สาวซิ่งบีเอ็มชน 3 แม่ลูกดับ ร่ำไห้กราบขอขมาศพ-ครอบครัว ตร.แจ้งข้อหาเพิ่ม

จากกรณี นางสาวจิรันธนิน อายุ 30 ปี ขับเก๋ง BMW ชนรถ จยย. เสียชีวิต 3 ราย เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา


ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ย.67 เวลา 13.30 น. ที่ สภ.เมืองชุมพร นางสาวจิรันธนิน ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเพิ่มเติม และแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ขณะขับรถมีการใช้โทรศัพท์ ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผลการตรวจสอบของแพทย์มีปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด แจ้งข้อหาขับรถในขณะมึนเมา และไม่มีใบอนุญาตขับรถ และไกล่เกลี่ยประกันรถในการช่วยเหลือเข้ามาคุยค่าทดแทนสินไหมให้กับผู้เสียชีวิตที่เกิดขึ้น


โดยหลังจากที่ นางสาวจิรันธนิน ผู้ก่อเหตุเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้ก่อเหตุไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ขณะที่ทางคุณแม่ของผู้ก่อเหตุได้ทั้งผลักทั้งดัน ไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าสัมภาษณ์หรือสอบถามประเด็นว่าทำไมถึงได้หลบหนีไม่ยอมอยู่ในที่เกิดเหตุ ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป


ขณะที่ทางด้าน คุณพ่อของเจ้าของรถ BMW คันเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า ต้องขอโทษกับผู้เสียหายทุกกรณี แล้วและก้มหน้าก้มตาเดินออกไป ส่วนที่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ให้ข้อมูล หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนคาดว่าน่าจะยังตกใจ


พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่า ทางผู้บัญชาการ ตร.ภ.8 ได้กำชับให้เร่งรัดดำเนินการรวบรวมเอกสาร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของทางฝ่ายผู้เสียหาย ซึ่งตนได้มีการนัดหมายให้ทางฝั่งผู้เสียหายเข้ามาพบแล้ว โดยได้มีการสอบปากคำในเรื่องของรายละเอียดที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้นัดทางฝ่ายผู้ต้องหา และเจ้าของรถ ซึ่งผู้ต้องหาที่ได้รับอนุญาตประกันตัวจากศาล เบื้องต้นจากการสอบสวนก็พบว่าผู้ขับขี่รถมีความผิดฐานใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมทั้งสองข้อหา


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามถึงกรณีมีตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ล่าช้า จะทำให้ผลเปลี่ยนไปหรือไม่ พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า ในส่วนที่ตัวผู้ขับขี่มาพบที่ตำรวจ คือช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ซึ่งจากการตรวจเบื้องต้นพบว่าผลการตรวจอยู่ที่ 20 มิลลิกรัม ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วตัวผู้ขับไม่มีใบอนุญาตก็ถือว่าเมาแล้วขับรถ ก็ถือว่าดำเนินคดีได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีการตรวจเลือดโดยให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้จัดเก็บ ก็จะต้องส่งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อรอผลการตรวจอีกชั้นหนึ่ง หากผลการตรวจยืนยันจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์มีค่ามากกว่าก็จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ในส่วนที่ชาวบ้านวิจารณ์ว่า ตำรวจเหมือนเข้าข้างผู้ต้องหา ผกก.กล่าวว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาก็มีการดำเนินการเก็บหลักฐาน ทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์ และอื่น ๆ ซึ่งก็มีขั้นตอนระยะเวลาและด้วยหลักกฎหมายแล้วการแจ้งข้อกล่าวหา ถือว่าเขายังไม่ได้ถูกควบคุมตัว ยังไม่มีการจับกุม เพราะฉะนั้นแล้วก็ต้องพึงระมัดระวังในเรื่องของสิทธิมนุษยชน เพราะมันจะสอดคล้องเกี่ยวกับ พรบ.ควบคุมการทรมาน เพราะฉะนั้นการกระทำสิ่งใด ซึ่งเราเป็นเจ้าพนักงานต้องระมัดระวัง


ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านนางสาวจิรันธนิน ได้ไปที่บ้านพัก ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.วิสัยเหนือ อ.เมืองชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย โดยเมื่อนางสาวจิรันธนิน เดินทางมาถึงบ้านงาน ก็ได้ลงไปกราบขอขมาศพ และไปกราบขอขมาคุณยายเสรี อายุ 75 ปี เป็นคุณแม่ของผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาจากจังหวัดกาฬสินธุ์ และโดยนางสาวจิรันธนิน ร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งทางคุณยายก็ได้ใช้มือจับบ่าและพูดปลอบใจ พร้อมบอกอีกว่า “พูดอะไรไม่ออก ไปหมดทั้งลูกทั้งหลาน”


จากนั้นนางสาวจิรันธนิน ก้มกราบนายประกฤษณ์ สามี และพ่อของผู้เสียชีวิต โดยนายประกฤษณ์ก็ให้อภัย ส่วนเรื่องคดีก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในขณะที่นางสาวจิรันธนิน ก้มกราบนั้น ทางครอบครัวก็ได้ขอให้เปิดหมวกดูหน้า แต่นางสาวจิรันธนินก็ไม่ได้เปิดให้ดู จากนั้นก็ได้รีบเดินทางขึ้นรถกลับออกไป


นายประกฤษณ์ เปิดเผยว่า ยังไม่มีกำหนดเผาศพลูก และเมีย จนกว่าจะได้ความเป็นธรรม และในขณะนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากทางบริษัทยังขอเวลาดำเนินการ ภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2567 จะนัดไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งหนึ่ง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/tSKk7rhHl8E