คนร้ายลอบวางเพลิงคอกแพะ ล่อเจ้าของมาดับไฟ ก่อนรัวยิง 3 นัด โชคดีหลบทัน

คนร้ายลอบวางเพลิงเผาคอกแพะ ล่อเจ้าของให้ออกมาดับไฟ ก่อนชักปืนยิง 3 นัด โชคดีเจ้าของคอกแพะหลบทัน เชื่อเหตุจากปมปัญหาที่ดินมรดก เผยก่อนหน้านี้หมาที่เลี้ยงไว้ถูกวางยาตาย 7 ตัว วอนตำรวจเร่งล่าตัว

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ที่เกิดเหตุคนร้ายแอบลักลอบวางเพลิงคอกแพะที่สร้างขึ้นจากไม้มุงหลังคาสังกะสี ทำให้ถูกเผาจนเสียหาย

นางรัตติกาล มาลัย อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 23 มีนาคม 2566 ได้ยินเสียงแพะร้องเสียงดังมาก จึงเปิดกล้องวงจรปิดที่แอบซ่อนไว้บริเวณคอกแพะหลังบ้านดู แต่ไม่สามารถเปิดดูได้ คิดว่ากล้องอาจจะมีปัญหาจึงรีบลุกมาดู ปรากฏว่า มีไฟกำลังลุกไหม้คอกแพะอยู่ โดยไฟกำลังลุกลามจากด้านท้ายคอกไล่ไปที่หน้าคอก ส่วนแพะที่เลี้ยงไว้ทั้ง 38 ตัว วิ่งไปรวมกันอยู่หน้าคอกทั้งหมด

เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งออกจากบ้าน ไปเปิดประตูคอกแพะ ก่อนจะตะโกนเรียกสามี ให้ใช้สายยางมาฉีดน้ำเพื่อดับไฟ เพราะกลัวว่าฝูงแพะที่เลี้ยงไว้ จะถูกไฟคลอกตายหมด โดยในขณะที่เธอและสามี กำลังช่วยกันฉีดน้ำและไล่ต้อนแพะออกจากคอก อยู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 3 นัด สามีเธอเมื่อได้ยินเสียงปืน ก็รีบตะโกนให้รีบนั่งหลบลูกกระสุน แต่เวลานั้นเธอกำลังตกใจ ทำอะไรไม่ถูก สามีจึงรีบวิ่งมาดึงเธอเข้าไปหลบภายในบ้านและรอจนเหตุการณ์สงบ รุ่งเช้าจึงออกมาดูความเสียหายและโทรศัพท์แจ้งตำรวจ หลังจากนั้นจึงได้มาตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้รอบบ้าน และพบว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. มีบุคคลต้องสงสัยเป็นชายใส่หมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า แอบเดินลัดเลาะแนวต้นหญ้าเนเปียเข้ามาที่บริเวณต้นกล้วยใกล้กับคอกแพะ ก่อนจะจุดไฟเผาคอกแพะ โดยคนร้ายพยายามจุดไฟอยู่สองรอบ รอบแรก เวลา 02.57 น. และ ครั้งที่สอง 04.18 น. จึงสำเร็จ

ปมเหตุที่มีคนร้ายมาลอบวางเพลิงคอกแพะ คือเพื่อจะล่อให้เธอและสามีออกมาดับไฟ ก่อนจะฉวยโอกาสลอบยิงในครั้งนี้ เธอเชื่อว่า น่าจะมาจากความขัดแย้งเรื่องมรดก เนื่องจากที่ผ่านมา เธอและสามีไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครมาก่อน มีเพียงปมขัดแย้งเรื่องที่ดินมรดกของสามีเธอกับพี่น้อง ที่ทำให้เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาแล้วหลายครั้ง และก่อนหน้านี้สุนัขที่เคยเลี้ยงไว้ก็ถูกคนร้ายลอบวางยาเบื่อจนตายไปถึง 7 ตัว แต่ก็ไม่สามารถจับตัวคนร้ายที่ทำได้ กระทั่งคนร้ายมาก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ขึ้นอีก โชคยังดีที่เธอและสามีเอาชีวิตรอดมาได้

หลังเกิดเหตุ เธอได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงบุคคลต้องสงสัยไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปค้นที่บ้านแล้วแต่ไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย

นางรัตติกาล กล่าวอีกว่า ตอนนี้เธอและสามี รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เพราะกลัวจะถูกคนร้ายวกกลับมาก่อเหตุอีก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ มาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่เธอและสามีจะถูกฆ่าตายไปก่อน