ข่าวโซเชียล
สึกแล้ว หลวงตาอายุ 70 นอนอยู่บ้านนานนับปี อ้างป่วยหลายโรค วัดไม่มีคนดูแล
โดย olan_l
20 มิ.ย. 2567
1.1K views
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 นายภูริปกรณ์ ประกอบผล ปลัดอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ปฏิบัติหน้าที่ปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สมุทรปราการ พระวินยาธิการ เขต 2 อ.พระสมุทรเจดีย์ (ตำรวจพระ) เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการและสังคม อบต.นาเกลือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านคลองสวน เข้าตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 9849 ชุมชนหลังวัดสาขลา หมู่ที่ 7 ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ หลังได้รับการร้องเรียนผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของศูนย์ดำรงธรรม อ.พระสมุทรเจดีย์ ว่าพบเห็นพระภิกษุมานอนพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว 2-3 ปี และประพฤติตัวไม่เหมาะสม จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบหากพบตัวจะนำไปสึกพ้นจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ทันทีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พระวินัย หรือพระแก่ อายุ 70 ปี พระลูกวัดสาขลาที่ตกเป็นข่าวว่านอนอยู่บ้าน เดินทางมายังห้องทะเบียนและบัตรที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์เพื่อพบ นายภูริปกรณ์ ประกอบผล ปลัดอำเภอพระสมุทรเจดีย์ปฏิบัติหน้าที่ปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรม ก่อนที่จะพูดคุยและรับทราบข้อมูลโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะนิมนต์พระวินัย หรือพระแก่ ไปพบกับพระครูวินัยธรธนาการ รักษาการเจ้าอาวาสวัดทองรำไพในฐานะพระวินยาธิการ เขต 2 อ.พระสมุทรเจดีย์นำตัวไปสึกกับพระมหาวิฑูร ธมฺมโชโต เจ้าคณะอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดใหญ่เพื่อสึกจากการเป็นพระสงฆ์เพราะประพฤติผิดวินัยของสงฆ์
ทางด้านพระครูวินัยธรธนาการ รักษาการเจ้าอาวาสวัดทองรำไพในฐานะพระวินยาธิการ เขต 2 อ.พระสมุทรเจดีย์ กล่าวว่าพระวินัยประพฤติผิดวินัยสงฆ์ในการไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งตามมาตรตรา 27 ของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์โดยต้องคำวินิฉัยว่าต้องสละเป็นสมณะเพศ ซึ่งพระวินัยยอมรับในการกระทำในครั้งนี้ ในส่วนพระป่วยแล้วมาพักอยู่บ้านได้หรือไม่นั้น ทางพระวินยาธิการกล่าวต่ออีกว่า พระสงฆ์ที่ป่วยจะต้องป่วยจนติดเตียงและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเท่านั้นเพื่อไม่ให้เป็นภาระของพระและพระต้องขอความร่วมมือกับทางญาติๆให้นำกลับไปดูแลก่อนที่บ้านได้แล้วพิจารณาแล้วว่าเป็นภิกษุสงฆ์ไม่ได้จะเข้าไปสึกให้ที่บ้าน ในส่วนกรณีนี้บอกว่าตนเองป่วยขอไปรักษาตัวที่บ้านนั้นมันไม่ได้เพราะว่ายังสามารถที่จะเดิน สามารถปฏิบัติสาธารณะกิจได้ ออกกิจนิมนต์ได้ จะไม่สามารถอ้างว่าป่วยแล้วไปอยู่บ้านนั้นไม่ถูกต้องและผิดพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
ส่วนพระมหาวิฑูร ธมฺมโชโต เจ้าคณะอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดใหญ่ กล่าวว่าสำหรับในเรื่องนี้เป็นการผิดวินัยสงฆ์เกี่ยวกับการประพฤติตนไม่ถูกระเบียบคือเป็นพระต้องอยู่ประจำวัดและทำกิจกรรมของสงฆ์ต่างๆตามที่พระอุปชาณ์หรือเจ้าอาวาสกำหนด โดยการที่ไปอยู่ในบ้านนั้นหากจำเป็นจริงๆหรือป่วยจริงๆ สามารถไปพักได้ชั่วครั้งชั่วคราว 1-2 วันได้เท่านั้นเพื่อให้ลูกหลานช่วยดูแล แต่แล้วทางคณะสงฆ์ได้มีโครงการต่างๆของแต่ละวัดและจะมีพระคอยช่วยเหลือกันแต่เคสนี้อาจจะไม่ค่อยเข้าหาคณะสงฆ์จึงตัดสินใจทำด้วยตนเองจึงทำให้ผิดระเบียบสงฆ์แม้จะเป็นอาบัติเล็กน้อยแต่ยังผิดวินัยสงฆ์ทำให้พุทธศาสนิกชนติติงได้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับพระวินัย หรือพระแก่ ที่มาพักอาศัยอยู่ในบ้านพร้อมครอบครัว กล่าวอ้างว่า ได้บวชมาตั้งแต่ปี 2542 โดยเป็นพระลูกวัดของวัดสาขลาโดยตนป่วยเป็นโรคปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคเบาหวาน โรคหอบหืด มานานหลายปี ถ้าตนอยู่วัดเกรงว่าจะไม่มีคนดูแลหากเป็นอะไรไปอีกทั้งการเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษานั้นยากลำบากตั้งเดินทางหลายต่อเสียค่าใช้จ่ายเยอะ
ส่วนกิจวัตรประจำวันนั้นทำไม่ได้เพราะเหนื่อยง่ายจะออกเพียงแค่กิจนิมนต์ตามงานต่างๆเท่านั้น ส่วนที่บ้านจะไปๆมาๆบางครั้งนอนค้างคืนบ้างเป็นบางวันโดยทำแบบนี้มานานแค่ 3-4 เดือน โดยทุกวันนี้จะไปจำวัดอยู่ที่วัดพระสมุทรเจดีย์อย่างเดียวเพราะเดินทางไปพบแพทย์สะดวกและใกล้วัด ในส่วนที่การขับเรือไปส่งสีการนั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยเหตุการณ์นี้ผ่านมาแล้วปีแล้วตอนที่จำวัดอยู่ที่วัดทองรำไพ เพียงแค่ว่าสีกาคนดังกล่าวมาถวายสังฆทานตอนกลับจึงได้ขับเรือไปส่งท่าตรงข้ามวัดเท่านั้นเพราะวัดไม่มีถนนสัญจรผ่านต้องนั่งเรือเท่านั้นจึงจะมาที่วัดได้ และในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าไปหาที่บ้านนั้นตนได้ออกไปทำธุระที่บ้านหลานชายย่านเจริญนคร 44 และจะเดินทางไปต่อที่จังหวัดน่าน แต่เกิดเรื่องเสียก่อนจึงกลับมาที่วัดพระสมุทรเจดีย์และมาพบกับปลัดอำเภอเพื่อคุยกันเรื่องนี้ดังกล่าว
ทางด้าน น.ส.สมพิส อายุ 63 ปี ภรรยาของพระวินัยหรือพระแก่ กล่าวว่า พระวินัย มีโรคประจำตัว เป็นโรคหืดหอบ ตอนเขาไปอยู่วัดศรีคง แล้วป่วย และโทรมาบอกว่าไม่มีพระองค์ไหนเอาข้าว มาให้ท่านฉันช่วงที่อาพาธ พระได้บวชที่วัดสาขา และพี่น้องให้ไปอยู่ที่วัดศรีคง โดยก่อนหน้านี้บวชอยู่ที่วัดสาขาได้ประมาณ 2 พรรษาและย้ายไปวัดศรีคง นานหลายปี หลังจากนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดทองรำไพด้วย ช่วงที่อดีตเจ้าอาวาสยังไม่มรณภาพได้นิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดทองอำไพ ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายและหลังจากนั้น ได้ย้ายกลับไปวัดศรีคงเนื่องจากอาพาธ จึงย้ายให้มาจำพรรษาอยู่ที่นี่ เพราะ มีลูกเต้าคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ซึ่งหลังจากนั้นได้มาอยู่ที่บ้านและไม่ได้กลับวัดอีกเลย ให้เหตุผลว่าเวลาไปหาหมอจะได้สะดวกและง่ายเวลาในการรักษาตัว นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างถึงโรงพยาบาลเลย ซึ่งตนเองเคยบอกว่าให้กลับไปอยู่วัดหลายครั้ง แต่ถ้าหากคิดว่าจะอยู่บ้านหลวงพี่น่าสึกนะหรือถ้าจะกลับวัดหลวงพี่ต้องอยู่วัด มาอยู่แบบนี้ไม่ได้ทำให้ฉันเสียหายและไม่เหมาะสม
หลังจากนี้สึกแล้วไม่มีปัญหา ซึ่งตนเองไม่รู้สึกเครียดอะไร หลังจากนี้สบายใจเขาจะไปไหนเป็นเรื่องของเขาฉันไม่ว่าเขา ขอให้เขาสึกจาการเป็นพระเพียงเท่านั้นไม่ว่าเลย หลังจากที่สึกแล้วยังไม่ได้กลับมาบ้าน ซึ่งตนเองยังไม่รู้ว่าเดินทางไปที่ไหนได้ให้ลูกสาวโทรไปหาแกตอบกลับมาว่าทำธุระอยู่กับน้าเดี๋ยวจะย้อนมาที่อำเภอทำบัตรใหม่ ตนเองอยากจะฝากบอกกับทุกคน ที่ได้ดูข่าวว่า ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแค่เขาสึกแล้วตนสบายใจแล้ว