กีฬา

'ก้องศักด' ยกคำตัดสินศาล เคารพสิทธิกลุ่มทรูตามกฎหมาย หลัง กสทช.ทวงคืน 600 ล้าน

โดย nattachat_c

6 ธ.ค. 2565

20 views

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ได้มีการประชุมและมีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สทช.2305/54243 แจ้งไปยังผู้ว่าการ กกท. เรื่องให้ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย)


โดย กกท.จะต้องดำเนินการตามกฎมัสต์แครี่ ให้กล่องไอพีทีวีถ่ายทอดบอลโลกได้ มิเช่นนั้น กกท.จะต้องจ่ายเงินคืนแก่สำนักงาน กสทช. 600 ล้านบาท ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี (หากมี)


ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใด กกท.จึงไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับ กสทช. แต่กลับปล่อยให้เอกชนมีสิทธิพิเศษเหนือกฎกติกาที่ กสทช.ตั้งไว้ จึงทำให้สังคมออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยเอ็มโอยูทุกฉบับต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส


ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 (รอบสุดท้าย) ว่า


ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ต่อมาข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้มีผู้ให้บริการทีวีอินเทอร์เน็ตรายหนึ่ง ได้ให้บริการแพร่ภาพ แพร่เสียง การถ่ายทอดฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ผ่านระบบ ไอพีทีวี (IPTV) และระบบ โอทีที (OTT) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ได้รับสิทธิ์ในการแพร่ภาพ แพร่เสียง การถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) จาก กกท. ทั้งไม่มีการเสียค่าตอบแทนใดๆให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ได้รับสิทธิ์จาก กกท. ได้ยื่นฟ้องผู้ให้บริการทีวีอินเทอร์เน็ตรายนั้นเป็นจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ฐานละเมิดทรัพย์ทางปัญญาและลิขสิทธิ์ รวมทั้งให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามจำเลยแพร่ภาพ แพร่เสียง การถ่ายทอดฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ซึ่งศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่ร้องขอ ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาล ฯ ขอให้ศาล ฯ เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว


“ศาล ฯ ได้มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย โดยให้เหตุผลว่า การมอบสิทธิ์ในการแพร่ภาพ แพร่เสียง การถ่ายทอดฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ที่ กกท. ให้สิทธิ์แก่ผู้ได้รับสิทธิ์จาก กกท. แต่เพียงผู้เดียวเป็นไปตามประกาศของ กสทช. ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนสามารถเลือกชมโทรทัศน์ได้หลายช่องทาง ทั้งในระบบฟรีทีวี ระบบดาวเทียม ระบบเคเบิล และในระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน มิใช่เพียงแค่ช่องทางระบบไอพีทีวี (IPTV) เท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของหลัก Must Carry แล้ว


อีกทั้งจำเลยมีผู้รับบริการเพียง 900,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนประชาชนในประเทศไทย ที่รับชมการรับถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า จำเลยได้รับความเสียหายแต่อย่างใด นอกจากข้ออ้างที่ว่า ตนต้องปฏิบัติตามหลัก Must Carry ตามประกาศของ กสทช. เท่านั้น ทั้งจำเลยก็มิได้เสียค่าตอบแทนใดๆ มีแต่ได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการเท่านั้น หากปล่อยให้จำเลยแพร่ภาพ แพร่เสียง การถ่ายทอดฟุตบอลโลก ปี 2022( รอบสุดท้าย) ในระบบไอพีทีวี (IPTV) และระบบ โอทีที (OTT) ต่อไป จะเกิดความเสียหายแก่ผู้ได้รับสิทธิ์มากกว่า”


ผู้ว่าการ กล่าวสรุปว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น เป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์ ต่อผู้ได้รับสิทธิ์ในการแพร่ภาพ แพร่เสียง การถ่ายทอดฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) จาก กกท. ซึ่ง กกท. ต้องเคารพในสิทธิ์และการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายของผู้ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กสทช. กับ กกท. แต่อย่างใด กกท. ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามข้อตกลงดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามข้อ 2.2, 2.4, 2.8 และ 2.10 อย่างเคร่งครัดแล้ว

---------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/KsdNhJHgVrw

คุณอาจสนใจ

Related News