เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์เรือสินค้าเอเวอร์กรีน บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดยาว 400 เมตร ถูกพายุทรายพัดจนเสียหลักเกยตลิ่งขวางคลองสุเอซ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการกู้เรือ และระบายเรือขนส่งสินค้าที่ติดขัดอยู่กว่า 200 ลำ ซึ่งอาจส่งผลให้การขนส่งน้ำมันในเส้นทางดังกล่าวมีความล่าช้าออกไปอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์

สำหรับผลกระทบในประเทศไทย มองว่าหากการขนส่งน้ำมันล่าช้า ผู้ค้าน้ำมันอาจต้องดึงสำรองน้ำมันตามกฎหมายออกมารองรับความต้องการใช้ของผู้บริโภคพยุงสถานการณ์ไปก่อน ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องมีสำรองน้ำมันอย่างน้อย 3 สัปดาห์อยู่แล้ว เชื่อว่าจะเพียงพอ ส่วนผลกระทบด้านราคาน้ำมัน มองว่ายังคงต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังคงผันผวน

ขณะที่หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมันหลังปิดตลาดวานนี้ ราคาร่วงลงกว่า 4% หลังตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มได้รับ แรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในยุโรปและเอเชีย

ส่วนสถานการณ์เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เกยตื้นและขวางคลองสุเอซ ยังคงไม่สามารถแก้ไขได้และมีแนวโน้มที่จะใช้ระยะเวลานานกว่าสัปดาห์ในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยผลกระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรือบรรทุกสินค้า ขณะที่ผลกระทบต่อเรือขนส่งน้ำมันยังค่อนข้างจำกัด