แม่เล้าหลอกเด็กสาวต่ำกว่า 18 ให้กลุ่มจีนสีเทาเปิดบริสุทธิ์ รับหัวคิวหลักแสน

พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ แถลงข่าวผลปฏิบัติการร่วมแม่เล้าวัยใสหลอกเด็กหญิงไปเปิดบริสุทธิ์กับกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยคดีนี้ชุดสืบสวน จากมูลนิธิ LIFT International ว่า มีการจัดหา และนำพาเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีมาแสวงหาประโยชน์เพศจากการค้าประเวณีโดยการขายบริการทางเพศให้กับลูกค้านายทุนจีนเทาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ชุดสืบสวนจึงดำเนินการสืบสวนและทราบว่า กลุ่มต้องหาจะร่วมกันติดต่อชักชวนเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น มีบางรายที่ถูกหลอกว่าพามาเที่ยวที่กรุงเทพฯและถูกนำพาไปให้บริการทางเพศโดยไม่สมัครใจ ที่โรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุงเทพฯ กับผู้ซื้อบริการซึ่งเป็นนายทุนจีนเทาโดยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ไม่มีการสวมถุงยางอนามัย หลังจากที่ให้บริการทางเพศเสร็จจะได้รับคำตอบแทนเป็นเงินมูลค่าประมาณ 200,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหาจะหักหัวคิวไว้ประมาณ 100,000 บาทต่อคน แต่หากนายทุนจีนเทาดังกล่าวพบว่า เด็กหญิงไม่บริสุทธิ์หรือเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว โดยจะพิสูจน์จากการดูว่ามีเลือดออกจากอวัยวะเพศหลังจากการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ซึ่งหากไม่บริสุทธิ์ จะเปลี่ยนมาร่วมประเวณีทางทวารหนักแทน

จากนั้นจึงเข้าจับกุม ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ใหญ่จำนวน 2 รายคือน.ส.บุศริน อายุ 22 ปี และน.ส.ขวัญจิรา  อายุ 19 ปี ซึ่งทั้งสองคนยอมรับว่าทำแบบนี้มาเมื่อช่วงต้นปี 2565 และผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอีก 5 ราย โดยผู้ต้องหาชุดที่ 2 นี้ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ให้บริการทางเพศกับกลุ่มจีนสีเทามาก่อน และผันตนเองมาเป็นผู้จัดหาหญิงอื่นมาให้บริการ เนื่องจากมองว่าเป็นช่องทางหารายได้ โดยผู้ต้องหาจะใช้พฤติกรรมในการล่อหลอกเด็กผู้หญิงโดยใช้จำนวนเงินที่ค่อนข้างสูง รวมถึงบอกว่าจะพาไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ ทำให้เด็กเหล่านั้นคล้อยตาม

ในชั้นจับกุม น.ส.บุศริน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา สวนน.ส.ขวัญจิราและผู้ต้องหาที่อายุต่ำกว่า 18 ปี อีก 5 ราย ให้การรับสารภาพ และอ้างว่ารู้จักกับกลุ่มทุนจีนสีเทาเมื่อครั้งทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการแลกไลน์กันไว้ และกลุ่มทุนจีนสีเทายังไม่มีความในชัดเจนในเรื่องของการประกอบอาชีพ แต่คาดว่ามีเงินหมุนเวียนอยู่ไม่น้อย ส่วนผู้ต้องหาทุกรายที่จับมาได้ยังไม่พบข้อมูลว่าไปเป็นกลุ่มนอมินีให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาแต่อย่างใดภายหลังการจับกุมตำรวจได้สืบสวนขยายผลและสามารถช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ได้ทั้งสิ้น 25 ราย และได้ส่งตัวผู้เสียหายไปให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนดำเนินการดูแล