สังคม
'ทนายสายหยุด' แจงปมเงิน 71 ล้าน 'เจ๊อ้อย' ให้มาลงทุน ไม่เข้าใจ 'ทนายตั้ม' บอกได้มาโดยเสน่หา
โดย thichaphat_d
9 พ.ย. 2567
235 views
วานนี้ 8 พ.ย. 2567 รายการโหนกระแส หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม
โดยทนายสายหยุดยืนยันว่า วันนี้ยังไม่ยื่นประกันตัวทนายตั้ม เพราะเอกสารยังไม่พร้อม หากเอกสารพร้อมและมีความมั่นใจว่าจะได้ประกันตัว จึงจะยื่นประกัน พร้อมระบุว่าทนายตั้มไม่ได้โดน 4 คดี โดนเพียงหนึ่งคดี แต่แบ่งเป็น 3 กรรม กรรมที่หนึ่งคือคดี 71 ล้านบาท กรรมที่สองคืออ้างขายรถเบนซ์ กรรมที่สามคือรับจ้างเขียนแบบ กรรมที่สี่คือเอาเงินที่ได้จากมาดามมาซื้อบ้านแล้วใส่ชื่อคุณเดือน โดยวันนี้จะยื่นประกันตัวเฉพาะคุณเดือน ภรรยาทนายตั้มเท่านั้น
ทั้งนี้ข้อหาที่คุณเดือนได้รับ คือ สมคบร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งไม่ใช่ข้อหาฉ้อโกง ที่ผ่านมาตนได้คุยกับคุณเดือน ยอมรับว่าที่มีเส้นเงินต่างๆ โอนมาที่เธอเพราะ มีความกังวลเรื่องทนายตั้มเจ้าชู้ กลัวว่าจะไปโอนให้คนอื่นๆ หมด ส่วนเรื่องบ้านราคา 30 ล้าน นิดๆ จองไว้นานแล้ว ก่อนที่จะได้เงินจากเจ๊อ้อย แต่เพิ่งโอน
ส่วนเงินก้อนใหญ่ที่สุด คือ เงิน 71 ล้าน ทนายสายหยุด ระบุว่าจากการรวบรวมเอกสาร สัญญาต่างๆที่ตัวเองตรวจอย่างละเอียด ตนมองว่า เป็นการให้เงิน 71 ล้านมาให้ทนายตั้มลงทุนคนเดียว ส่วนก่อนหน้านี้ทนายตั้มอ้างกับพี่หนุ่มว่า ได้มาโดยเสน่หา ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพูดแบบนั้น เมื่อพี่หนุ่มถามว่าทำไมยังไม่คืน ทนายสายหยุดระบุว่าเป็นหนี้ก็ต้องใช้ ส่วนจะคืนหรือไม่อย่างไร เมื่อไหร่ ตนจะไปถามทนายตั้มให้หลังจะไปเยี่ยม
ส่วนประเด็นเรื่องรถเบนซ์ ตามหลักฐานที่ทนายทราบมอบให้มาทราบว่า มาดามอ้อยแจ้งมาว่าต้องการหารถ จึงบอกทนายตั้มให้ไปหาดูให้หน่อย แต่ในขณะนั้นหารถไม่ได้ ซึ่งนั้นมาดามอ้อยต้องการใช้รถด่วน แต่ปรากฏว่าไปเจอรถประเภทนี้ที่โชว์รูมแห่งหนึ่งซึ่งก็มีการเสนอใบราคาไป ในราคา 12.9 ล้านบาท พร้อมกับแนบโบรชัวร์คุณสมบัติ ซึ่งในเดือนกันยายนมาดามอ้อยก็ได้โอนเงินจอง 500,000 บาท ซึ่งทนายตั้มก็ได้แจ้งกับทางโชว์รูมว่าตกลงจะเอารถคันดังกล่าว ทางทนายตั้มก็ได้ถามทางโชว์รูมไปว่า ทางโชว์รูมจะให้ค่าคอมมิชชั่นตัวเองเท่าไหร่เพราะเป็นคนแนะนำมาซื้อ ซึ่งทางโชว์รูมก็ตอบกลับกลับมาว่าประมาณ 7-800,000 บาท ซึ่งทางทนายตั้ม ได้พูดทีเล่นทีจริงว่า ผมขอซัก 1,500,000 บาทได้ไหม สุดท้ายทางโชว์รูมก็ให้เงินทนายตั้ม 1.5 ล้านบาทจริงๆ พร้อมกับมีการส่งมอบรถ
ส่วนเรื่องค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน ทนายชี้แจงว่า อย่ามองแค่เรื่องการออกแบบ เพราะเจ๊อ้อยตกลงกับทนายตั้มให้เข้ามาดูทั้งโครงการมูลค่า 160 ล้าน ในช่วงนั้นไม่ได้มีการจ่ายค่าจ้างที่ปรึกษาทนายเดือนละ 3 แสนบาทแล้วด้วย ทนายตั้มจึงต้องเดินทางไปมาปากช่อง ตอนนั้นเสนอราคาค่าออกแบบไป 9 ล้าน จ่ายไป 3.5 ล้าน เงินที่เหลือ 5 ล้านอยู่ที่ทนายตั้ม ยังไม่ได้คืน เพราะช่วงนั้นไม่ได้คุยเพราะบาดหมางกัน เจ๊อ้อยสั่งไม่ให้ทนายตั้มเข้าพื้นที่ และไม่มีการทวงเงิน 5 ล้านคืน
ส่วนประเด็นของเงิน 39 ล้าน พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ตัวนายนุ คนที่ไปถอนเงินมา และยังไม่ได้สอบปากคำจึงไม่มั่นใจว่าในประเด็นดังกล่าวจะเกี่ยวข้องอะไรกับทนายตั้มหรือไม่
-------------------------------
เผยจุดแตกหัก ทนายตั้มชวนเจ๊อ้อย ซื้อเรือยอร์ช 300 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีจุดแตกหักที่ทำให้เจ๊อ้อยตัดสินใจดำเนินคดี มาจากเหตุการณ์วันที่ทนายตั้ม พาเจ๊อ้อยไปดูเรือยอร์ช มูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อจะให้ซื้อเรือลำดังกล่าว แต่เจ๊อ้อย ทวงถามถึงเอกสาร หรือหนังสือกรรมสิทธิ์รถเบนซ์ มูลค่า 13 ล้านบาท ที่ให้นายษิทราไปซื้อรถขึ้นมา แต่ทนายตั้มกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมนำหนังสือหรือเอกสารการครอบครองรถมาให้ โดยไม่ทราบเหตุผลหรือเจตนา ทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนที่ทนายตั้มจะยอมคืนหนังสือกรรมสิทธิ์รถให้ในภายหลัง ทำให้ทั้งคู่ก็เกิดหมางใจกันไปแล้ว รวมถึงทำให้โปรเจคซื้อเรือยอร์ชมูลค่า 300 ล้านบาทต้องเลิกไป
หลังจากนั้นทำให้เจ๊อ้อย เริ่มไม่ไว้ใจทนายตั้มเหมือนแต่ก่อน พร้อมกันนี้ยังได้ทวงถามความคืบหน้าการลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ที่เจ๊อ้อยเคยนำเงิน 71 ล้านบาท ให้ทนายตั้มไปดำเนินการว่าจ้างบริษัทผลิตแพลตฟอร์มหวย สร้างโปรแกรม วางระบบและสร้างแอปฯ ขึ้นมา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนมาทราบภายหลังว่าไม่ได้ดำเนินการตามที่กล่าวอ้าง เมื่อทวงถามเงินคืน แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งความ จนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
-------------------------------------
ค้นบ้านหรูทนายตั้ม เจอตู้เซฟสูง 2 เมตร แต่ไม่พบทรัพย์สิน คาดมีการขนย้ายไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจกองบังคับการปราบปรามเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูย่านตลิ่งชันของทนายตั้ม ซึ่งสามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่นำเข้ามาชุดแรก คือ กระเป๋าแบรนด์เนม ยี่ห้อต่างๆ 21 รายการ, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, พระเครื่อง 3 องค์, นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน, บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด 3 ใบ, กุญแจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ 1 ดอก, Token key 1 อัน มาไว้ตรวจสอบแล้ว
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้พบ ตู้เซฟขนาดใหญ่ สูงประมาณ 2 เมตร เมื่อเปิดออกมาเพื่อทำการตรวจสอบ แต่ไม่พบทรัพย์สินใดๆ ภายในตู้เซฟ คาดว่าจะมีการขนย้ายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/0MxWy0oFoLI