ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อน "เซอโรจา" ที่พัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย และติมอร์ ตะวันออก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 150 คนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย เร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ที่ยังสูญหาย อีกกว่า 70 คน

กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวในแม่น้ำ โคโมโร ในกรุงดิลี ของติมอร์ เลสเต กัดเซาะตลิ่งพัง จนทำให้บ้านหลังหนึ่ง ทรุดลงในแม่น้ำไปต่อหน้าต่อตา สร้างความตกใจให้กับชาวบ้าน ระดับน้ำในแม่น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซอโรจา" พัดถล่ม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่ม แล้ว 27 คน

เช่นเดียวกับ พื้นที่ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนลูกนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 128 คน ขณะที่ทีมกู้ภัย และอาสาสมัคร ในจังหวัด นูซาเต็งการาตะวันออก ทำงานแข่งกับเวลา เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังสูญหายอย่างน้อย 72 คน โดยระดมเฮลิคอปเตอร์ เข้ามาช่วยค้นหาทางอากาศอีกแรงหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ทางการคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากทีมกู้ภัยเพิ่งเดินทางเข้าไปพื้นที่ประสบภัยที่อยู่ห่างไกล

จากการสำรวจเบื้องต้น พบ ประชาชนกว่า 8 พัน 400 คน ไร้ที่อยู่อาศัย , อาคารต่างๆรวมไปถึงโรงพยาบาล ราว 2 พันหลัง ได้รับผลกระทบจากลมพายุพัดและน้ำท่วม ขณะที่บ้านเรือนประชาชนา กว่า 100 หลัง ได้รับความเสียหายยับ ต้นไม้ใหญ่ จำนวนมากหักโค่นแบบขุดรากถอนโคน