ข่าวโซเชียล

เพื่อนแจง GPS พาหลง ทำ 'น้องพลอย' นางแบบอิสระ ขับรถตกทางด่วน วอนอย่าดึงเรื่องอดีตมาโจมตี

โดย nattachat_c

5 พ.ค. 2566

1.8K views

จากกรณี เกิดอุบัติเหตุ 2 สาวขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ย้อนศรชนแบริเออร์ ตกทางด่วนจตุโชติ หรือทางด่วนฉลองรัช แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ จนทำให้ น.ส.พิมพ์วรีย์ (สงวนนามสกุล) หรือ น้องพลอย อายุ 16 ปี นางแบบอิสระ ซึ่งผู้ขับขี่เสียชีวิตทันที และน.ส.จุฑามณี (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ผู้โดยสาร บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 30 เมษายน 2566 ที่ผ่านมานั้น



วันที่ 4 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ว่า ขออนุญาตชี้แจงแทนน้องพลอยจากกลุ่มคนที่รักน้องพลอยที่ได้ทำการสืบเรื่องราวต่าง ๆ ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ในวันเกิดเหตุน้องขึ้นทางด่วนจตุโชติ ตามรูปที่ 1 เพื่อมุ่งหน้าไปพระรามเก้า ซึ่งตามความจริงหลังจากขึ้นทางด่วนแล้วสามารถตรงไปได้เลย


แต่ว่า ในภาพที่ 2 หลังจากขึ้นทางด่วนไปแล้วใน GPS กลับแสดงให้ต้องยูเทิร์นกลับมาแล้วย้อนตรงไปอีกครั้ง นั่นคือช่วงเวลาที่ตรงตามข่าว เป็นสาเหตุว่าทำไมหลังจากที่น้องจ่ายค่าทางด่วนแล้ว ขับรถขึ้นตรงไปประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วถึงต้องยูเทิร์นกลับมา ให้ทุกคนดูภาพที่ 2 ประกอบ


รูปที่ 3 จุดกากบาท คือจุดที่ตกเนื่องจากใน GPS แสดงเส้นทางว่าจะต้องตรงไปอีกสักพักถึงจะถึงยูเทิร์น และเส้นทางมืด แบริเออร์สีดำสนิท ไม่มีไฟ น้องถึงไม่ได้เบรค  เป็นเพราะ GPS ให้วกกลับ น้องไม่ได้มีความคิดตั้งใจที่จะขับย้อนศร หรือว่าเป็นเพราะมึนเมาจึงขับย้อนศรกลับมา แต่เป็นเพราะว่า GPS นำทาง


เมื่อดูรูปที่ 4 ประกอบตรงจุดทางขึ้น มีทางขึ้นเพียงสองเลน ในช่วงตีห้าไม่ค่อยมีรถ คนที่ไม่ชินทาง ไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกสองเลนที่อยู่ด้านข้างนั้นเป็นเลนที่มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน ไม่ใช่ทางสวนกลับ


รูปที่ 5 หลังจากตรงไป 3 กิโลเมตรแล้ว น้องถึงได้ยูเทิร์นกลับมาตาม GPS เพราะเข้าใจว่าต้องวนกลับมาอีก ซึ่งตัวน้องเองก็น่าจะสับสนเส้นทางในตอนนั้นเหมือนกันว่า ทำไมต้องยูเทิร์นอีกครั้ง และเป็นช่วงทีมืดมากแล้ว เป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีรถ


รูปที่ 6 ให้ทุกคนดูภาพประกอบ แบริเออที่ถูกกันไว้ไม่ได้ถูกติดตั้งแน่นหนา แต่ว่ามีช่องว่างลอยอยู่เป็นบางจุด ตามภาพ


จากภาพ แม้แต่ในขณะเวลากลางวัน แบริเออร์ยังสีดำขนาดนั้น แล้วทุกคนถามใจตัวเอง คิดว่าในเวลากลางคืนจะมองเห็นได้ชัดเจนขนาดไหน


สรุปสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเพราะน้องไม่ชินเส้นทาง แล้วพบการนำทางของ GPS ผิดพลาด ประกอบกับการทำเส้นทางแบริเออร์ที่ถูกกันไว้ ก็ไม่มีไฟส่องสว่าง และไม่ได้ทำสัญลักษณ์ขาวแดงเป็นการเตือนในระยะให้มองเห็นได้เด่นชัด


การสูญเสียในครั้งนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น น้องไม่ได้มีเจตนาที่จะกลับรถยูเทิร์นเพื่อสวนเลน แต่เป็นเพราะ GPS และไม่ได้มีเจตนาที่จะขับรถย้อนศรไป เพราะอาจจะมีโอกาสชนใคร ขอให้ทุกคนพิจารณาตามภาพที่ 1 ถึง 6 ซึ่งคนที่รักน้องพลอยได้ทำการศึกษาดู และเรียงลำดับให้แล้ว

-------------

ขณะที่ทีมข่าว ได้ทำการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบว่าจุดที่ผู้ตายขับรถยนต์ขึ้นมานั้น อยู่ตรงด่านจตุโชติ (ขาเข้ากรุงเทพมหานคร) แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร  


โดยบนผิวถนนของทางด่วนฉลองรัฐ ก็มีเครื่องหมายจารจรที่ชัดเจนที่ห้ามไม่ให้รถเข้าไปในช่องทางจารจรอื่น นอกจากนี้ ก็มีการตั้งแบริเออร์ที่เป็นแท่งปูนถึง 2 ชั้น เพื่อกันไม่ให้รถผ่านจนถึงจุดสิ้นสุดทาง

-------------

ต่อมา ตำรวจได้เผยมีภาพจากกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จับภาพรถของผู้ตาย ได้ขับรถขึ้นทางด่วนบริเวณด่านจ่ายเงินสุขาภิบาล 5 ขาเข้ากรุงเทพฯ และขับขึ้นมาประมาณ 200 เมตร ถึงทางร่วมทางบริเวณก้างปลา


จากนั้น ผู้ตายได้ขับรถย้อนเส้นทางมุ่งหน้าไปถนนมอร์เตอร์เวย์ มาถึงจุดเกิดเหตุ ได้ขับรถเฉี่ยวชนแท่งปูนแบริเออร์ที่การทางพิเศษปิดกั้นถนนไว้ เนื่องจากเป็นจุดสิ้นสุดการสร้างถนน  เป็นเหตุทำให้รถยนต์พลัดตกลงไปด้านล่าง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว


แต่กล้องตัวดังกล่าว ไม่พบเห็นช่วงจังหวะเฉี่ยวชนแบริเออร์ ก่อนจะตกลงมาจากทางด่วนแต่อย่างใด


ซึ่งจากสิ่งที่เพื่อนผู้ตายได้มีการระบุไว้ในคำชี้แจงว่า “หลังจากตรงไป 3 กิโลเมตรแล้ว น้องถึงได้ยูเทิร์นกลับมาตาม GPS เพราะเข้าใจว่าต้องวนกลับมาอีก ซึ่งตัวน้องเองก็น่าจะสับสนเส้นทางในตอนนั้นเหมือนกันว่า ทำไมต้องยูเทิร์นอีกครั้ง และเป็นช่วงทีมืดมากแล้ว เป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีรถ”


ซึ่งไปขัดแย้งกับการเปิดเผยกล้องวงจรปิดของตำรวจที่ระบุว่า “ผู้ตายขับขึ้นมาประมาณ 200 เมตร ถึงทางร่วมทางบริเวณก้างปลา จากนั้น ผู้ตายได้ขับรถย้อนเส้นทางมุ่งหน้าไปถนนมอเตอร์เวย์ มาถึงจุดเกิดเหตุ”


นอกจากนี้ เพื่อนผู้ตายได้มีการระบุไว้ในคำชี้แจงอีกว่า “ใน GPS แสดงเส้นทางว่าจะต้องตรงไปอีกสักพักถึงจะถึงยูเทิร์นและเส้นทางมืดแบริเออร์สีดำสนิทไม่มีไฟ เป็นเพราะ GPS ให้วกกลับ น้องไม่ได้มีความคิดตั้งใจที่จะขับย้อนศร”


จากการตรวสอบพบว่า ในแผนที่จะแสดงให้เห็นว่ามีจุดกลับรถจริง แต่เป็นถนนข้างล่างทางด่วน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ผู้ตายกลับรถประมาณ 400 เมตร


อย่างไรก็ตาม เพื่อของผู้ตายได้โพสต์ข้อความต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ทำการฌาปณกิจน้องพลอยต้องการให้น้องพลอยไปอย่างสงบ และหมดกังวลทุกเรื่องที่สุด ทุกเพจและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องที่โจมตีน้องในทางเสียหายต่างๆ นานา โดยที่ไม่รู้ความจริงกันสนุกปาก หรือนำไปล้อเลียนไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง


การสูญเสียเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่มีใครอยากให้เกิด ตอนนี้ใครที่ทำอะไรเกินเลย อีกเรื่องหลายเพจที่ไปค้นรูปเก่าของน้องที่แสดงขึ้นมา รวมถึงคนหิวแสงบางคนที่โพสต์รูปสมัยก่อนที่เคยอยู่กับน้องเมื่อสองสามปีก่อน เป็นรูปเดิมสมัยเมื่อสองสามปีก่อน ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใด คนเราทุกคนล้วนต้องมีอดีต พวกคุณลองทบทวนตัวเองดูว่ามีแฟนคนเดียวตลอดชีวิตไหมหรือทั้งชีวิตไม่เคยมีใครเลย ถ้าใครที่มีแฟนมากกว่าหนึ่งคนแล้วยังมาโพสต์ว่าน้องเสียหาย ให้ทุกคนในสังคมลองพิจารณาดูกันเองว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนเช่นไร


คนเรามีหลายประเภทนี้คนที่รู้ถึงความผิดชอบชั่วดี มีคนรู้ถึงกาลเทศะ มีคนที่รู้ถึงความสูญเสียของคนอื่น และมีคนที่คิดแต่สนุกและยินดีหรือเสียใจในการจากไปของคนอื่น ทุกอย่างที่ทุกคนทำ ผลการกระทำทุกอย่างที่ทำต่อคนอื่น ก็จะเป็นผลกรรมตามที่ทุกคนทำและเป็นในท้ายที่สุดของชีวิต


สุดท้าย ขอขอบคุณเพื่อนเพื่อนที่ดีทุกคนครอบครัวที่ดีของน้อง และกัลยาณมิตรทุกคน ที่มาร่วมแสดงความเสียใจไว้ทุกข์ร่วมงาน และมีส่วนช่วยเหลือในการส่งน้องพลอยให้จากไปสงบที่สุดในครั้งนี้


น้องพลอยทำดีมาตลอด เป็นที่รักของครอบครัวไม่เคยโกรธใคร คนที่รู้จักทุกคนรู้ดีว่าน้องเป็นยังไง การจากไปครั้งนี้ขอให้น้องไปสู่สุขคติ โพสต์นี้เพื่อเป็นการบอกกล่าวให้ทุกคนทราบถึงสาเหตุ และขอให้น้องไปอย่างสงบที่สุด หมดกังวลทุกๆ เรื่อง รับผลบุญคุณงามความดีที่น้องทำมาทุกอย่างต่อไป


น้องไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุ ขอให้น้องจากไปอย่างสงบ พิธีฌาปนกิจจะทำในวันนี้ขอให้น้องไปสู่สุคติเป็นนางฟ้านางสวรรค์จากคนที่รักน้อง เพื่อน ๆ ครอบครัว และคนที่รักน้องทุกคน

------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/_n-QzD54lwU

คุณอาจสนใจ