ผอ.แจงดรามา ชุดนร.อนุบาล 5 วัน 4 ชุด ผู้ปกครองบางคนชอบ ลูกหลานแต่งชุดไม่น่าเบื่อ

วานนี้ (10 พ.ค. 65) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งตรวจสอบโรงเรียนกำหนดวันให้นักเรียนต้องแต่งกาย 5 วัน 4 ชุด รวมถึงยูนิฟอร์มทหาร ยืนยัน กระทรวงฯ เน้นลดค่าใช้จ่ายชุดนักเรียนให้กับผู้ปกครองในสถานการณ์โควิด

จากกรณีดราม่าที่ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ในเพจหมอแล็บแพนด้า ที่แชร์รูปภาพกฏระเบียบการแต่งกายของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลแห่งหนึ่ง ที่ให้นักเรียนใส่ชุดเครื่องแบบ 5 วัน 4 ชุด พร้อมระบุว่า

"วันจันทร์ ให้ใส่ชุดนักเรียน วันอังคาร ให้ใส่ชุดนักเรียน วันพุธ ใส่ชุดพละ วันพฤหัส ใส่ชุดทหาร และในวันศุกร์ ให้ใส่ชุด อาเซียน " พร้อมตั้งคำถามว่า "ชุดเยอะมาก ผู้ปกครองไหวไหมครับเนี่ย"-

โดยมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เห็นว่าเห็นใจผู้ปกครองเพราะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้โรงเรียน ควรช่วยผู้ปกครองลดภาระค่าใช้จ่าย ขณะที่บางส่วนก็งงว่า บางชุดจำเป็นต้องให้เด็กใส่หรือไม่

เรื่องนี้คุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นแล้ว และสั่งเร่งตรวจสอบโรงเรียนที่ กำหนดวันให้นักเรียนต้องแต่งชุดยูนิฟอร์มทหาร /พร้อมยืนยันว่า กระทรวงศึกษาธิการ มีโนบาย เน้นลดภาระ ค่าใช้จ่ายชุดนักเรียนให้กับผู้ปกครอง ในสถานการณ์โควิด ไม่ต้องการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครองอยู่แล้ว

ซึ่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรีชี้แจงประเด็นดราม่า กรณี ให้เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ซื้อชุดทหารใส่ทำกิจกรรมกองพันอารักขาแผ่นดิน หลังชาวเน็ตมองเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองในสภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้

ชี้เป็นกิจกรรมที่ทำมานาน และสำรวจความเห็นผู้ปกครองก่อนทุกครั้ง เตรียมเรียกประชุมผู้ปกครองหารือทบทวนแนวทางการจัดกิจกรรมให้เหมาะสม ส่วนจัดต่อหรือไม่อยู่ที่ผู้ปกครองตัดสินใจร่วมกัน

ซึ่งจากประเด็นดราม่าดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรี ได้พูดคุยกับนายณรงค์ มุกดาแสงสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรี โดยได้เล่าว่า กิจกรรมที่ให้เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ใส่ชุดลายพรางทหารทำกิจกรรมนั้น เป็นกิจกรรมกองพันอารักขาแผ่นดิน ซึ่งทางครูผู้สอนได้ปรึกษาหารือร่วมกับผู้ปกครองและตกลงจัดกิจกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2559

โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรม เพื่อฝึกความมีระเบียบวินัยให้กับเด็ก ส่วนชุดลายพรางทหารที่นักเรียนใส่นั้น ทางโรงเรียนก็ไม่ได้เป็นคนนำมาจำหน่ายเอง แต่จะให้ผู้ประกอบการร้านเสื้อผ้าที่มีศักยภาพในการตัดชุดลายพรางทหารของเด็กเป็นคนจัดทำ และทางโรงเรียนจะไม่มีการเรียกเก็บค่านายหน้าใดๆ

ในส่วนของผู้ปกครองนั้น ก่อนเริ่มกิจกรรม ทางโรงเรียนก็จะมีการเรียกประชุมพร้อมจัดทำแบบสำรวจความต้องการ ว่าผู้ปกครองต้องการให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมในรูปแบบใด โดยผู้ปกครองสามารถเลือกได้ว่าจะให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมโดยการสั่งซื้อชุดลายพรางทหารตามปกติ หรือจะเลือกเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่ใส่ชุดลายพรางทหารก็ได้ หรือหากจะนำชุดลายพรางของเก่าที่ได้รับมาจากรุ่นพีมาให้นักเรียนใส่ก็สามารถทำได้ ทางโรงเรียนไม่บังคับแต่อย่างใด

แต่จากประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั้น ทางโรงเรียนได้รับทราบแล้ว โดยในวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก ทางโรงเรียนได้เตรียมที่จะเชิญผู้ปกครองของเด็กนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล 3 ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะต้องทำกิจกรรมกองพันอารักขาแผ่นดิน มาร่วมประชุมหารือ ถึงความเหมาะสมของการจัดกิจกรรมดังกล่าว

หากพ่อแม่ ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ไม่อยากจะให้จัดกิจกรรมนี้ ทางโรงเรียนก็จะได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ปกครอง แต่หากพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ เห็นว่ากิจกรรมนี้เป็นสิ่งที่ดีและอยากให้มีต่อไป ทางโรงเรียนก็คงจะดำเนินการจัดกิจกรรมนี้ต่อไป ซึ่งทางโรงเรียนขอยืนยันว่า จะรับฟังความคิดเห็นของพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นหลักในการจะตัดสินใจใดๆต่อไป

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับพ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน โดยนางสุทธิชา คงมา อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนได้กล่าวว่า โดยส่วนตัว ตนเองชอบการที่จะให้บุตรหลานได้เปลี่ยนชุดแต่งกายหลายๆ แบบมาโรงเรียน เพราะตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าเบื่อ และทำให้เด็กได้ลองแต่งกายด้วยชุดใหม่ๆ ไม่จำเจ

โดยในส่วนของชุดลายพรางทหารนั้น ทางโรงเรียนก็ให้พ่อแม่ผู้ปกครองสั่งซื้อในราคาประมาณ 300 บาทเท่านั้น และก็ใส่เพียงแค่ในระดับชั้นอนุบาล 3 ไม่ได้ให้ใส่ทุกปี ซึ่งตนก็มองว่าไม่ได้เป็นภาระอะไรมากมาย

ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองซื้อเครื่องแบบชุดนักเรียนน้อยลงไปด้วย แทนที่จะต้องซื้อเครื่องแบบนักเรียนถึง 5 ชุด ก็เหลือเพียงแค่ 2 ชุดเท่านั้น โดยตนเองมีลูกสองคนที่เรียนที่นี่ ก็เคยผ่านการซื้อชุดลายพรางทหารมาแล้วและไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/o97FZ4TVfb8