อาชญากรรม

‘พิยดา’ น้ำตาซึม โบ้ยครอบครัวแฟนโกงเด็ก อ้างถูกหลอกใช้จนต้องติดคุก

โดย nicharee_m

30 ก.ย. 2564

59 views

‘พิยดา’ น้ำตาซึม อ้างถูกแฟนหนุ่มหลอกใช้จนต้องติดคุก โบ้ยครอบครัวแฟนโกงเด็ก พร้อมขอโทษญาติน้องก้อง แม้ไม่ได้ทำแต่มีชื่อในคดี


ช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เร่งสอบปากคำ น.ส.พิยดา อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟนนักเรียนชั้นม.2 แล้วเชิดเงินหนี จนเด็กเครียดเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต หลังสอบสวนเสร็จสิ้น ได้นำส่งไปควบคุมตัวต่อที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่


ขณะที่พนักงานสอบสวนไปศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขัง น.ส.พิยดา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน โดยมีทนายความของ น.ส.พิยดา ตามไปเพื่อเตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัว ซึ่งมีรายงานว่า หากศาลให้ประกันตัว จะมีหมายจับจากพื้นที่อื่น มาอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อ


โดย น.ส.พิยดา ตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวระหว่างถูกนำตัวไปขึ้นรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และน้ำตาซึมว่ารู้สึกเสียใจและเครียดมาก ที่ครอบครัวแฟนโยนความผิดทั้งหมดมาให้ เหมือนโดนหลอกใช้เป็นเครื่องมือมาตลอด พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงขายสินค้าออนไลน์กับผู้เสียหาย ส่วนเรื่องน้องก้องที่เสียชีวิต ตอนนี้มีชื่อของเธออยู่ในคดี ก็ต้องขอโทษครอบครัวน้องที่เสียชีวิตด้วย ยืนยันจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด


ด้านนายวิเชียร อินเรน ทนายความส่วนตัวของ น.ส.พิยดา เผยว่า พิยดายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนี้จะเร่งตรวจสอบรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายเพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานยืนยันในการต่อสู้คดี ส่วนประเด็นที่บอกว่า ครอบครัวของแฟนหนุ่มเป็นผู้บงการทั้งหมด โดยที่ตัวเองไม่รู้เห็น ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง


ส่วนเรื่องเงิน 7 แสนบาท ที่พ่อและแม่เลี้ยงเตรียมมาใช้ประกันตัว แต่ถูกตำรวจอายัดไปตรวจสอบนั้น กำลังเร่งทำเรื่องขอคืนจากตำรวจ ทั้งนี้ไม่ขอออกความเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนจะพยายามทำเรื่องประกันตัวให้ทันภายในวันนี้ ส่วนจะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล


ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจกองบังคับการสืบสวน ภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.นำกำลังเข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งใกล้ สภ.นาหวาย ที่ นายกลยุทธ์ อายุ 45 ปี และนางวีรวรรณ อายุ 43 ปี พ่อและแม่เลี้ยง น.ส.พิยดาเข้าพักระหว่างติดต่อขอประกันตัว โดยได้ยึดเงินสด 7 แสนบาท พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง รถยนต์บีเอ็มดับบิว เอ็กซ์ 1 สีดำ ทะเบียน 2 ขฏ 9399 กทม. เพื่อนำไปตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สิน


สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งคู่ พร้อมบอกว่าทรัพย์สินที่ยึดไปนั้น เป็นหลักทรัพย์ที่เตรียมมาเพื่อประกันตัวลูกสาว ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ตำรวจให้นำหลักฐานการได้มาของทรัพย์สินมาแสดงที่มาที่ไป เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งคู่จึงต้องเช่ารถไปติดต่อธนาคารที่ตัวอำเภอเชียงดาว เพื่อขอหลักฐานมายืนยัน

คุณอาจสนใจ