เปาบุ้นจิ้น ตอน ปริศนาภาพวาด EP.4

1.1K viewออกอากาศ พุธที่ 9 ตุลาคม 2567

อู๋อี้เจินรักอยู่กับศิษย์พี่คนรองลี่จงไค แต่ถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับต้วนผิงศิษย์พี่คนโต ก่อนแต่งอี้เจินได้ตัดปอยผมกับมอบปิ่นให้ลี่จงไคเพื่อเป็นของอำลา จงไคโกรธแค้นมากเมื่อสิ้นบุญพ่อแม่อี้เจิน เขาจึงร่วมมือกับศิษย์น้องเล็กจ้าวจี้ถัง ลอบฆ่าต้วนผิงและเผาสำนัก อี้เจิ้นหนีมาได้พร้อมลูกชายและลูกสาวแต่ลูกชายกลับพิการ ส่วนนางก็ตาบอดนางได้วาดภาพสำนักถูกไฟไหม้ให้ลูกชายลูกสาวออกเร่ขาย โดยตั้งราคาเท่ากับกระพรวนทองคำที่จงไคมอบให้นางในวันแต่งงาน เพื่อล่อให้เขาปรากฏตัว ชายลึกลับสองคนแต่งหน้าแบบงิ้วบุกเข้าไปลอบฆ่าเจ้าสำนักต้วนผิง นอกจากฆ่าเขาแล้ว ยังวางเพลิงเผาบ้าน เจ้าสำนักกระเสือกกระสนมาบอกให้ภรรยาพาลูกๆหนีไปสิบแปดปีต่อมาที่เมืองไคฟง สองพี่น้องจงหยีกับฟงเอ๋อ เอาภาพวาดมาขายภาพนี้เป็นภาพไฟไหม้ตั้งราคาไว้ที่ 22 ตำลึง 3 สลึง7เฟื้อง โดยเขียนไว้ว่าขายภาพนี้เพื่อหาเงินซื้อโลงฝังศพแม่ แม้ใครจะต่อราคาเท่าไรนางก็ไม่รับบอกว่าแม่สั่งไว้ก่อนตาย ขาดหรือเกินไม่ได้ คุณชายหลินสงสารอาสาบริจาคโลงให้ฝังศพแม่ แต่นางก็ปฏิเสธไม่ยอมรับ ท่านกงซุนผ่านไปพบ เห็นเป็นเรื่องแปลกจึงมาเล่าให้ท่านเปาฟังภาพนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงหรือน่าจะมีราคาค่างวดอะไร เป็นแค่ภาพวาดไฟไหม้ตึกหลังนึงชื่อตึกไตรธรรม ท่านเปาคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังแน่ ขณะนั้นเองเศรษฐีหลินสูซ่านมาขอพบท่านเปา โดยเขามาปรึกษาว่าตอนนี้ข้าวแพง เขาอยากซื้อข้าวจากเจิ้นโจวมาขายชาวบ้านในราคาถูกๆแต่การขนส่งต้องขอให้ท่านเปาช่วยออกใบผ่านทางเพื่ออำนวยความสะดวก อี้เจินแม่ของสองพี่น้องซึ่งตาบอด มีอาชีพปักผ้าขาย ขนาดตาบอด วิทยายุทธยังล้ำเลิศขว้างเข็มจึ๊กเดียวแม่นยังจะจับวาง สองพี่น้องกลับมาถึงบ้าน ฟงเอ๋อผู้น้องชายค่อนข้างจะเอาแต่ใจในขณะที่จงหยีผู้พี่สาวก็คอยเอาใจ หมอนี่ไม่ค่อยเต็มสักเท่าไร เหมือนเด็กเอาแต่ใจแล้วก็ประสาทหน่อยๆเห็นไฟเป็นต้องร้องโวยวายกลัวลนลาน 2 คุณชายหลินถิงชวน แปลกใจที่จงหยีไม่ยอมรับการบริจาคจึงไปบ่นกับอาฟางน้องชายร่วมสาบานของพ่อพออาฟางได้ยินเขาบรรยายภาพก็ตกใจอึ้งไปชั่วขณะเจ้าว่าไรนะ ป้ายตึกในภาพเขียนชื่อว่าอะไรตึกไตรธรรมครับอาฟาง ถิงชวนผู้หลานยืนยันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ผู้เป็นอารำพึง อาฟางย้ำกับหลานว่าเรื่องนี้อย่าไปเล่าให้พ่อเจ้าฟังนะ อาจะลองจัดการดู สองพี่น้องถูกท่านเปาเรียกตัวมาสอบถามเรื่องการขายภาพ ซึ่งท่านเปาก็อาสาบริจาคโลงให้เช่นกัน แต่นางก็ปฏิเสธบอกว่าแม่สั่งไว้ก่อนตายว่าต้องขายภาพเพื่อซื้อโลงเท่านั้น หากขายไม่ได้ก็ให้เอาศพไปทิ้งในป่า ท่านเปางงเหมือนกันมีงี้ด้วย จึงให้หวังเฉากับหม่าฮั่นสะกดรอย แต่จงหยีรู้ตัวจึงพาน้องหนีไปได้ จั่นเจากลับมาจากเมืองจงโหมว เอารายงานเรื่องทุจริตมาส่งให้ท่านเปา ท่านเปาเปิดศาลสอบเรื่องการขนข้าวที่บังหน้าแต่แอบเอาแร่ที่ทางการต้องห้ามซุกซ่อนมาด้วย ฝ่ายเศรษฐีหลินก็อ้างว่าทำใบเบิกทางผ่านขนข้าวสารที่ได้จากท่านเปาหายไป 1 ฉบับ ได้มาทั้งหมด10ฉบับ เพราะฉะงั้นคนที่ใช้ใบเบิกของเขาไปขนข้าวสารบังหน้าแต่แอบขนแร่นั้นก็คงเป็นคนขโมยใบเบิกเขาไปใช้ หวังเฉาหม่าฮั่น อยากแก้มือสะกดรอยสืบเรื่องของจงหยีแต่รู้ดีว่าเด็กสาวจำหน้าพวกตนได้ จึงมาขอให้จั่นเจาช่วย เพราะจงหยียังไม่รู้จักจั่นเจา กลางดึกคืนนั้นมีคนลอบเข้ามาฆ่าผู้ต้องหาปิดปากยิ่งทำให้ท่านเปาสงสัยเศรษฐีหลินซูซ่าน ยิ่งขึ้นไปอีกจั่นเจาบอกแทงถูกขาของคนร้าย หากไปดูแล้วพบว่าเศรษฐีหลินมีแผลก็ต้องใช่แน่ แต่เมื่อเขาไปพบเศรษฐีหลินกลับพบว่าเขาก็ถูกคนร้าย มาลอบสังหารเช่นกัน เศรษฐีหลินโดนลูกดอกซัดเข้าที่บ่าจั่นเจาช่วยถอนพิษให้ ฟางเหวินซานมาติดต่อขอซื้อภาพจากจงหยี แต่เขามีข้อแม้ว่าก่อนซื้อขอไปเคารพศพแม่จงหยีก่อนนางบอกว่าได้แต่ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้เที่ยง เพราะขอกลับไปแต่งศพแม่ก่อน นางรีบมาบอกแม่ โดยไม่รู้ตัวว่าทั้งจั่นเจาและฟางเหวินซานได้สะกดรอยมา แต่แม่นางหูไวได้ยินเสียงคนใช้วิชาตัวเบา จึงบอกให้นางเอาผ้าคลุมร่างตนทำเป็นศพแล้วคุกเข่าเคารพ เมื่อเหวินซานมาแอบดูจึงจากไปแบบไม่สงสัย ฟงเอ๋อถูกแม่ใช้ให้เอาผ้าปักไปส่งป้าหลี่ แต่ป้าหลี่ไม่อยู่บ้าน เขาตามมาหาที่ตลาดระหว่างทางพบกับหลิวถิงชวน เขาขอดูผ้าพบว่าสวยจึงถามว่าพี่สาวปักเหรอ ฟงเอ๋อหลุดปากว่า เปล่าแม่เป็นคนปักต่างหาก ถิงชวนก็เข้าใจว่าสองพี่น้องคงลำบากต้องการใช้เงินถึงต้องโกหกเรื่องแม่ตาย เขาพาฟงเอ๋อไปเลี้ยงอาหารแถมซื้อขนมให้เอากลับไปฝากแม่และพี่สาวมากมาย ฟางเหวินซานมายืมเงินพี่ชาย 30 ตำลึง พอพี่ถามว่าเอาไปทำอะไร เขาก็ได้แต่บอกว่าพี่อย่าถามเลย ไว้ใจข้าเถอะ ซึ่งพี่ชายก็ไม่ติดใจอะไรเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหวินซานนั้นมากกว่านี้ก็ให้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จั่นเจาแอบฟังอยู่ ที่โรงเตี้ยมเยี่ยไหล ฟางเหวินซานมาตามนัด เขาบอกจงหยีว่าเอาตั๋วเงินไปแลกทองอยู่เที่ยงๆน่าจะได้ ซึ่งในร้านก็สายสืบของศาลไคฟง แถมแม่ของจงหยีก็มาแอบฟังอยู่ด้วย ถึงนางจะมองไม่เห็นแต่นางจำเสียงเขาได้ เมื่อจำได้ว่าเขาคือจ้าวจี้ถังนางจึงแสดงตัว ระหว่างการต่อสู้นั้นคนของศาลไคฟงก็เข้าล้อมจับ เมื่อขึ้นศาลฟางเหวินซานปฏิเสธไม่รู้จักสองแม่ลูกและไม่ได้ต่อสู้กันสองแม่ลูกนี้จำคนผิด ท่านเปาเลยให้ปล่อยตัวเขาโดยให้พี่ชายมาประกันตัว ฝ่ายสองแม่ลูกท่านเปาตัดสินเรื่องหลอกลวงชาวบ้านว่าตายให้ขับออกนอกเมือง แต่อู๋อี้เจินไม่ยอมง่ายๆเกิดการต่อสู้ จั่นเจาจำเพลงกระบี่ที่นางใช้ได้ว่าเป็นเพลงกระบี่วิรุณบุบผาซึ่งครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยฝากตัวเป็นศิษย์สำนักนี้ฝึกเพลงกระบี่นี้เช่นกัน เมื่อจนหนทาง นางก็บอกว่าถ้าบังคับนาง นางจะฆ่าตัวตายประจานท่านเปา จั่นเจาเอาตัวเข้าค้ำประกันสองแม่ลูกว่าจะไม่ก่อคดี หากนางทำเขายินดีรับโทษแทน ที่เขาทำเช่นนี้ เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศิษย์พ่อของนาง จั่นเจามาเยี่ยมสองแม่ลูกที่บ้าน เขาเอ่ยปากนับถือนางเป็นศิษย์พี่เพราะเขาเคยได้รับการชี้แนะวิชากระบี่จากพ่อนางเขาพยายามถามสาเหตุที่นางตามมาแก้แค้นฟางเหวินซาน แต่นางขอว่าอย่าถาม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวนางเขาก็ได้แต่เตือนนางว่าทำอะไรให้ห่วงลูกบ้าง เศรษฐีหลินมาสอบถามเหวินซานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เหวินซานไม่ยอมเล่าความจริง เขาบอกแต่ว่าขอให้พี่ไว้ใจเขา เขาทำทุกอย่างไม่เคยให้ร้ายกับพี่ ซึ่งพี่ชายก็รู้ว่าน้องจงรักภัคดีเขา แต่เขาก็อยากรู้ว่าน้องกำลังทำอะไรอยู่เขาบอกว่าให้เชื่อใจเขาแล้ววันหน้าพี่จะเข้าใจเอง ถิงชวนแวะมาหาสองพี่น้อง เอาของกินมาฝากมากมาย เมื่อสองพี่น้องเอาของกินกลับบ้าน กลับพบว่าใต้ปิ่นโตของกินนั้นมีทองคำ 3 แท่ง ราคาประมาณ 30 ตำลึง นางอู๋อี้เจินรู้ได้ทันทีว่าฟางเหวินซานหลอกใช้หลินถิงชวนส่งมา นางรู้ว่าคืนนี้เขาต้องมาหาแน่ จึงสั่งให้จงหยีพาน้องไปค้างบ้านป้าหลี่ชั่วคราว นางจะอยู่รับมือเอง จงหยีเอาทอง 3 แท่งนั้นมาคืนหลินถิงชวน นางถามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางเหวินซาน รวมทั้งขอให้เขาพาไปบ้านอาฟางแต่ถิงชวนปฏิเสธ เพราะพ่อเคยสั่งห้ามใครไปยุ่งกับอาฟาง ขณะนั้นเศรษฐีหลินก็มาพอดี ถิงชวนแนะนำว่าเป็นเพื่อนเศรษฐีหลินเห็นเป็นเวลาค่ำแล้วจึงเอ่ยปากชวนสองพี่น้องค้างที่นี่ คืนนั้นฟางเหวินซานหรืออดีตคือจ้าวจี้ถัง มาที่บ้านนางอู๋อี้เจินจริงๆแต่เขาไม่ได้มาทำร้ายนาง เขามารับผิด เขาให้นางแก้แค้นที่เขาให้เรื่องในอดีตจบลงที่เขาคนเดียว เขาพยายามฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิด แต่นางอี้เจินไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆ นางบอกให้เขาบอกที่อยู่ของสี่จงไค ซึ่งจี้ถังย่อมไม่ยอมบอกความจริงเขาพยายามบอกว่าเรื่องวางเพลิงเมื่อ 18 ปีก่อนเป็นฝีมือเขาคนเดียว แต่นางอู๋อี้เจินรู้นิสัยเขาดีว่าเขาไม่กล้าทำแน่ ถ้าสี่จงไคผู้พี่ชายไม่บงการซึ่งจี้ถังก็ไม่ยอมบอกความจริง ว่าเศรษฐีหลินคือสี่จงไค เขาปกป้องพี่ชายสุดชีวิต ขณะที่กำลังเถียงกันอยู่ จั่นเจาตามมา นางจึงบอกให้จี้ถังหนีไปก่อนแล้วอีก 3 วันจะต้องมอบตัวสี่จงไคให้นาง วันรุ่งขึ้นสองพี่น้องกลับบ้านไปแต่เช้า พวกเขาดีใจมากที่แม่ไม่เป็นอะไรฝ่ายถิงชวนก็อ้อนพ่อว่าเพื่อนเขาลำบากมาก อยากชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ซึ่งเศรษฐีหลินก็ไม่ขัดข้อง ฝ่ายอู๋อี้เจินเมื่อซักถามลูกๆเกี่ยวกับพ่อของถิงชวน นางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือสี่จงไคที่นางตามหานั่นเอง ดังนั้นเมื่อเขามาชวนไปอยู่ด้วย นางจึงไม่ขัดข้อง แน่นอนคนที่กลุ้มที่สุดในเรื่องนี้คือฟางเหวินซานหรือก็คือจ้าวจี้ถัง นั้นเองเขาพยายามยับยั้งพี่ชายแต่ไม่เป็นผล พี่ชายปลอบใจน้องว่าข้าอยากช่วยคนเจ้าอย่าคิดมาก เจ้าเองก็ช่วยงานข้ามานาน เอางี้แยกตัวไปทำการค้าใหม่ข้าจะแบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ฟางเหวินซานยิ่งพูดไม่ออก เศรษฐีหลินไม่ใช่คนโง่ ถึงน้องชายจะไม่ยอมเล่าความจริงแต่เขาก็พอจะรู้อะไรๆเลาๆ เขาเองก็อยากปิดบัญชีนี้ด้วยตัวเองเช่นกันเขารำลึกถึงความหลังที่เติบโตมากับนางอู๋อี้เจิน กินนมแม่เดียวกันมา คืนนั้นป้าแกเริ่มสงครามจิตวิทยาแล้วคับแกเล่นพินบรรเลงเพลงความหลัง ซึ่งทำให้เศรษฐีหลินปวดร้าวยิ่งนัก จงหยีไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่รู้สึกไม่สบายใจกับแม่ของนาง จึงมาปรึกษาจั่นเจาน้าจั่นเจา ท่านต้องช่วยแม่ข้านะ ข้ารู้สึกเป็นห่วงจริงๆ สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้าย ถิงชวนเอารังนกตุ๋นเม็ดบัวมาให้ โดยบอกว่าพ่อเป็นคนต้มเองกับมือทำให้อี้เจินนึกถึงความหลังเมื่อครั้งหนุ่มสาวที่สี่จงไคคอยเอาใจต้มรังนกให้เธอกิน เศรษฐีหลินทนเสียงพินของอู๋อี้เจินไม่ไหว คืนนึงขาดสติคิดจะเข้าไปพบนาง แน่นอนฟางเหวินซาน ผู้น้องก็ต้องขัดขวาง แต่ฝีมือเขาหรือจะสู้ผู้พี่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของจั่นเจาที่แอบสังเกตการณ์อยู่ การเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างสองคนรักเก่า ความหลังระหว่างหนุ่มสาว ซึ่งมักจะแอบลักลอบพบกันบ่อยๆโดยมีจ้าวจี้ถังหรือฟางเหวินซานคอยเป็นต้นทางให้ แต่ก็หลุดจนได้ มีครั้งหนึ่งแม่ของอี้เจินจับได้ นางเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาสามี แต่เขาเห็นว่าควรให้นางแต่งกับศิษย์คนโตต้วนผิงมากกว่า ด้วยคุณสมบัติและอุปนิสัยที่พร้อมกว่า อี้เจินซึ่งแอบฟังอยู่พอรู้เรื่องก็เสียใจเป็นอันมาก จงไคพยายามอธิบายกับอี้เจินว่าที่ทำไปทั้งหมดเพียงเพราะความแค้นชั่ววูบที่โดนแย่งชิงคนรักจากต้วนผิง ก่อนวันแต่งงาน จงไคซื้อกระพรวนทองคำให้นางบอกให้แขวนไว้ที่หน้าต่าง ยามลมพัดกระพรวนดังก็จะเหมือนเสียงข้าอวยพรเจ้าส่วนอี้เจินก็มอบปิ่นกับปอยผมให้เขา โดยบอกว่าใจนางยังอยู่กับเขาเสมอ อี้เจิน เจ้าคลำดูสิ จงไคเอากล่องผมนางให้ นี่กล่องใส่ปอยผมเจ้าไง ข้าเก็บติดตัวไว้เสมอ สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้ข้าอยู่มาได้ถึงวันนี้ อี้เจินเสียใจมาก บอกทุกอย่างเป็นความผิดของนางเองส่วนเจ้าก็บ้า ที่ยังรักปักใจนางอยู่ ผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้วย่อมต้องไม่มีความหลังกับชายอื่น สี่จงไคก็ค้านว่าเขารักนางอย่าว่าแต่แต่งงานมีลูกแล้ว ต่อให้นางกลายเป็นเถ้าถ่านเขาก็ยังคงรักอยู่อี้เจินทวนความหลังให้ฟังว่าจำได้ใหมเมื่อตอนที่พ่อนางสิ้นนั้นแม่นางเปลี่ยนชื่อป้ายตึกจากวิรุณบุบผาเป็นตึกไตรธรรม อันหมายถึงคุณธรรมของ 3 พี่น้องร่วมสำนักคือ ต้วนผิง,สี่จงไค,จ้าวจี้ถังเพราะหวังให้ทั้ง 3 รักสามัคคีกัน แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสุดท้ายจงไคก็ละความแค้นที่มีต่อต้วนผิง เรื่องแย่งคนรัก ไม่ได้จนก่อเรื่องสลดขึ้น สุดท้ายยังไงก็ตาม เขาก็ได้ทำลายชีวิตนาง ดังนั้นวันนี้ต้องสะสางหนี้ แต่ก่อนที่จะทำอะไรกัน จี้ถังก็เข้ามาขวางและบอกว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเขาเอง จงไคไม่เกี่ยว เขาขอรับโทษทุกอย่างเอง นางก็ค้านว่านางรู้นิสัยเขาดีว่าเขาหน่ะใจไม่ถึงที่จะทำเรื่องนี้หรอกเขาบอกเขาเห็นพี่จงไคเจ็บช้ำเสียใจที่โดนแย่งคนรักแต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะเกรงในบุญคุณพ่อแม่อี้เจิน ดังนั้นเขาจึงลงมือเองเขาบอกว่าจะไปมอบตัวกับท่านเปา แต่เขาขอร้องสิ่งสุดท้ายคือให้ลูกชายและลูกสาวของทั้งคู่แต่งงานกันเพื่อสลายความแค้นนี้ อี้เจินต่อว่าจงไคที่ทำไมปล่อยให้จี้ถังไปมอบตัวโดยไม่ขัดขวางเขาบอกขวางไม่ทัน นางจึงเรียกจั่นเจา ซึ่งนางก็รู้ว่าแอบฟังอยู่ด้านนอกให้เข้ามา จั่นเจาบอกถึงฟางเหวินซาน หรือเจ้าจี้ถังจะไปมอบตัวแต่ทุกคนก็ต้องไปศาลด้วย เปิดศาลเลยหรือไงดึกดื่นเที่ยงคืนแค่ใหนก็เปิดรับคดีโม๊ด แย่งรับผิดกันหมดทุกคน ท่านเปาสงสัยตกลงใครเป็นคนผิดกันแน่ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ไปศาลกัน ที่บ้านก็เหลือแต่ลูกๆ คืนนั้นฟงเอ๋อนอนไม่หลับ ออกไปเดินตามหาแม่ แล้วไปเจอห้องลับเข้าโดยบังเอิญ จงหยีตื่นมาไม่พบน้อง จึงออกตามหา หลินถิงชวนไปลากพ่อบ้านออกช่วยหา ทั้งหมดจึงมาเจอกันที่ห้องลับถิงชวนแปลกใจมากเพราะไม่รู้เรื่องห้องลับที่ใช้ผลิตทองมาก่อน เมื่อจั่นเจาตามมา สิ่งที่เขาได้พบนอกจากที่ผลิตทองผิดกฎหมายแล้วยังพบหน้ากากที่คนร้ายเคยใช้สวมตอนไปฆ่านักโทษเรื่องขนแร่ผิดกฎหมายแอบซ่อนมาในขบวนข้าวของเศรษฐีหลินอีกด้วยเรื่องจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ที่แท้เบื้องหลังที่สี่จงไคร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีหลินขึ้นมาได้ เพราะแอบค้า ผลิตทองผิดกฎหมายนี่เอง จั่นเจากลับมาที่ศาลพร้อมหลักฐาน แน่นอนเจ้าจี้ถังรีบรับสมอ้างก่อนเลยบอกว่าทุกอย่างเป็นของเขา เขาทำทั้งนั้นแต่ท่านเปาค้านว่าหลักฐานเจอในบ้านเศรษฐีหลินนะ เจ้าจี้ถังจึงใช้มีดแทงตัว ฆ่าตัวตายบอกว่าเขาขอรับผิดทั้งหมดด้วยชีวิตเขา ขอให้ท่านเปายุติคดีแค่นี้ แต่ท่านเปามีหรือจะยอม เพราะถึงต่อให้จ้าวจี้ถังเป็นคนลงมือจริงแต่สี่จงไคก็เป็นคนบงการ ดังนั้นท่านเปาจึงตัดสินโทษประหารเขาด้วยก่อนตาย เขาเล่าสาเหตุว่าทำใมถึงต้องค้าทองเถื่อน เพราะเมื่อตอนหนีมาอยู่ที่นี่ เขาลำบากมาก หมดสิ้นหนทางทำมาหากิน พ่อแท้ๆของถิงชวนเป็นคนช่วยเขาไว้และชวนเขาทำเรื่องนี้ เขาเหมือนเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ จึงผิดเรื่อยมา ดังนั้นจึงพยายามทำบุญชดเชยจนได้ชื่อว่าเศรษฐีหลินใจบุญ อี้เจินจึงรับปากเขาว่า นางจะให้จงหยีลูกสาวนางแต่งงานกับถิงชวนลูกชายเขา จงหยีตอนแรกก็ไม่ยอมที่จะต้องแต่งงานกับลูกคนที่ฆ่าพ่อแถมยังต้องเป็นสะใภ้ไว้ทุกข์ให้สี่จงไคด้วย แต่แม่นางขอร้องแกมบังคับว่าให้เรื่องรักเรื่องแค้นทั้งหมดจบลงแค่นี้เถอะเรื่องทั้งหมดคนรุ่นเก่าก่อเอาไว้ หลินถิงชวนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย เมื่อลูกสาวยอมรับปาก นางจึงฝากฝังลูกทั้งคู่ไว้กับหลินถิง ชวนซึ่งเขาก็รับปากจะดูแลสองพี่น้องอย่างดีที่สุดเมื่อหมดห่วง นางหันมาลูบคลำป้ายหลุมศพสี่จงไคก่อนกัดลิ้นฆ่าตัวตายตามเขาไปอีกคน