หลานสาวร้อง ยายถูก จยย.ชนเจ็บสาหัส คู่กรณีอ้างวูบล้มลงไปเอง

หลานสาวร้องยายวัย 83 ถูก จยย.เฉี่ยวชนขณะข้ามถนน เจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ใน ICU ด้านคนชนไม่ยอมรับผิด อ้างยายวูบล้มลงไปเอง ก่อนรับสารภาพ ตร.สั่งปรับ-ยึดรถ ยังแจ้งข้อหาชนยายไม่ได้ ต้องรอผลการแพทย์ก่อน

วันนี้ (2 มิ.ย. 2568) หลานสาวของคุณยายอายุ 83 ปี เดินทางร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังคุณยายถูกรถจักยานยนต์เฉี่ยวชนขณะข้ามถนนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คู่กรณีกลับบอกกู้ภัยว่าคุณยายล้มเอง

หลานสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยแจ้งว่าคุณยายประสบอุบัติเหตุค่อนข้างรุนแรง จากการสอบถามคาดว่าเกิดจากการวูบจนล้มหมดสติ หลังส่งตัวยายรักษาตัวที่โรงพยาบาลพบว่าคุณยายจะไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม จากนั้นตนเองไปตามเรื่องที่ สน. แต่ไม่มีความคืบหน้าว่าทางคู่กรณีจะเข้ามาให้ปากคําวันใด จนกระทั่งไปตามเรื่องอีกครั้งเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย. 2568) ทราบว่าคู่กรณีจะเข้ามาให้ปากคําประมาณ 3-4 ทุ่ม ตนเองจึงรู้สึกผิดสังเกตว่าเหตุใดไม่เข้ามาให้ปากคําหลังเกิดเหตุ ซึ่งระยะเวลาผ่านมานานกว่า 24 ชั่วโมง จึงกังวลว่าอาจจะใช้สารเสพติดหรือไม่ เพราะจากการดูกล้องวงจรปิดพบรถจักยานยนต์ไม่มีป้ายทะเบียน หมวกไม่ใส่ และยังเล่นมือถือขณะขี่รถจักยานยนต์อีกด้วย

อาการเบื้องต้น ยายยังนอนรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU มีเลือดออกในสมอง ผ่าตัดแล้วแต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะผ่านช่วงวิกฤตนี้หรือไม่ ซึ่งปกติคุณยายเป็นคนที่แข็งแรงมากและไม่มีอาการหลงลืมใดๆ ซึ่งวันเกิดเหตุคาดว่าคุณยายจะข้ามถนนไปที่ธนาคาร

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า จากคลิปวงจรปิดไม่มีอะไรซับซ้อน ชัดเจนว่าเฉี่ยวชนยายจนล้มลงจริง ซึ่งจุดเกิดเหตุมีสัญญาณไฟกระพริบให้ผู้ขับขี่ระมัดระวัง และในกล้องก็เห็นว่ายายมีการมองซ้ายมองขวา รวมถึงรถยนต์ก็หยุดรถให้ข้ามแล้ว แต่รถจักยานยนต์คู่กรณียังพุ่งมาเฉี่ยวชนและยังมาอ้างกับกู้ภัยอีกว่า “ยายวูบล้มไปเอง”

ล่าสุด หลานสาวโทรถามความคืบหน้าคดีกับตำรวจร้อยเวรเจ้าของสำนวนคดีแล้ว ได้ข้อมูลว่า เมื่อคืนนี้คู่กรณีมาให้ปากคำแล้ว รับสารภาพว่าชนคุณยายล้มเอง ซึ่งตอนนี้ตำรวจทำได้แค่เปรียบเทียบปรับและยึดรถตามขั้นตอนก่อน เพราะรถไม่มี พ.ร.บ. ไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อก แต่เรื่องที่ชนคุณยายตอนนี้ยังแจ้งข้อหาไม่ได้ เพราะต้องรอผลแพทย์สรุปอาการคุณยายก่อน