องค์กรสิทธิฯ ช่วยเหลือ อดีตพระผู้ลี้ภัยเข้าไทย ผลักดันเข้าประเทศที่ 3 แทนส่งกลับกัมพูชา

สังคม

องค์กรสิทธิฯ ช่วยเหลือ อดีตพระผู้ลี้ภัยเข้าไทย ผลักดันเข้าประเทศที่ 3 แทนส่งกลับกัมพูชา

โดย pattraporn_a

2 ธ.ค. 2564

88 views

องค์กรสิทธิมนุษยชน และสถานเอกอัครราชทูต กว่า 10 ประเทศ เข้าให้การช่วยเหลืออดีตพระสงฆ์ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ที่ถูกตำรวจไทยจับกุมข้อหาลักลอบเข้าเมือง และเตรียมส่งกลับประเทศต้นทาง ถือเป็นรายที่ 4 ที่ทางการไทยจับกุมตัวผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา


ก่อนหน้านี้ไทยได้ส่งผู้ลี้ภัย กลับไปแล้ว 3 คน จนหลายประเทศ รวมทั้ง UNHCR ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับการส่งกลับผู้ลี้ภัยให้กลับไปตกในอันตราย ซึ่งขัดกับหลักการห้ามผลักดันกลับตามจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ซึ่งล่าสุดไทยชะลอการส่งกลับอดีตพระสงฆ์ และรอกระบวนการการยื่นขอลี้ภัยไปประเทศที่ 3


อดีตพระบอร์ เบท ถูกจับสละจาสมณเพศ หลังถูกตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ จับกุมที่วัดแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อคืนวันที่ 1 ธันวาคม ก่อนถูกนำตัวมาดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง ที่ ตม.สมุทรปราการ และส่งมาควบคุมตัวที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สวนพูล การจับกุมอดีตพระสงฆ์ ชาวกัมพูชารายนี้ ถูกจับตาจากนานาชาติทันที เพราะอดีตพระบอร์เบท เป็นผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติรับรองสถานะให้ความคุ้มครองแล้ว แต่ขณะจับกุมไม่สามารถแสดงบัตรประจำตัวUNHCR ได้เพราะมีความล่าช้าในการออกบัตรเนื่องจากสถานการณ์โควิด



โดยน.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหายฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้ไปติดตามการช่วยเหลือ ซึ่งมีองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เช่น Human Right watch และสถานเอกอัครราชทูตกว่า 10 ประเทศ ได้แสดงท่าทีอย่างเร่งด่วนให้ไทย ชะลอการส่งกลับ เนื่องจากอดีตพระสงฆ์รายนี้ เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา หากถูกส่งกลับอาจเกิดอันตราย และขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญา ICCPR หรือ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และขัดต่อมาตรา 12 ของร่าง พรบ.ป้องกันการอุ้มหาย ซึ่งเสนอโดยคณะรัฐมนตรี ที่ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขับไล่ส่งกลับหรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะเกิดอันตราย จะถูกกระทำทรมาน หรือถูกทำให้สูญหาย และขอบคุณที่ตำรวจได้ชะลอการส่งกลับ และหลายประเทศเช่นสวิตเซอร์แลนด์ ได้เสนอให้วีซ่าฉุกเฉินกับอดีตพระสงฆ์เพื่อได้ลี้ภัยไปประเทศที่ 3


เหตุผลสำคัญที่นานาชาติจับตากรณีนี้เพราะก่อนหน้านี้ทางการไทยได้เนรเทศ ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา 3 คน ซึ่ง unhcr ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของทางการไทย เนื่องจากได้แจ้งต่อทางการไทยไปแล้วว่าทั้ง 3 มีสถานะผู้ลี้ภัยและเรียกร้องห้ามส่งตัวกลับเพราะเสี่ยงต่อความปลอดภัยที่จะถูกดำเนินคดีและลงโทษอย่างรุนแรง แต่เมื่อวันที่ 8 พฤจิกายนยังมีการจับกุม เวือน วาสนา และ เวือง สมนาง ซึ่งเป้นสมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชา พรรคฝ่ายค้านที่ถูกยุบพรรคเมื่อปี 2017 และในวันที่ 19 พฤศจิกายน ได้จับกุม ลาญ ถาวรี อดีตผู้สมัครหญิง ก่อนส่งกลับประเทศและทั้ง 3 คนถูกจำคุกในเรือนจำกรุงพนมเปญ การจับกุมอดีตพระสงฆ์ เป็นรายที่ 4 จึงเป็นสิ่งที่ฮิวแมนไรต์วอทซ์ เห็นว่าไทยต้องทบทวนท่าทีเรื่องนี้อย่าเร่งด่วน


ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอทซ์ เห็นว่า ท่าทีของ UNHCR และองค์กรระหว่างประเทศต่อกรณีนี้เป็นสิ่งที่ทางการไทยต้องรับฟัง เพราะมิเพียงขัดต่อหลักการห้ามผลักดันกลับ ที่มีผลบังคับรัฐต่างๆรวมถึงไทยไม่ให้ขับไล่หรือส่งผู้คนกลับไปยังดินแดนที่ชีวิตหรือเสรีภาพของเขาจะถูกคุกถาม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ข่าว 3 มิติรายงาน

คุณอาจสนใจ

Related News