สังคม

'แม่น้องปูอัด' เปิดใจ ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องเงินเยียวยา ยันไม่เคยทิ้งลูก งงกระแสดรามา เพราะอดีตสามีและญาติรับรู้มาตลอด

โดย weerawit_c

6 ต.ค. 2567

343 views

กรณีรถบัสทัศนศึกษานักเรียนโรงเรียน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ส่งผลให้มีครูและนักเรียนเสียชีวิตรวม 23 ราย และจากกระแสข่าวที่เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ทาง คปภ. และบริษัทประกันภัยได้เดินทางมามอบเงินให้กับครอบครัวของครูและนักเรียนที่เสียชีวิต รวมมูลค่าเงินประกันกว่า 30 ล้านบาท ก่อนพบว่ามีหลายครอบครัวของผู้เสียชีวิตเกิดปัญหาเรื่องการรับเงินประกันภัยก้อนนี้ เพราะบางครอบครัวนั้นผู้เป็นพ่อแม่ ไม่ได้เป็นคนเลี้ยงดูผู้เสียชีวิต แต่กลับเป็นผู้ที่รับเงินประกันตามชอบด้วยกฎหมาย


อย่างเช่น ครอบครัวของ น้องปูอัด หรือ ด.ช.ณัฐพงศ์ ขำกระแสร์ นักเรียนชั้น ป.3 หนูน้อยฮีโร่ที่เข้าไปช่วยเพื่อนจนรอดชีวิตออกมาได้ แต่ตนเองออกมาไม่ทัน ซึ่งพบว่า ตัวน้องปูอัดนั้น อยู่ในความดูแลของพ่อแท้ๆและป้า คือ นางไพฑูรย์ พงศ์กสิการณ์ อายุ 62 ปี พี่สาวพ่อน้องปูอัด และ นางนงนุช ขำกระแสร์ อายุ 50 ปี น้องสาวพ่อน้องปูอัด  ซึ่งเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ได้ร่วมกับญาติ มาตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารเพื่อยกเป็นบุญกุศลให้กับน้อง


และได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า แม่น้องปูอัด นำน้องปูอัดมาให้ตนเองและพ่อของน้องเลี้ยงดูตั้งแต่น้อง อายุได้ 7 เดือน แต่พอมาวันนี้ทางแม่น้องนั้นกลับมาพูดว่าทางตนเองและพ่อน้องเป็นคนไปแย่งน้องมา ทั้งๆ ที่เรื่องจริงนั้น แม่ของน้องเป็นคนบอกให้น้องมาอยู่กับตนเองก่อน แต่พอมาวันนี้เค้ากลับมาใช้สิทธิความเป็นแม่มารับเงินก้อนนี้ไป ทั้งๆ ที่คนที่คนที่ดูแลน้องปูอัดจริงๆ แล้วนั้นคือ พ่อและป้าๆ ไม่ใช่แม่ของน้องเลย นานๆ ครั้งหรือแทบจะปีละครั้งที่น้องปูอัดจะได้เจอแม่ โดยเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา แม่น้องปูอัดก็ได้มารับเงินเงินประกันไป ซึ่งจ่ายเป็นเช็คไปยอดประมาณ 1.2 ล้านบาท เพราะตามชอบของกฏหมายแม่จะเป็นคนได้สิทธิก่อน แต่หากมองตามสิทธิความเป็นธรรมแล้วนั้น คนที่ควรได้รับเงินก้อนนี้ควรจะเป็นพ่อของน้องปูอัด ที่เป็นคนเลี้ยงดูน้องมา


ขณะที่ต่อมานางไพฑูรย์ ป้าน้องปูอัด และนางนงนุช อาของน้องปูอัด ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวใหม่อีกครั้งว่า หลังจากที่ได้มีกระแสข่าวเรื่องที่แม่แท้ๆ น้องปูอัดมารับเงินประกันก้อนดังกล่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดทางแม่น้องปูอัดได้มีการตกลงคืนเช็คจำนวนเงิน 1.2 ล้านบาทคืนให้ทางฝ่ายพ่อของน้องปูอัดแล้ว โดยมีการพูดคุยตกลงกันได้ด้วยดี ซึ่งก็ขอขอบคุณทางผู้สื่อข่าวที่ได้ช่วยติดตามเรื่องนี้จนได้เงินคืนกลับมา แต่ทางตนเองและพ่อของน้องปูอัดนั้นก็ไม่ได้จะรับเงินไว้ทั้งหมดฝ่ายเดียว โดยจะแบ่งเงินให้กับทางแม่ของน้องปูอัดด้วยเช่นกัน แต่จะแบ่งเท่าไหร่นั้นต้องอยู่ที่การตัดสินใจของพ่อของน้องปูอัด เพราะอย่างไรก็ถือว่าเป็นแม่แท้ๆ และเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขและเป็นคนอุ้มท้องและให้กำเนิดน้องปูอัด


ด้าน นางสมจิตร แก้วสวัส อายุ 54 ปี ยายของน้องออโต้ นักเรียนชั้น ป.3 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องปูอัด และมีบ้านอยู่ใกล้กัน ได้เล่าว่า วันเกิดเหตุน้องออโต้ หลานชายของตนเองนั้นอยู่ในรถคันดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งน้องออโต้นั้นเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวันที 4 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่สำลักควันไฟไปเยอะมาก โดยน้องออโต้นั้น ได้เล่าให้ตนเองฟังว่า ที่ตัวเองรอดมาได้ เพราะวันเกิดเหตุน้องปูอัดเป็นคนวิ่งขึ้นไปปลุกตนเองให้ตื่นจนทำให้วิ่งลงมาจากรถจากรถได้อย่างปลอดภัย แต่ทางน้องปูอัดนั้นไม่ยอมวิ่งออกมาเพราะบอกว่าจะไปช่วยเพื่อนอีกคนก่อน จนสุดท้ายน้องปูอัดก็ออกมาไม่ได้ และเสียชีวิตดังกล่าว


นางกิ่ง (นามสมมติ) อายุ 49 ปี แม่ของน้องปูอัด กล่าวว่า อยากจะเปิดใจและชี้แจงถึงกรณีดรามาในโซเชียล ยอมรับว่า ตนเป็นแม่บังเกิดเกล้าของน้องปูอัด ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนกับพ่อน้องปูอัด ทำให้ตนมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองเต็มที่ตามกฏหมาย หลังเลิกรากัน ญาติฝ่ายพ่อน้องปูอัดเป็นคนเลี้ยง แต่ตนก็ไม่ได้ละเลยรับน้องไปนอนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตนเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ก็ยังเคยพาน้องออกสนามไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งน้องตามที่เป็นข่าวลือในโซเชียล


ส่วนเช็กเงินเยียวยา 1.2 ล้าน ตนรับไปจริง ซึ่งในวันนั้นตนมาพร้อมกับพ่อของน้องปูอัด หลังจากได้รับเช็กตนก็ให้พ่อน้องปูอัดทันที ไม่ได้ไปก้าวก่ายในเรื่องของเงินเยียวยา ส่วนซองเงินเยียวยาที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนมอบให้ในงานศพ ส่วนใหญ่เป็นญาติของพ่อน้องปูอัดที่รับซอง แต่ตนเคยรับอยู่ซองหนึ่ง รับเสร็จก็มอบให้กับของพ่อน้องปูอัดทันที


นอกจากนี้ตนยังเคยรับเงินเยียวยาจาก ผบ.ตร. และคุณเปิ้ล นาคร ตนก็เอาให้คุณพ่อน้องปูอัดตลอด เรื่องทั้งหมดญาติของพ่อน้องปูอัดทราบเรื่องมาโดยตลอด กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องดรามาทั้งตนและญาติของพ่อน้องปูอัดก็แปลกใจมากว่าใครไปร้องเรียนและกลายเป็นคนเปิดกระแสในโซเชียล


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/bXfFFtugcaA

คุณอาจสนใจ

Related News