ข่าวโซเชียล

ออกหมายเรียกเจ้าของรถ ชนแล้วหนี พยานชี้ตาแข็ง ไม่ฟังใคร คู่กรณีเล่านาทีโดดเกาะกระโปรงรถ

โดย thichaphat_d

26 ก.ค. 2567

1.7K views

ป้าวัย 56 ปี เล่านาทีกระโดดเกาะกระโปรงหน้ารถเก๋ง เพราะถูกคู่กรณีชนแล้วหนี ไม่ยอมจอดลงมาเคลียร์  เผยบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำหัวเข่าทั้งสองข้าง ปวดซี่โครงซ้าย ตร.ออกหมายเรียกให้ผู้ครอบครองรถมาพบแล้ว

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'ก้อง อย่างยัน' โพสต์คลิปหญิงคนหนึ่งกระโดดเกาะหน้ารถเก๋ง สีขาว ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นบริโอ้ ทะเบียน กบ 9674 กาญจนบุรี แต่คนขับรถเก๋งก็ไม่ยอมหยุดรถ จนไรเดอร์ต้องช่วยกันขับตามจี้ บีบแตรเพื่อให้หยุดรถ จากนั้นคนขับรถเก๋งยอมจอด ลงมาจากรถ  แล้วต่อว่าหญิงที่เกาะหน้ารถ ขณะที่หญิงที่เกาะหน้ารถเป็นผู้เสียหาย ได้ชี้ไปที่ร่องรอยความเสียหายของรถคันเกิดเหตุ และพูดว่า "หลักฐานก็มี เขาชนแล้วหนี"  

ขณะที่คนขับรถพยายามโต้เถียง ก่อนจะขึ้นรถไป และบีบแตรเพื่อให้ไรเดอร์เปิดทาง ทางด้านผู้เสียหายยังพยายามเกาะหน้ารถอยู่ แต่คนขับรถก็ไม่สนใจยังขับไปต่ออีกสักพัก โดยมีผู้เสียหายเกาะรถไปด้วย จังหวะที่ติดไฟแดง ไรเดอร์พยายามบอกผู้เสียหายว่าให้ออกมาก่อน เกรงว่าจะเป็นอันตราย จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุได้ฉวยโอกาสเบี่ยงรถออกจากเลนขับหนีไป เหตุเกิดที่แยกวชิระ มุ่งหน้า สะพานกรุงธน

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องหน้ารถกระบะของผู้เสียหาย บันทึกภาพก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์กระโดดเกาะฝากระโปรงหน้ารถ จะเห็นว่ารถของผู้เสียหายขับมาตามเส้นทางในเลนขวา ส่วนคู่กรณีขับเลนกลาง ก่อนจะเบี่ยงหัวรถมาชนรถของผู้เสียหาย จากนั้นผู้เสียหายบอกให้คู่กรณีจอดข้างทาง แต่คู่กรณีไม่ยอมจอด  ยังขับต่อไป กระทั่งผู้เสียหายขับตามรถคู่กรณีไป และตะโกนว่า “ช่วยด้วย รถคันนี้ชนแล้วหนี”

จังหวะติดไฟแดง ทำให้รถคู่กรณีไม่สามารถขับไปต่อได้ ทางผู้เสียหายจึงจอดและลงจากรถขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้รถใช้ถนนว่า “คนนี้ชนแล้วหนี” และเดินไปเคาะกระจกรถคู่กรณี แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมลงจากรถ พยายามจะขับหนี  ผู้เสียหายได้ยืนขวางหน้ารถไว้ แต่คู่กรณีกลับขับรถดันตัวผู้เสียหายเพื่อให้หลบ คู่กรณีไม่หลบและได้กระโดดเกาะกระโปรงหน้ารถตามคลิป

ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณเปิ้ล อายุ 56 ปี คนที่เกาะฝากระโปรงรถตามที่ปรากฏในคลิป เปิดเผยว่า ขณะนั้นตนกำลังขับรถไปทำงานบริเวณหน้าโรงพยาบาลราชวิถี คู่กรณีก็ได้เปลี่ยนเลนกะทันหัน มาชนบริเวณท้ายรถของตน ซึ่งตนได้ลดกระจกเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี แต่คู่กรณีก็ไม่ยอมหยุดรถ ตนจึงได้ขับรถตามมาปาดหน้าเพื่อให้จอด แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมจอด  

จากนั้นพอขับรถมาถึงบริเวณถนนราชวิถี จังหวะที่การจราจรติดขัด ตนจึงตัดสินใจวิ่งลงจากรถ เพื่อไปเคาะกระจกรถคู่กรณีหวังจะพูดคุย แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมลงมาจากรถ ทำให้ตนตัดสินใจยืนขวางหน้ารถและเกาะที่ฝากระโปรงหน้ารถของคู่กรณี ไม่คิดว่าคู่กรณีจะขับรถต่อไปทั้ง ๆ ที่ตนเกาะฝากระโปรงอยู่ ตอนนั้นตนคิดว่าจะต้องเสียชีวิตเพราะกลัวรถทับ เลยตัดสินใจเกาะฝากระโปรงรถไปแบบนั้น โชคดีที่ขณะนั้นมีพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามมาหลายคัน จึงสามารถชะลอความเร็วของรถคู่กรณีได้

จนมาถึงแยกการเรือน รถยนต์ของคู่กรณีก็ได้ขับสะบัดตนตกจากรถ พร้อมกับฝ่าไฟแดงหลบหนีไปยังสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ตนจึงตัดสินใจเรียกวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลับมาส่งที่รถของตนที่จอดทิ้งไว้บริเวณถนนราชวิถี พร้อมกับมาแจ้งความ ตนไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แค่ต้องการให้คู่กรณีลงมาพูดคุย เพราะรถของตนก็มีประกันภัยชั้น 2  ซึ่งจำเป็นต้องมีคู่กรณีถึงจะสามารถเคลมได้ ถึงแม้ว่ารถของตนจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนมีรอยฟกช้ำที่บริเวณหัวเข่าทั้งสองข้าง และมีอาการปวดบริเวณซี่โครงซ้าย พร้อมกับฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า ไม่อยากให้ใครนำพฤติกรรมของตนไปเลียนแบบเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะมีกล้องหน้ารถเป็นหลักฐานอยู่แล้ว ทั้งนี้ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า จากการสังเกตลักษณะภายนอกค่อนข้างเชื่อว่าคู่กรณีของตนน่าจะพูดคุยกันได้ด้วยดีและไม่คิดว่าเป็นแบบนี้

นายกิตติศักดิ์ จันทร์ศรี  อายุ 31 ปี ไรเดอร์เจ้าของคลิป เปิดเผยว่า วันที่ 24 ก.ค.67  เวลา 09.30 น. หลังจากที่ตนขี่รถส่งอาหารเสร็จ กำลังที่จะขับรถกลับบนถนนราชวิถี ตนเห็นรถเก๋งสีขาว คนขับเป็นผู้หญิง และมีป้าเสื้อสีน้ำเงิน ยืนอยู่หน้ารถ ตอนนั้นตนยังไม่ได้ถ่ายคลิป รถยังจอดอยู่ ตนได้ยินที่ป้าเสื้อน้ำเงินพูดว่า เขาชนแล้วหนี

จากนั้นรถเก๋งสีขาวก็ขับรถเบี่ยงออก ป้าเสื้อน้ำเงินก็กระโดดขึ้นรถ ตนจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป และพยายามบอกให้รถเก๋งจอด เพราะยังเกาะอยู่หน้ารถ อาจเกิดอันตรายได้ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวก็ยังไม่ยอมจอด ขับมาอีกสักพัก ตอนนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์หลายคันช่วยกันห้าม จนรถเก๋งจอด แล้วลงมาชี้ป้าที่เกาะรถพูดว่า "ไม่ได้ชน" ป้าเสื้อน้ำเงินก็บอกว่าชน หลักฐานก็มีอยู่

ส่วนตนก็พยายามบอกให้ค่อย ๆ คุยกัน ซึ่งดูจากพฤติกรรมของคนขับรถเก๋ง ตนคิดว่าไม่ได้เมาสุรา แต่ก็ไม่รู้ว่าเมาอะไรหรือไม่ เพราะสายตาดูแข็งและไม่ยอมฟังใคร ขนาดตำรวจวิ่งมาเขายังพยายามขับหลบหนี หลังจากที่รถเก๋งคันดังกล่าวลงมาคุยเสร็จ ก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที ป้าเสื้อน้ำเงินก็ยังเกาะฝากระโปรงรถตามไป ตนจึงขับตามไปจนถึงแยกการเรือน จังหวะนั้นมีรถกระบะจอดติดไฟแดงอยู่ ตนกลัวว่ารถเก๋งคันดังกล่าวจะชนรถกระบะทำให้ป้าเสื้อน้ำเงินถูกอัดก๊อปปี้ ตอนนั้นตนไม่กล้ามอง แต่ยังดีที่ไม่ชน จากนั้นรถเก๋งคันดังกล่าวสะบัดป้าเสื้อน้ำเงินหลุดจากรถแล้วขับรถฝ่าไฟแดง หลบหนีไปทางสะพานกรุงธน (ซังฮี้) แล้วตรงไปตลิ่งชัน

ซึ่งตนขับตามไปสักระยะ แต่ไม่สามารถขับตามได้ทัน ตนจึงตัดสินใจขับกลับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวตนคิดว่าน่าจะลงมาพูดคุยกันดี ๆ ก่อน เพราะมันอันตราย และป้าเขายังโชคดีที่ไม่เสียหลักล้มลง เพราะขาป้าเขาลากไปกับพื้นถนน โชคดีที่ไม่ถูกรถเหยียบ อาจได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้

เหตุการณ์ดังกล่าวพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ให้ข้อมูลว่า จุดเริ่มต้นที่ชนกันเป็นพื้นที่ของ สน.พญาไท ซึ่งได้ให้คำแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ส่วนในพื้นที่ของ สน.ดุสิต ต้องแยกออกมาเป็นคนละคดี โดยในของ สน.ดุสิต จะพิจารณาดำเนินคดีทำร้ายร่างกายและขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น

พ.ต.ต.พีรวิชญ์ จันทร์โรจนธาดา สารวัตรสอบสวน สน.ดุสิต ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เผยว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้มาแจ้งความไว้ มีร่องรอยฟกช้ำ บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนคู่กรณีพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองแล้ว ทราบว่าเป็นชายไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.แล้ว แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/IJKcMf7I8As


คุณอาจสนใจ

Related News