หนุ่มร้อง คดีไม่คืบ ถูกทหารกร่างแซงคิวในร้านสุกี้ดัง รุมกระทืบหน้าร้าน

พนักงานบริษัทเอกชน 2 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหายถูกทหารแซงคิว แย่งโต๊ะในร้านสุกี้ย่านวงเวียนใหญ่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ก่อนยกพวกรุมทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดคืนวันที่ 11 ต่อเนื่อง 12 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้าและ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือติดตามคดี

โดยผู้เสียหายยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน แต่หลังจากเกิดเรื่อง ตนเองกลับได้รับการประสานจาก พนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา ขอให้รับเงินเยียวยาจากกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยยอมความ แต่ตนเองไม่ต้องการรับเงินและยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หลังจากนั้นตนเองก็ทราบว่า ในจำนวนกลุ่มผู้ก่อเหตุ 4 คน เป็นนายทหาร 2 นาย คนนึงยศร้อยโท ตำแหน่งรองหัวหน้าชุดต่อต้านข่าวกรอง อีกคนยศจ่า ไม่ทราบสังกัดชัดเจน อีกทั้งยังมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเคยเมาแล้วทะเลาะวิวาทลักษณะนี้มาก่อนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เมื่อสอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาของคู่กรณี เพื่อสอบถามถึงบทลงโทษ ก็ได้รับคำชี้แจงว่า ได้ทำโทษทางวินัยทหารนายดังกล่าวด้วยการกักขังเป็นเวลา 7 วันแล้ว แต่หากผู้เสียหายไม่พอใจก็จะต้องไปดำเนินคดีฟ้องศาล เพื่อให้มีคำสั่งลงโทษใหม่

ซึ่งตนเองมองว่าการเป็นทหารแต่กลับมาทำร้ายประชาชนเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง อีกทั้งบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บอยู่บริเวณใต้ตา เย็บ 8 เข็ม และยังส่งผลกระทบต่อการมองเห็นถึงปัจจุบัน มีอาการตาพร่ามัว มองเห็นเพียง 85-90% ต้องรักษาต่อเนื่อง จึงรู้สึกว่าการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายของพนักงานสอบสวน เป็นโทษที่เบาไป และอยากให้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากกว่า และเกรงว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ทั้งนี้ผู้เสียหายยังยอมรับอีกว่าหลังเกิดเหตุไม่กล้าไปนั่งกินสุกี้ที่ร้านอีกแล้ว มีความระแวงและกังวล กลัวจะถูกทำร้ายอีก

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ทราบว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ และโทรสอบถามนายทหารรายดังกล่าว เพื่อให้มาลองพูดคุยไกล่เกลี่ย ตาม พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 2526  แต่นายทหารดังกล่าวกลับพูดจาไม่ดี ฝ่ายสืบสวนจึงเห็นว่าคงไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ และได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปแล้ว ให้เข้ามารับทราบข้อหาภายใน 15 วัน ครบกำหนดในวันนี้ ซึ่งหากเจ้าตัวไม่มา ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ไปตามขั้นตอน