‘ทนายวิฑูรย์’ รับเป็นคนในคลิปเสียง ลั่นไม่ได้ขู่ทำร้ายไม่ผิดกฎหมาย จ่อฟ้องหมิ่น ‘เอกภพ’ 100 ล้านบาท

‘เอกภพ สายไหมต้องรอด’ ได้ประกัน 5 หมื่น ยันไม่เกี่ยวข้องพยานเท็จ เตรียมส่ง “ของขวัญ” ล้างแค้นก่อนปีใหม่ เผยหลักฐานเด็ดเป็นคลิปเสียงยาว 1 ชม.

วานนี้ (22 พ.ย.) เวลา 19.05 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายหลังนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความผิดเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อมูลดิไอคอน ที่เป็นพยานเท็จ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

โดยนายเอกภพ ระบุว่า ขั้นตอนการให้ปากคำเสร็จสิ้นและได้ยื่นประกันตัวแล้ว ใช้หลักทรัพย์ 50,000 บาท เป็นคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยวันนี้มีการนำหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง การพูดคุยกับพยานคนดังกล่าวตั้งแต่ต้นมามอบให้กับตำรวจ เพื่อยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นคนเขียนบทให้พยานคนดังกล่าวในการให้การกับตำรวจ

ส่วนกรณีที่ถูกออกหมายจับ ก็ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการของตำรวจ ซึ่งจากการพูดคุยวันนี้ ตำรวจก็ให้ความเป็นธรรมกับตน เห็นได้จากการให้ประกันตัว และมองว่าการที่ถูกออกหมายจับ ก็เป็นสิทธิ์ของทางคู่กรณี มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความเอาผิดกับตน ยอมรับว่าข้อมูลจากพยานคนดังกล่าวเป็นเพียงด้านเดียว จึงนำหลักฐานเกี่ยวกับพยานมาคนดังกล่าวให้ตำรวจได้สอบปากคำ และที่ผ่านมาตนไม่เคยยืนยันว่าข้อมูลที่พยานคนนี้ให้การเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด

ส่วนบุคคลที่มีการกล่าวพาดพิงถึงตน ทำให้ให้เกิดความเสื่อมเสีย ได้ให้ทนายความรวบรวมข้อมูล พร้อมส่ง “ของขวัญ” ให้บุคคลเหล่านั้นแล้ว และจะมีการแจ้งความกลับพยานคนดังกล่าว เพื่อให้เป็นบทเรียน ซึ่งตอนนี้ทีมทนายความอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าการกระทำความผิดเข้าข้อกฎหมายใดบ้าง เดี๋ยวจะดำเนินคดีทั้งหมด

ในส่วนตัวยังยืนยันว่าจะเดินหน้าช่วยเหลือคน แม้ว่าจะมีบุคคลที่ไม่หวังดีเข้ามาให้ข้อมูลเท็จ และหลักฐานสำคัญที่นำมามอบให้กับตำรวจในวันนี้คือคลิปเสียงบันทึกการสนทนาระหว่างพยานคนดังกล่าวกับตน ความยาว 1 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีที่ก่อนหน้านี้ ตนบันทึกคลิปเสียงเอาไว้ เพราะมีข้อมูลบางอย่างที่รู้สึกแปลกใจ

นายเอกภพ ยังยืนยันว่าไม่รู้จักกับพยานคนดังกล่าวเป็นการส่วนตัว วันนี้ตัวเองได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อยากจะขอบคุณตำรวจที่ให้ความเป็นธรรม เมื่อถามว่าได้มีการรับเงินหรือผลประโยชน์จากคนที่เข้ามาติดต่อหรือไม่ นายเอกภพ ร้องโหย “ไม่มีเลย สลึงหนึ่งก็ไม่มี พวกเราทุกคนรู้จักพี่อยู่แล้ว ก็จะเห็นเวลาไปลงพื้นที่ชาวบ้านก็มาหาทุกวัน เราก็สงสารเขาเพราะเดือดร้อน”

ส่วนที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม อ้างอิงคำพูดของตนเองไปร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ตนเองไม่รู้เรื่องและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด นายเอกภพ ย้ำว่าทุกวันนี้ ฟังใครต้องเอ๊ะให้หนัก พร้อมเปิดใจว่า ตนไม่ได้โกรธ แต่ในลึกก็แอบน้อยใจว่าการช่วยคน แต่กลับถูกกล่าวหา



‘ทนายวิฑูรย์’ จ่อฟ้องหมิ่นประมาท ‘เอกภพ สายไหมต้องรอด’ เพิ่มอีกกระทง พร้อมเรียกค่าเสียหายหลักร้อยล้านบาท ยอมรับเป็นคนในคลิปเสียง ยันไม่ได้ข่มขู่ทำร้ายไม่ผิดกฎหมาย

วานนี้ (22 พ.ย.67) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอลและบอสดิไอคอนกรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยม 11 บอสชาย ได้มีการปรึกษากับทางบอสดิไอคอนแล้วว่าหลังจากนี้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดหมิ่นประมาทกับ นายเอกภพ รวมถึงจะเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงินหลัก 100 ล้านบาท และหากนายเอกภพ ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่นั้น ก็มองว่าเป็นสิทธิ์ทางกฎหมาย หากได้ประกันตนเองก็ยินดีด้วย แต่ลูกความตนเองไม่เคยได้รับโอกาสนี้เลย

ขณะที่ประเด็นคลิปเสียงนายวิฑูรย์ ชี้แจงว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของตัวเอง เป็นเสียงที่ได้พูดคุยกับผู้จำหน่ายสินค้าของดิไอคอน ที่อยู่ในกลุ่ม “ครอบครัวดิไอคอน” เป็นการพูดคุยบันทึกที่จะส่งให้กับดีเอสไอ โดยส่วนตัวทราบว่าในกลุ่มมีหนอนบ่อนไส้อยู่จึงได้มีการส่งสารไปหาโดยตรง จะได้รู้ว่าในกลุ่ม 10,000 คนมีผู้เสียหายจริงๆ เท่าไหร่ หากพบว่าคนในกลุ่มที่ได้มีการเบิกสินค้าไปแล้วจำหน่ายสินค้าไปแล้ว แต่มาแจ้งความอ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ก็จะมีการแจ้งความกลับในข้อหาแจ้งความเท็จ

สำหรับการพูดคุยที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีลักษณะเป็นการพูดคุยกันในลักษณะข่มขู่นั้น ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า ที่ในคลิปเสียงตนบอกว่าจะขู่ดำเนินคดีถือว่าไม่ผิดกฎหมาย และไม่มีมีความผิดทางกฎหมาย เพราะไม่ได้ขู่ที่จะทำร้ายใคร หมอบุญ ส่วนจะอ้างว่าหวาดกลัวนั้นถ้าหากว่าไม่ผิดจริงจะกลัวเรื่องการดำเนินคดีทำไม ซึ่งยืนยันเป็นการใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย

ส่วนที่การยกตัวอย่างไปหาบุคคลที่ 3 ที่ถูกดำเนินคดี และกำลังจะถูกดำเนินคดี แล้วทำให้เกิดความหวาดผวากับสมาชิกจนทำให้บางคนต้องกลับใจไปถอนแจ้งความนั้นถือว่าเป็นการวางแผนทีมทนายทนายในการต่อสู้คดีหรือไม่ ประเด็นนี้ ทนายวิฑูรย์ ขอชี้แจงว่า ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ไม่อยากให้เป็นการใส่ร้ายใคร เพราะการที่บอสของดิไอคอนถูกจับกุมก็ไม่ได้ถือว่ามีการกระทำความผิด หรือบริษัทมีการฉ้อโกง เนื่องจากศาลยังไม่ได้มีการตัดสิน ซึ่งคนกลุ่มนี้ตนเองไม่ได้ระบุเส้นตายว่าต้องออกมาวันไหน แต่ทางดีเอสไอได้มีการกำหนดเวลาจนถึงแค่วันที่ 3 ธันวาคมเท่านั้น

https://youtu.be/98BRUBgQ7g0