เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา นางสาวปารีณา ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีสร้างฟาร์มไก่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จังหวัดราชบุ รี ตามที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือบก.ปทส. แจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาไปก่อนหน้านี้

ในท้ายคำร้องของ ป.ป.ช. ได้ขอให้ศาลฎีกา มีคำสั่งให้ น.ส.ปารีณา หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีกาประทับรับฟ้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา และให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ขณะที่ น.ส.ปารีณา ได้ส่งคำคัดค้านขอให้ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ ป.ป.ช. มีการชี้ช่องพยานหลักฐานชัดเจน และดำเนินการตามระเบียบของศาลอย่างครบถ้วน และตามข้อบังคับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้ตัดอำนาจของ ป.ป.ช. ในการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ศาลจึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ซึ่งเมื่อศาลไม่ได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ย่อมส่งผลให้ น.ส.ปารีณา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และให้ยกคำร้อง ของ น.ส. ปารีณา ที่ขอไม่ให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

ส่วนที่ น.ส.ปารีณา ร้องคัดค้าน โดยอ้างว่า ป.ป.ช. ใช้อำนาจไต่สวน โดยมิชอบ ศาลเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณากันในชั้นการพิจารณา จึงมีคำสั่งนัดไต่สวนนัดแรก ในวันที่ 30 เมษายน นี้ และให้ น.ส.ปารีณา ยื่นคัดค้านได้ภายใน 14 วัน หลังรับทราบคำวินิจฉัยดังกล่าว น.ส.ปารีณา บอกว่า ขอน้อมรับคำสั่งศาล และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ขณะที่นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กรณีที่ศาลสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่จะระงับการจ่ายเงินเดือน เบี้ยประชุม และสวัสดิการต่างๆ ทั้งหมดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หากนางสาวปารีณาไม่มีความผิดสภาผู้แทนราษฎรจะจ่ายเงินเดือนย้อนหลัง และคืนสิทธิสวัสดิการให้ทั้งหมด