อาชญากรรม

รองโฆษก อสส. เผยแนวทางคดี 'แอม' วัตถุพยานมีน้ำหนักพอเอาผิด

โดย panwilai_c

6 พ.ค. 2566

101 views

แม้จะไม่มีใครเห็นว่านางแอม เป็นผู้วางยา ผู้เสียชีวิตทั้ง 14 ราย แต่พยานหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถนำมาให้เห็นถึงความเชื่อมโยงพฤติกรรมของผู้กระทำผิด ทั้งจากกล้องวงจรปิดที่เห็นผู้ต้องหาอยู่กับผู้ตาย รวมทั้งลายนิ้วมือแฝงจากพยานวัตถุที่ยึดมาได้ เส้นทางการเงิน และการแชทข้อความ ซึ่งรองโฆษกอัยการสูงสุดให้ความเห็นว่าแม้จะไม่มีใครเห็นขณะวางยาพิษ แต่พยานวัตถุและพยานแวดล้อม ก็มีน้ำหนักมากพอ เมื่อเปรียบเทียบจากคดีก่อนๆ ก็ไม่มีพยานเห็นขณะฆาตกรรม แต่ศาลก็ลงโทษมาแล้วหลายคดี



แม้จะไม่มีประจักษ์พยาน ระหว่างการเดินทางมาทำบุญ ในวันที่ 14 เมษายน ของนส.ศิริพร หรือก้อย และนางสรารัตน์หรือแอม จากจ.กาญจนบุรี มาที่ริมน้ำบ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยระหว่างทาง มีการแวะปั๊มน้ำมัน บริเวณท่าไม้ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีการลงไปซื้อน้ำเปล่า และเครื่องดื่มชูกำลัง



เมื่อขับรถกันมา 2 คน จึงไม่มีใครเห็นว่า น้อยก้อยดื่มน้ำช่วงไหน และ นางสรารัตน์วางยาใส่เครื่องดื่มช่วงไหน แต่ในช่วงเวลาประมาณ 8.30 น.น้องก้อยได้หมดสติ เสียชีวิตที่ท่าน้ำบ้านโป่ง



และในเวลา 3 ทุ่ม ก็ปรากฏรถเก๋งคันเดิม ที่นางสรารัตน์ขับ ขับมายังคลองชลประทาน ในอ.บ้านโป่ง อีกครั้ง โดยนัดเยาวชนไปรับถุงดำ ถุงดำที่ด้านในมีขวดไซยาไนด์ ซึ่งหลังจากส่งตรวจพิสูจน์พบมีลายนิ้วมือแฝงของ นางแอม ที่ฝาเปิดขวด และเป็นสารตัวเดียวกันกับที่พบในร่างผู้เสียชีวิต



แม้ทนายความของ นางแอมจะยืนยันว่า นางแอมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และแม้ทุกคดีนางแอมจะอยู่กับเหยื่อ ก่อนเสียชีวิตจริง แต่ก็ไม่มีพยานว่านางแอมจะเป็นผู้ใส่ยาพิษให้เหยื่อกิน



ทีมข่าวได้สอบถาม นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสูงสุด ระบุว่ามีหลายคดีที่ไม่มีพยานหลักฐานขณะผู้กระทำผิดฆาตรกรรมเหยื่อ แต่สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ เช่นเดียวกับคดีวางยาพิษ ที่ดูจากพยานหลักฐานแล้ว เชื่อว่าตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้แน่นหนา



ซึ่งถ้าหากตำรวจส่งสำนวนฟ้อง มายังพนักงานอัยการ หากหลักฐานจุดใด ที่พนักงานอัยการต้องการเพิ่มก็จะประสานไปยังคณะทำงานของตำรวจ



ขณะที่การขยายผล ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า นางสรารัตน์ ใช้ชื่อและที่อยู่ใคร ในการจัดส่งไซยาไนด์ และรอผลการตรวจพิสูจน์ยาสมุนไพรของบ้านพี่สาวนางสรารัตน์ว่ามีส่วนผสมสารพิษหรือไม่

คุณอาจสนใจ