อุทาหรณ์ผู้หญิงคนหนึ่งจุดยากันยุง หลังพ่นแอลกอฮอล์ใส่ตัว เกิดไฟลุกไหม้ทั่วร่างกาย

เพจ Survive สายไหมต้องรอด โพสต์เรื่องราวอันตรายใกล้ตัว ของผู้หญิงคนหนึ่ง เธออายุ 28 ปี เป็นชาวสายไหม เธอได้ใช้สเปย์แอลกอฮอล์พ่นฆ่าเชื้อตามตัวหลังกลับจากที่ทำงาน ก่อนเข้าบ้านเพื่อป้องกันโควิด 19 เนื่องจากที่บ้านมีผู้สูงอายุ จากนั้นเธอเดินเข้าบ้านไปจุดยากันยุงเพื่อไล่ยุง จู่ๆไฟลุกไหม้ทั่วตัวลุกลามอย่างรวดเร็ว ร่างกายถูกไฟไหม้กว่า 60 เปอร์เซ็น คาดเกิดจากไอระเหยของแอลกอฮอล์ที่ฉีดพ่นติดค้างอยู่ที่ตัวและเสื้อผ้าทำให้ติดไฟ ขณะนี้เธอต้องรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต


ซึ่งครอบครัวเธอลำบากมากต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาส่วนเกินจากสิทธิ สปสช.วันละกว่า 5,000 บาท และเธอจึงขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด



ผู้สื่อข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ คุณสิทธิกร ปรักกัมนนท์ ได้พูดคุยกับนายโอ๊ต อายุ 28 แฟนของผู้บาดเจ็บ บอกว่าวันที่เกิดเหตุ แฟนตนเองกลับมาจากทำงาน และได้ฉีดแอลกอฮอล์ทั่วตัว และได้หยิบไฟแช็กเพื่อจุดยากันยุง สุดท้ายไฟไหม้ท่วมตัว ตนจึงเข้าไปช่วยเหลือ


หลังจากนั้นก็นำตัวไปส่งโรงพยาบาลได้รักษาตามสิทธิ์ สปสช. แต่มีค่าส่วนเกินวันละ 5,000 บาท ทำให้ครอบครัวไม่สามารถนำเงินไปจ่ายได้ เนื่องจากครอบครัวค่อนข้างลำบาก ตอนนี้ได้รับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต อาการยังไม่ดีขึ้น ซึ่งอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันภัยใกล้ตัวที่จะเกิดขึ้น

ด้านนายแพทย์ จเด็ด ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กล่าวว่า ได้สั่งให้ทีมของ สปสช. ประสานไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตแล้ว เพื่อดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วย ซึ่งเคสดังกล่าว ทางโรงพยาบาลสามารถเก็บเงินค่ารักษาจาก สปสช.ได้เลย ไม่ต้องเก็บค่ารักษาจากผู้ป่วยแต่อย่างใด