สังคม
พ่อเคาะโลงบอกลูกเมีย เหยื่อบีเอ็ม 3 ศพ 8 ธ.ค.นัดเจรจาไกล่เกลี่ยคู่กรณี
โดย passamon_a
8 ธ.ค. 2567
768 views
พ่อเคาะโลงบอกลูกเมีย เหยื่อบีเอ็ม 3 ศพ 8 ธ.ค.67 นัดพบคู่กรณีไกล่เกลี่ย ขอผลเจรจาไกล่เกลี่ยลุล่วงราบรื่นด้วยดี
จากกรณี นางสาวจิรันธนิน อายุ 30 ปี ขับรถเก๋งหรู ด้วยความเร็ว 207 กม./ชม. พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ จนทำให้ นางเย็นจิตร เสียชีวิต พร้อมกับลูกชายอายุ 16 ปี และลูกสาวอายุ 14 ปี เหตุเกิดขณะที่ผู้เป็นแม่ขับรถไปรับลูกชายลูกสาวกลับจากเรียนพิเศษ บริเวณเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ช่วงค่ำวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยตัวนางสาวจิรันธนิน คนขับรถเก๋ง หลังเกิดเหตุ ไปขอให้ชาวบ้านแถวที่เกิดเหตุตามหาแมวให้ เมื่อเจอก็อุ้มแมวหนี ทิ้งรถไว้ในที่เกิดเหตุ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ธ.ค.67 นายประกฤษณ์ อายุ 50 ปี เป็นทั้งสามีและพ่อของผู้เสียชีวิต แม่ลูก 3 ศพ พร้อมด้วยญาติผู้เสียชีวิต เดินทางไปที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ศาลา 5 ซึ่งเป็นที่เก็บศพของ 3 แม่ลูก คือ นางเย็นจิตร อายุ 52 ปี นายกฤตเมธ หรือน้องโก้ อายุ 16 ปี และ ด.ญ.บุณยานุช อายุ 14 ปี
โดย นายประกฤษณ์ เข้าไปเคาะโลงเป็นคนแรก บอกว่า พรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) จะเดินทางไป สภ.เมืองชุมพร เพื่อพบคู่กรณีนัดไกล่เกลี่ย มาเพื่อบอกให้รับรู้ ขอผลการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ลุล่วงราบรื่นด้วยดี จะได้รับมาพวกเรากลับ เป็นกำลังใจให้พ่อด้วย พร้อมกับบอกกล่าวลูกเมีย “อย่าไปกวนพี่ ๆ กู้ภัย อยู่ที่นี่อย่างสงบไปก่อนนะ”
หลังจากนั้น นายสุวิทย์ อายุ 60 ปี ผู้เป็นลุง จุดธูปบอกกล่าวว่า ขอให้การเจรจาไกล่เกลี่ยให้คดีผ่านไปด้วยดี ลูกจะออกมาอาละวาด รบกวนก็ไม่เป็นไร ทั้งเย็น โก้ มีน แต่ขอให้ช่วยดลจิตดลใจให้ฝั่งนู้น (คู่กรณี) เขายอมรับความผิด อยู่ที่นี่ขอให้มีความสุข แล้วเราจะกลับมารับ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ (แม่สามีที่นอนติดเตียง) ไม่ต้องเป็นห่วงสามี พวกพี่ ๆ จะช่วยกันดูแล
ต่อมา นายประกฤษณ์ และนายสุวิทย์ ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว โดย นายประกฤษณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด สร้างความระทึกนั้น หลังเดินทางมาจุดธูปบอก แม่ลูกก็เชื่อฟังดี กู้ภัยไม่เจออีกเลยสงบเงียบดี สำหรับวันนี้ (8 ธ.ค.) จะมีการเจรจาตนไม่มีความมั่นใจ เพราะดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้สัมผัสฝ่ายคู่กรณี เห็นว่าเขาไม่มีความจริงใจ คิดว่าไม่ให้ตามคำเสนอไป หรือเสนอมาให้น้อย ตามที่เรียกไป 25 ล้าน ลูกเมียไม่สามารถประเมินค่าได้ ถ้าให้มาตามที่ตนไม่พอใจ ตนไม่รับแน่นอน ความสงสารของตนน้อยลงเพราะการกระทำที่ผ่านมาไม่มีความจริงใจ แต่ถ้าเสนอจนพอใจตนเองก็อยากจะจบในส่วนนี้ เพราะลูกเมียไม่อยู่ อยู่ตรงนี้มีความกังวล อยู่บ้านก็ไม่สบายใจ
ด้าน นายสุวิทย์ ผู้เป็นลุง กล่าวเสริมว่า สิ่งที่กลัวที่สุดคือ อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนเงินเยียวยา อาจจะยากและต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามฝากผ่านนักข่าวเลยว่า เคสนี้ตัวอย่างของประเทศ เพราะที่ผ่านมาจังหวัดชุมพรเรา ถ้ารถใหญ่ ปิคอัพ หรือรถเก๋ง อะไรก็แล้วแต่ชนมอเตอร์ไซค์ สุดท้ายมอเตอร์ไซค์จะไม่ได้รับการเยียวยา ที่พูดเพราะเคยมีประสบการณ์ญาติก็เคยเจอมา ใช้สำนวนเดียวกันสุดท้ายรถเบี่ยงเข้ามาคดีไปพลิกในชั้นศาลไม่เคยได้รับการเยียวยา
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ในกรณีเคสนี้เป็นตัวอย่างของประเทศ ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นคนจน จะกลายเป็นว่าคนรวยจะรังแกคนจน ฝากถึงผู้มีอำนาจในเรื่องของข้อกฎหมาย ช่วยดูแลเป็นกรณีพิเศษสงสารผู้ที่ถูกกระทำ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนพูดกับผู้เสียหายดีหมด สำนวนต่าง ๆ ไปซ่อนอยู่ข้างใน เรื่องของเลี้ยวปาดหน้าบ้าง เบี่ยงเข้ามา แฉลบเข้ามาบ้าง และสุดท้ายคดีมันพลิก
อีกเรื่องเงินเยียวยากับเงินตามสิทธิ์ พ.ร.บ.มันคนละตัวบท จะมาพูดว่าขอรวบรวมเงิน พ.ร.บ.ก่อนแล้วค่อยเติมเต็มให้ มันไม่เป็นธรรมกับผู้เสียหาย อยู่ดี ๆ คุณมาคร่าชีวิตลูกเมียเขาอย่างนี้เรียกไป 25 ล้าน ตนว่า 100 ล้านยังไม่ได้เลย ครอบครัวผู้เสียหายไม่ได้เดือดร้อนทางการเงิน เขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พอเลี้ยงดูแลครอบครัวตัวเองได้ เรียกไปเพื่อเป็นบรรทัดฐานทางสังคม คุณต้องชดใช้เยียวยาใช้กฎหมายเข้ามาเพื่อพลิกคดีให้ได้จากดำเป็นขาว ตนว่าไม่ถูกต้อง
โดยวันนี้ (8 ธ.ค.) มีการนัดหมายกับคู่กรณี ทางผู้เสียหายทราบว่ามีทีมทนายจากรายการโหนกระแสเดินทางเข้ามาดูแลให้ แต่ขณะนี้ยังไม่เจอใครเลย เรื่องนี้ถ้าไม่สามารถเยียวยาได้ ขณะนี้มีแต่กระดาษยังไม่เห็นตัวเงินก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และต้องรับโทษสูงสุดว่ากันไปตามขบวนการข้อกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐาน
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/EeHV5Pyab1w
แท็กที่เกี่ยวข้อง รถชนแม่ลูก ,เหยื่อบีเอ็ม3ศพ ,เคาะโลงบอกลูกเมีย