ร้านตัดขนสัตว์ แจงดรามาทำแมวตาย ไม่รับผิดชอบ ผวาเจ้าของมาแนวนักเลง หมอชี้แมวอยู่ในภาวะเครียด

วันที่ 8 ต.ค. 65 มีประเด็นดรามาในโลกออนไลน์ เมื่อคุณอารยา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า พาแมวไปร้านตัดขนสัตว์ แต่แล้วแมวกลับตาย ทางร้านบอกอยากได้ค่าเสียหายให้ไปฟ้องเอา โดยมีข้อความอยู่ว่า "ความตั้งใจที่จะพาลูกไปตัดขน แต่ไม่คิดว่าจะเหมือนพาลูกไปตาย"

โดยคุณอารยา เจ้าของแมว ได้ระบุว่า ได้พาแมวของตัวเองไปที่ร้านตัดขนสัตว์แห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา เพื่อทำการตกแต่งขน เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ขณะที่ไปส่งที่ร้านประมาณบ่ายสามโมง โดยร้านได้ถ่ายคลิปส่งรายงานเจ้าของตลอด โดยระบุว่า น้องดุมาก และปล่อยให้แมวโวยวายจนเหนื่อย ขณะที่ในคลิปแมวดูเหนื่อยมาก

ต่อมาคุณอารยา ได้เดินทางไปรับน้องประมาณ 6 โมงเย็น แต่ช่างก็ยังตัดไม่เสร็จ  ซึ่งตอนนั้นเจ้าของแมวก็เห็นแล้วว่าแมวอาการไม่ดี พอถามถามช่าง ช่างบอกน้องเหนื่อยปกติของแมวที่ตัดขนยังไม่ชิน ซึ่งสภาพแมวเหนื่อยมากจากการดิ้น  ตัดเล็บแมวเข้าเนื้อทุกเล็บ เลือดออกทุกนิ้ว จนเจ้าของแมวตัดสินใจเอาน้องออกมา รีบพาไปหาหมอ  

ซึ่งหมอได้ระบุว่าน้องเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ความร้อนทุกปรอท ตัวร้อนมากถึงมากที่สุด ซึ่งหมอบอกเราว่าน้องไม่ไหวแล้ว ปอดแข็ง ลิ้นช้ำแดง ปั๊มหัวใจอยู่สักพัก และน้องจากเราไป ฝากถึงช่างควรสังเกตให้มากกว่านี้

ขณะที่เจ้าของร้านได้โทรเข้าไปเพื่อไกล่เกลี่ยแล้ว ปรากฏว่า ทางร้านไม่รับผิดชอบ บอกอยากได้ให้ไปฟ้องเอา เมื่อคุณบอกให้เราไปฟ้อง ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ขณะที่ทีมข่าว ได้ข้อมูลจากสัตวแพทย์ทวีศักดิ์ อนันต์ศิริวัฒนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์คลองหลวง ได้ให้ข้อมูลว่า กรณีที่แบบนี้เกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากการนำแมวไปร้านตัดเล็บทำขน แต่ผู้ประกอบการไม่ชำนาญ ส่งผลทำให้แมวเกิดภาวะความเครียดสูง จนเป็นเหตุทำให้ความร้อนในตัวของแมวสูงมาก (ฮีทสโตรก)

ประกอบกับการสวมที่ครอบหัวกันแมวกัด ยิ่งทำให้เกิดภาวะเครียดสะสม และทำให้มีออกซิเจนเข้าปอดไม่พอ ก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ออก และแมวระบายความร้อนจากร่างกายโดยการหายใจเท่านั้น ไม่ได้ออกมาทางต่อมเหงื่อเหมือนคน  และจะส่งผลถึงระบบภายในล้มเหลวได้

จึงแนะนำว่าควรจะพาน้องแมวไปร้านที่มีความชำนาญ และร้านที่มีแพทย์ประจำร้าน เนื่องจากแพทย์จะทำการตรวจสภาวะร่างกายก่อนตัดเล็บและขนเสมอ เพื่อป้องกันการเสียชีวิต

ล่าสุด เจ้าของร้านตัดขนแมว โพสต์เปิดใจว่า เจ้าของมาส่งน้องในเวลาบ่าย 3 แต่ได้ทำจริงๆ ตอน 5 โมงเย็น ตอนที่มาส่ง ตนก็ถามไปแล้วว่าน้องดุและกัดไหม เจ้าของตอบมาว่าก็ดุนะ กัดก็จะมีงับๆ บ้าง ดังนั้นวิธีตัดขนแมวดุทุกตัว จะต้องสวมหัวอวกาศทุกครั้ง

เมื่อนำน้องมาตัดขน ก็จะมีสลิงเพื่อไม่ให้น้องตกโต๊ะ จากนั้นจึงสวมหัวอวกาศให้น้อง ใส่อยู่ประมาณชั่วโมงกว่า ซึ่งในหัวอวกาศจะมีรูระบายอากาศเยอะ และไม่เคยมีผลวิจัยออกมาว่าทำให้แมวเสียชีวิต และลูกค้าก็สามารถนั่งดูขณะร้านตัดขนได้

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้ตัดเล็บจนเลือดออก จนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต แต่ในระหว่างที่ตัดเล็บ น้องมีการตะกุย เพราะไม่อยากให้ตัดเล็บ ซึ่งในระหว่างที่น้องตะกุยจนเหนื่อย ตนก็อาศัยจังหวะนั้น ตัดขนให้น้อง ขอยอมรับว่าโง่เอง ที่ไม่รู้ว่าจังหวะนั้น น้องไม่ไหวแล้ว น้องหายใจแรง แต่ยังเห็นว่าน้องลืมตาอยู่ จึงคิดแค่ว่าเป็นน้องคงเหนื่อย ตนเลยรีบไถขนน้องเพื่อให้จบเคส

พอเจ้าของมารับ เจ้าของก็บอกว่าน้องมีอาการเหนื่อยง่าย เลยไม่ค่อยพาออกจากบ้านบ่อย แต่ตนไม่ได้เรียนหมอมา จึงดูอาการน้องไม่ออก เพียงแค่รู้ว่าน้องเหนื่อยเฉยๆ

กระทั่ง 4 ทุ่ม มีคนโทรมาเป็นเสียงผู้ชาย บอกว่าน้องตายแล้วนะ พร้อมบอกว่าตอนนี้อยู่หน้าร้าน จะออกมาดูน้องหน่อยมั้ย ตอนนั้นตนก็รู้สึกช็อกและตกใจอย่างมาก เพราะไม่เคยทำแมวตาย ตอนแรกก็อยากออกไป แต่พอเขาพูดว่า มีเรื่องจะเคลียร์ และถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไร สองประโยคนี้ทำให้รู้สึกถึงอันตราย จึงตอบไปว่าถ้ามาแบบนี้ ตนก็จะฟ้อง แล้วกดตัดสาย จากนั้นได้ยินเสียงตะโกนโวยวายอยู่หน้าร้าน จึงตัดสินใจหนีกลับจากทางหลังร้าน

เช้าวันต่อมา ตอนมาเปิดร้าน พบว่ามีเศษไม้กระจายอยู่หน้าร้าน แต่ก็ไม่ได้โทษว่าเขาเป็นคนทำ จากนั้น ตนก็พยายามโทรกลับไปหาเจ้าของแมว คราวนี้เป็นเสียงน้องผู้หญิงรับสาย จึงอธิบายให้เขาฟังว่า ที่ต้องตัดบทไปเพราะรู้สึกว่ามาแนวนักเลง พร้อมกับขอโทษไปว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้น้องตาย

ส่วนเรื่องการรับผิดชอบ ตนพร้อมรับผิดชอบ แต่ต้องเป็นการรับผิดชอบต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ทั้งยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ผิดตนก็ยอมรับผิดที่เป็นสาเหตุให้น้องตาย ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ และขอยืนยันว่าตนไม่ได้โหดร้ายกับน้องเลย

-------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/jN-IHzpfWpQ