มิติใหม่!! วิดีโอคอลอ่านหมายจับผู้ต้องหา ป่วยโควิดอยู่รพ. สั่งยาบ้ามาส่งแต่ถูกพยาบาลจับได้ก่อนถึงมือ

สังคม

มิติใหม่!! วิดีโอคอลอ่านหมายจับผู้ต้องหา ป่วยโควิดอยู่รพ. สั่งยาบ้ามาส่งแต่ถูกพยาบาลจับได้ก่อนถึงมือ

โดย pichaya_s

28 ต.ค. 2564

98 views

วันที่ 28 ต.ค.64 กรณีพยาบาลโรงพยาบาลสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พบของฝากต้องสงสัย ที่จะส่งต่อไปให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลสตึก กระทั่งตำรวจมาตรวจสอบ พบว่ามียาบ้า อยู่ในซองยาเส้นจำนวน 8 เม็ด ที่ซ่อนมาในยาเส้น พร้อมกับมะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย และกาแฟ


ต่อมาตำรวจได้จับกุมนายอุทัย จงใจงาม อายุ 39 ปี อยู่เลขที่ 171/2 หมู่ 2 คุ้มชาวประมง ต.สตึก กับลูกสาววัย 13 ปี ที่เป็นคนเอายาบ้ามาส่ง และนางเสาวนี บุญตา อายุ 39 ปี อยู่เลขที่ 245 หมู่ 10 ต.สตึก เป็นคนวานให้นายอุทัย เอามาฝาก ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสอง "ร่วมกันค้ายาบ้า"


ล่าสุดชุดสืบสวน ได้สืบทราบว่า นายอนุชา บุญจันทร์ อายุ 41 ปี อยู่เลขที่ 68 หมู่ 2 คุ้มชาวประมง เป็นคนสั่งยาบ้าจริง เชื่อมโยงคนส่งยาบ้าอีกคน ตำรวจจึงออกหมายจับนายอนุชา ฐาน พยายามสั่งยาบ้า


โดยหลังศาลออกหมายจับ ตำรวจ สภ.สตึก ใช้วิธีวีดีโอคอลผ่านโทรศัพท์มือถือ แล้วอ่านหมายศาลให้นายอนุชา ทราบ โดยนายอนุชา รับสารภาพว่าเป็นคนสั่งซื้อยาบ้าจริง โดยทุก 3 วันจะสั่งมาประมาณ 10 เม็ด ในราคา 300 บาท แล้วเอาไปเสพในห้องน้ำผู้ป่วย อย่างไรก็ตามตำรวจได้รู้ตัวคนขายยาบ้าแล้ว คาดได้ตัววันนี้


ส่วนนางเสาวนี และนายอุทัย ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้ ตำรวจเชื่อว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากสอบสวนนายอนุชา ทราบว่า สาเหตุที่ใช้ให้นางเสาวนี และนายอุทัย ส่งยา เพราะทั้งสองเป็นคนซื่อประจำคุ้ม จึงใช้เป็นเครื่องมือส่งยา ดังนั้นนางเสาวนี และนายอุทัย จึงไม่มีความผิด


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามนางเสาวนี ซึ่งก่อนหน้านี้ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันค้ายาเสพติด กับนายอุทัย ระหว่างเลี้ยงควายอยู่ทุ่งนา โดยนางเสาวนี เล่าทั้งน้ำตาว่า


หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ตนดีใจมาก ที่ผ่านมาตนหากินสุจริต ไม่เคยคดโกงใคร ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ยอมรับว่าเสียใจที่สุดในชีวิต เพราะคนที่วานให้เอาอาหารซึ่งตนไม่รู้ว่ามียาเสพติด ไปส่งให้คือนายอนุชา ซึ่งเป็นน้องเขยของตนเอง และตนได้วานให้นายอุทัย เป็นน้องเขยของตนเช่นกัน เอาไปส่งให้นายอนุชา ตอนนั้นไม่เคยคิดอะไร เพราะทั้งหมดเป็นญาติกัน เมื่อป่วยต้องรักษาตัว ต้องให้การช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ


นอกจากนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านยังเข้าใจว่าตนขายยา รู้สึกเสียใจมาก ไม่กล้ากลับบ้านตอนกลางวันกลัวคนถาม ส่วนหนึ่งยังเชื่อบาปบุญคุณโทษ ใครทำอะไรก็ได้รับกรรมตามนั้น หลังจากนี้เข็ดแล้ว จะไม่รับฝากของให้ใครอีกเด็ดขาด


ขณะที่นายแสวง ในทอง อายุ 51 ปี สามีนางเสาวนี บอกว่า ตอนนี้ตนต้องหยุดงาน เพื่อมาดูแลความรู้สึกของภรรยา เพราะคิดมาก ไม่อยากให้ภรรยาเสียใจมากกว่านี้ พยายามปลอบใจ แต่คิดว่าไม่นานทุกอย่างจะปกติ

คุณอาจสนใจ