป็นผู้ช่วยพยาบาล รพ.แห่งหนึ่ง ก่อนจะนัดมาเจอกันที่โรงพยาบาลนครปฐม จนในช่วงเย็นวันที่ 4 มีค.68 น.ส.แอน ผู้ตาย บอกกับที่บ้านว่าจะไปทวงเงินกับ น.ส.มิ้ล ประมาณ 4,000-5,000 บาท ซึ่ง น.ส.มิ้ล อ้างว่าเป็นค่าซื้อชุดผู้ช่วยพยาบาล และค่าปลอมวุฒิการศึกษา และค่าตรวจร่างกาย


หลังจากนั้น น.ส.มิ้ล ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ตายคุยกับครอบครัว โดยอ้างว่าคุยได้ผ่านข้อความเท่านั้น ไม่สามารถโทรคุยได้ โดยผู้ต้องหาสวมรอยเป็น น.ส.แอน อ้างว่าเป็นหนี้ และให้สามีช่วยใช้หนี้ให้ อีกทั้งยังแคปแชต ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ ส่งไปให้สามีของ น.ส.แอน ดู


โดยทางครอบครัวได้โอนเงินไปให้ตามที่ผู้ต้องหาอ้างหลายครั้ง ซึ่งต่อมาทางครอบครัวจึงสงสัย ก่อนจะเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.นครชัยศรี ซึ่งทางตำรวจก็ได้เชิญผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปสอบปากคำถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินดคีได้ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ก่อนที่ทั้งคู่จะหลบหนีไปซ่อนตัวที่ จ.เชียงใหม่ จนมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว


ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านของ นายวีระ อายุ 40 ปี สามีผู้เสียชีวิต และพี่สาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาน้องสาว จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายได้หายไปตั้งแต่วันที่ 4 มีค.68 โดยได้มีการคุยผ่านแค่แชตในเฟซบุ๊ก โดยสามีได้มีการพูดคุยกับ น.ส.แอน ผู้ตาย เมื่อเวลาประมาณ 21.58 น. โดยได้บอกว่ากำลังจะไปสแกนนิ้วที่ รพ.สนามจันทร์ โดยมีแค่ภาพนิ้วและหน้าไมล์รถจยย. ส่งมาให้ดู


จากนั้นทาง น.ส.แอน ได้ให้ทางสามีโอนเงินให้จำนวนหลายครั้ง แต่เป็นบัญชีของผู้อื่น โดยครั้งที่ 1 วันที่ 8 มี.ค.68 เวลา 12.14 น. จำนวน 10,000 บาท จากนั้นในวันเดียวกันโอนเงินครั้งที่ 2 เวลา 17.42 น. จำนวนเงิน 5,600 บาท และครั้งที่ 3 วันที่ 9 มี.ค.68 เวลา 12.11 น. จำนวนเงิน 2,000 บาท โดยทั้ง 3 ครั้งโอนไปที่บัญชีของ น.ส.มิ้ล อายุ 22 ปี


ครั้งที่ 4 วันที่ 10 มี.ค.68 เวลา 17.38 น. โอนไปที่บัญชีนายเลย์ จำนวนเงิน 7,000 บาท ครั้งที่ 5 เวลา 17.41 น. ชื่อบัญชี นายจีรวัฒน์ จำนวนเงิน 25,800 บาท ครั้งที่ 6 วันที่ 14 มี.ค.68 เวลา 16.04 น. โอนไปที่บัญชี น.ส.มิ้ล จำนวนเงิน 2,000 บาท จากนั้นเวลา 00.20 น. โอนจำนวนเงิน 10,000 บาท บัญชีนายเลย์ และในวันเดียวกันเวลา 00.30 น. โอนบัญชี น.ส.มิ้ล จำนวนเงิน 3,000 บาท


รวมแล้วถูกหลอกให้โอนเงินไป 8 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 70,000 บาท ทั้งหมด 3 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีของ น.ส.มิ้ล 5 ครั้ง บัญชีของนายเลย์ 2 ครั้ง และบัญชีร้านโทรศัพท์มือถือ 1 ครั้ง  


หลังจากนั้น นายวีระ สามี จึงสงสัยว่า น.ส.แอน ผิดปกติ เพราะตามปกติไม่ได้คุยกับภรรยาแบบนี้ ทางสามีจึงได้ถ่ายรูปหลังบ้านส่งไปให้นางสาวแอนดู และถามว่าที่ไหน แต่นางสาวแอนกลับตอบว่า ไม่รู้ ทางสามีของ น.ส.แอน จึงจับพิรุธได้ว่า คนที่กำลังคุยอยู่นั้นไม่ใช่ น.ส.แอน จึงร้อนใจ และนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์เพื่อตามหาตัวภรรยา และเข้าแจ้งความ


ด้าน น.ส.อารุณี และ นางเรียม พี่สาวและแม่ของนายเลย์ บอกว่า เมื่อช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางนายเลย์ ลูกชาย ได้เข้ามาเที่ยวหาที่บ้านและได้มีการพูดคุย แต่ครอบครัวของตนไม่ได้รับผู้หญิงที่ชื่อมิ้ล เป็นลูกสะใภ้ เนื่องจากว่าเมื่อช่วงก่อนหน้านี้ได้มีการเข้ามาภายในบ้าน และมีการขโมยเงินจำนวน 200,000 บาท ตอนนี้คดีอยู่ที่ สภ.ควายเผือก ก่อนหน้านี้ลูกชายทำงานเกี่ยวกับโต๊ะจีน และแม่เป็นคนทรง ลูกชายไม่เคยมีนิสัยที่โหดร้ายขนาดนี้ ตั้งแต่คบกับ น.ส.มิ้ล นิสัยลูกก็เปลี่ยนไป จนล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครอบครัวไม่ได้มีการพูดคุยอะไร แค่ลูกชายเข้ามาที่บ้านแค่นั้น ตอนนี้ครอบครัวก็ไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร ทางครอบครัวคาดว่าทาง น.ส.มิ้ล เป็นคนวางแผนฆ่าแน่นอน


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พบว่า น.ส.มิ้ล เคยมีคดีลักทรัพย์ค้างเก่าที่ สภ.สามควายเผือก และคดีลักทรัพย์หลายที่ไม่เป็นคดี เพราะยอมความกันไปเรียบร้อยแล้ว


มีรายงานด้วยว่า ขณะที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เข้าจับกุมผู้ก่อเหตุที่โรงแรมแห่งหนึ่งนั้น ขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจใช้เท้าถีบประตู ในช่วง 03.00 น. วันที่ 22 มีนาคม ก่อนจะบุกเข้าไปพบ นายเลย์ และ น.ส.มิ้ล ซึ่งทั้งคู่กำลังมีเพศสัมพันธ์ ก่อนที่ตำรวจจะเชิญตัวไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่


พ่อของผู้เสียชีวิต บอกว่า ส่วนตัวตนไม่รู้จักกับ น.ส.มิ้ล แต่รู้จักกับนายเลย์ เพราะ 7 ปีที่แล้ว นายเลย์ได้คบหากับลูกสาวตน ในขณะที่ลูกสาวเพิ่งเรียนอยู่ชั้น ม.3 ตนจึงมีการเรียกค่าสินไหมกับนายเลย์ เพราะลูกสาวตนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตนจึงมองว่านั่นอาจจะเป็นปมเหตุ ทำให้นายเลย์โกรธแค้น จึงวางแผนกับ น.ส.มิ้ล หลอกลูกสาวของตนออกจากบ้านแล้วพาไปฆ่า ก่อนจะนำศพไปฝังไว้ ซึ่งลูกสาวได้หายไปตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ตนคาดว่าลูกสาวน่าจะถูกฆ่าตั้งแต่วันนั้นแล้ว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/gvPC5loCPbY

คุณอาจสนใจ

Related News