ชาวบ้านที่สุรินทร์ ร้องโครงการขุดคลองสาธารณะล้ำที่ดิน

สังคม

ชาวบ้านที่สุรินทร์ ร้องโครงการขุดคลองสาธารณะล้ำที่ดิน

โดย pattraporn_a

25 ม.ค. 2565

92 views

ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังมีผู้รองเรียนหลายหน่วยงานรัฐว่า ที่ดินที่มีโฉนด ในอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ 7 ไร่ ถูกโครงการขุดคลองงบไทยเข้มแข็งปี 53 และงบกลางปี 63 รุกล้ำที่ดินตนเองถึง 5 ไร่ จึงขอความเป็นธรรมตรวจสอบ ขณะนายอำเภอ ยอมรับที่โฉนดทับซ้อนกับที่สาธารณะ กำลังเร่งหาทางออก


ข่าว 3 มิติ ได้รับการร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ครอบครองที่ดินรายหนึ่ง ที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ว่า ที่ดิน ซึ่งทำกินต่อจากญาติ และในเขตนิคมสร้างตนเองปราสาท ถูกโครงการขุดคลองของหน่วยงานรัฐ ทั้งจากงบประมาณไทยเข้มแข็งปี 2553 และงบกลางปี 2563 ขุดคลองแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง รุกล้ำเข้าเขตที่ดินของตัวเองเสียหายไปเกือบ 5 ไร่ จากที่มีอยู่ 7 ไร่ ตอนนี้เหลือที่ตั้งบ้านและที่ทำกินไม่ถึง 2 ไร่ โดยอ้างว่าเคยส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมหลายหน่วยงานแต่ไม่ได้คำตอบ จนล่าสุดกรรมการสิทธิมนุษยชน ลงตรวจสอบอีกในวันนี้


นายพิสิทธิ์ศักดิ์ กิจปรีชาบุญสูง ชี้แจงต่อที่ปรึกษากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่สำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ถึงข้อเท็จจริงที่เขาส่งหนังสือร้องเรียนถึงหลายหน่วยงานของรัฐ กรณีที่ดินทำกินถูกขุดคลองรุกล้ำเข้ามาถึง 5ไร่ จากที่มี 7 ไร่ ในอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์


ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองปราสาท ซึ่งเอกสารสิทธิ์ เปลี่ยนแปลงจาก นค. มาเป็น นส.3 และเป็นโฉนดตามลำดับ นายพิสิทธิ์ศักดิ์ ซื้อมาจากป้าแท้ๆ เมื่อ2533 แต่ยังไม่ได้โอน และโฉนดก็อยู่ระหว่างจำนอง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหลัก


เพราะข้อร้องเรียนของเขาคือ เมื่อปี 2553 อำเภอปราสาท เป็นเจ้าของโครงการใช้งบประมาณไทยเข้มแข็งขุดคลองน้ำ ที่เขารองว่าคลองนี้ผ่ากลางที่ดินของเขาจนเป็นสองแปลง เคยร้องขอความเป็นให้ตรวจสอบรังวัด แต่ไม่คืบหน้า และเมื่อปี 2563 ก็มีงบกลางแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่อำเภอปราสาท เป็นเจ้าของโครงการ ขุดลอกคลองตาลำ ซึ่งผู้ร้องยืนยันรุกล้ำที่เขาอีก ทั้งที่เคยยื่นขอให้ระงับเพื่อตรวจสอบแนวเขตใหแน่ชัด แต่ก็ไม่คืบหน้าอีก จนที่สุดที่ดินของเขาหายไปเกือบ 5 ไร่


ผู้ร้องยังอ้างว่า หลังคลองขุดแล้วเสร็จ มีหนังสือแจ้งเมื่อ 19 มีนาคม 2564 ให้ร่วมสำรวจแนวเขตที่สาธารณทุ่งเลี้ยงสัตว์ หรือที่หลวง ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของเขา ว่าพิพาท หรือทับซ้อนหรือไม่ และเขาระบุว่าครั้งนั้นเองที่เขาพบพิรุธว่า ที่สาธารณะ ซึ่งใช้ชุดคลองนี้ น่าจะรุกล้ำที่ของเขา


ผู้ร้องยังอ้างอิงหนังสืออีกหลายฉบับที่ร้องไปถึงหลายหน่วยงาน รวมถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานยืนยันแนวเขตที่ชัดเจนแก่เขา เพราะไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่หลวง หรือเอกสารสิทธิ์โฉนด ก็ล้วนแต่ออกโดยหน่วยงานรัฐ


วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ไปชี้แจ้งข้อเท็จจริงต่อที่ปรึกษากรรมการสิทธิ์ โดยนายอำเภอปราสาท เปิดเผยกับข่าว 3 มิติ ว่าตอนนี้พบข้อเท็จจริงว่า โฉนดที่ชาวบ้านถือครองอยู่นั้นเริ่มออกเมื่อปี 2519 ออกทับซ้อนที่สาธารณะประโยชน์ทุ่งเลี้ยงสัตว์ของชาวบ้าน ซึ่งออกไว้ ตั้งแต่ปี 2468 ตอนนี้จึงกลายเป็นความพิพาทของสองหน่วยงานรัฐ ที่กำลังหาทางออก


การยืนยันจากเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยว่า ข้อเท็จจริงที่พบว่า ขอบเขต นสล. ทับซ้อนกับโฉนดชาวบาน เพิ่งปรากฎชัดเจน จากการรังวัดเมื่อ 19 มีนาคม 2564 หลังจากมีข้อพิพาท จนนำไปสู่การร้องขอให้สอบเขตที่หลวง ทั้งที่คลองแรก เริ่มขุดตั้งแต่ปี 2553 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน


นั่นหมายว่าขั้นตอนจากนี้ หาก นสล.พิสูจน์ได้ชัดว่าเอกสารออกก่อน เท่ากับ โฉนดนี้ ที่อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองปราสาท ออกรุกที่ นสล. และต้องเพิกถอนให้เหลือ 2 ไร่ แต่หาก เขต นสล.มาทีหลัง ก็เท่ากับ โครงการขุดคลองทั้งงบไทยเข้มแข็ง ปี 2553 และงบกลางปี 2563 ขุดรุกล้ำที่เอกชนที่อยู่ในเขต นิคมสร้างตนเองปราสาท จากนี้จึงจะเป็นการพิสูจนท์ข้อเท็จจริงระหว่างสองหน่วยงานรั




คุณอาจสนใจ

Related News