เกาหลีใต้เปิดเผยผลวิจัยล่าสุด พบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา มีปริมาณเชื้อในเลือด สูงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 300 เท่า ทำให้คนที่ติดเชื้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นในการแพร่กระจายเชื้อไปยังคนอื่นๆ

โดยผลการศึกษาวิจัยใหม่โดยศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติเกาหลีใต้ เผยสาเหตุที่ทำให้ เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา สามารถแพร่ติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้าทั้งหมด เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา มีปริมาณเชื้อโควิดในเลือดมากกว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมนับ 300 เท่า

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติเกาหลีใต้ ยังพบว่า ปริมาณเชื้อโควิด-19 ในเลือดของผู้ป่วยนั้น ผู้ที่มีปริมาณเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในเลือดสูงสุดคือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นับตั้งแต่ผู่ติดเชื้อเหล่านี้เริ่มแสดงอาการป่วย โดยปริมาณเชื้อในเลือดจะค่อยๆ ลดลงในช่วง 10 วัน นับตั้งแต่ปริมาณเชื้อในเลือดขึ้นสูงสุด

นักวิจัยของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติเกาหลีใต้ย้ำว่า การพบปริมาณเชื้อโควิด-19 ในเลือดสูงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 300 เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า คือการทำให้เกิดการติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ของจีน 300 เท่า เนื่องจากปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดที่เพิ่มขึ้น หมายถึงการมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่บุคคลซึ่งติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นๆ

โดยอัตราการแพร่ติดต่อของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาต่อสายพันธุ์อื่นนั้นพบว่า สูงกว่าสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) 1.6 เท่า และสูงกว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม ประมาณ 2 เท่า

โดยในการวิจัยครั้งนี้ ทีมนักวิจัยของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติเกาหลีใต้ได้ศึกษาเปรียบเทียบจำนวนเชื้อไวรัสในเลือดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา 1,848 ราย กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อื่น จำนวน 22,106 ราย โดยทางศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้ประชาชนควรรีบตรวจสอบว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ เมื่อเกิดอาการป่วยโดยทันที