สังคม

ย้อนวีรกรรมสุดป่วน 'เอก สายเต๊าะ' - แก๊งคอลฯ อ้างเป็น รอง ผกก. หลอกญาติ โอนเงินประกันตัว

โดย weerawit_c

21 ก.ค. 2567

396 views

กรณีที่เพื่อนบ้านแห่ร้องเรียน วีรกรรมสุดป่วนของนายเอกรัฐ ขุนพรม อายุ 42 ปี หรือ “เอก สายเต๊าะ” ว่ามีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ก่อกวนคนในหมู่บ้าน จอดรถยนต์สีแดงกีดขวางทางเข้าออก หมู่บ้าน และไลฟ์สดก่อนกวนผู้อื่น และยังไลฟ์สดอาวุธมีด ปืน จนทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว


โดยผู้สื่อยังได้ข้อมูลว่า ช่วงหลังมานี้ นายเอก เริ่มมีอาการไม่พอใจและไปโวยวายที่ป้อม รปภ.ตั้งแต่เมื่อวานนี้ช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ค.67 ที่ผ่านมา เนื่องจากว่ามีชาวบ้านไปแจ้งความสร้างความเดือดร้อนรำคาญ และนายเอก ได้ไปอาละวาดไม่พอใจที่ชาวบ้านไม่ยอมไปถอนแจ้งความ จนตำรวจมาเชิญตัวไป เปรียบเทียบปรับ ที่ สน.ดอนเมือง ในข้อหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญปรับ 100 บาท และข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะปรับ 100 บาท รวม 200 บาท


และก่อนหน้านี้นายเอก เคยออกมาพูดด้วยว่า ที่ไปทำให้ลูกบ้านคนอื่นเดือดร้อนก็ยอมรับ เพราะไม่พอใจที่ถูกดีตออกจากไลน์กลุ่มหมู่บ้านทุกกลุ่ม เนื่องจากใช้คำไม่สุภาพ ด่าทอในกลุ่ม


ต่อมามีคนร้องเรียนอยากให้ “สารวัตรแจ๊ะ” นำทีมเข้าดำเนินการ เมื่อ “เอก สายเต๊าะ” รู้เรื่องก็มีการไลฟ์โชว์ปืน พูดจาหยาบคาย เพื่อท้าทายให้มาค้นบ้าน จนเมื่อวันที่ 19 ก.ค.67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) ประกาศผ่านสื่อถึง “เอก สายเต๊าะ” ว่า ไม่ต้องกังวล เจ้าหน้าที่สืบนครบาลจะไปหาอย่างแน่นอน เพราะส่วนตัวมองว่าผู้ที่ควรออกจากหมู่บ้านไม่ควรเป็นคนดี แต่ควรเป็นคนที่นิสัยไม่ดี ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น แต่หากถามว่าจะส่งใครลงพื้นที่ไปพบขณะนี้ส่วนตัวยังตอบไม่ได้ แต่ยืนยันว่าจะส่งคนที่เจ้าตัวอยากคบอยากเจอมากที่สุดไปหา


ล่าสุดเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.67) เวลา 06.30 น. พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช. และเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านดัง ซอยเทิดราชัน 17 ถนนเทิดราชัน แขวงสีกัน เขตอนเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย และอาวุธปืน ซึ่งเป็นบ้านของนายเอกลักษณ์ ขุนพรหม อายุ 42 ปี หรือ “เอก สายเต๊าะ” หลังไลฟ์สดอาวุธปืนผ่านสื่อออกไลน์ มื่อกลางดึกวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประกอบกับที่ผ่านมามีการร้องเรียนจากชาวบ้านในหมู่บ้าน


จากการตรวจค้นสอบภายในหมู่บ้าน พบอาวุธปืนยาว บีบีกัน ซึ่งนายเอก อ้างว่าเป็นปืนที่ไม่ได้ใช้แล้ว และใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังเจอมีดยาวหัวตัด ทั้งนี้ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็น รปภ.ของหมู่บ้านที่ถูกนายเอกพยายามใช้มีดฟัน และได้ลักเอากระเป๋า ซึ่งภายในมีกระเป๋าสตางค์ บัตรประชาชน สมุดธนาคาร เล่มรถจักรยานยนต์ มาชี้เอกสาร ที่ถูกนายเอก หยิบไปจากเต็นท์รักษาการที่อยู่ใกล้บ้านนายเอก จากนั้นจึงแจ้งนายเอกว่าจะพาตัวไป สน.ดอนเมือง แต่นายเอกต่อรอง ขอกินข้าวก่อน และจะขอขับรถไปเอง แต่ตำรวจไม่ยอม ต้องพานายเอกขึ้นรถกระบะสายตรวจออกไปจากหมู่บ้าน


ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวที่ถูกนายเอกเตะ ที่โรงพักก่อนหน้า ได้มาติดตามทำข่าวด้วย เมื่อนายเอกได้เห็น จึงพยายามตะโกนต่อว่าและไม่ให้ถ่ายภาพ เจ้าหน้าที่ต้องพยายามห้ามปราม และยังมาต่อว่าและมีปากเสียงกับสื่อที่มาติดตามทำข่าว


ขณะที่ นายเอก ถูกคุมตัวขึ้นรถกระบะนั้นได้หันมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวที่นายเอกเคยทำร้ายด้วยการเตะ ใน สน.ดอนเมือง โดยสอบถามว่ายังติดใจอะไรอยู่หรือไม่ // โดยผู้สื่อข่าว พยายามอธิบายว่า ทำตามหน้าที่ในการรายงานข่าว และไม่ได้ตัดต่อภาพที่ทำให้นายเอกเสียหาย จากนั้น นายเอกถูกคุมตัวขึ้นรถ ออกไปจากหมู่บ้าน และในช่วงที่นายเอกถูกคุมตัวออกไปจากหมู่บ้านนั้น ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ต่างปรบมือ โห่ร้องแสดงความดีใจที่นายเอกถูกจับกุมตัว และบางคนบอกอยากให้ตำรวจขังลืม ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.ดอนเมือง


บรรยากาศ ที่ สน.ดอนเมืองเช้าวานนี้ (20 ก.ค.67) ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายเอกไปสอบปากปากคำที่ ชั้น 3 ผู้สื่อข่าวรายงานนายเอกไม่ได้มีท่าทีกังวลแต่อย่างใด พร้อมเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ยืนยันว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ใครที่ทำดี ตัวเองก็พร้อมที่จะทำดีตอบ ส่วนเรื่องที่ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านได้ระบความเดือดร้อนรำคาญ ยืนยันว่าตัวเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง


สำหรับอาวุธมีด นายเอกไม่ขอตอบว่านำมาจากไหน พร้อมปฎิเสธเสียงแข็งว่าเมื่อข่วงเช้าไม่ได้ใช้มีดไล่ฟัน รปภ. หมู่บ้าน ส่วนการใช้ชีวิตประจำวัน นานเอกยอมรับว่า ได้รายรับ และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนเพื่อนที่ด้วยการไลฟ์สดผ่านโซเชียล


สื่อมวลชนสอบถามนายเอกทิ้งท้ายว่า หลังจากถูกจับกุมในครั้งนี้ จะกลับไปทำพฤติกรรมเช่นเดิมหรือไม่ นายเอกปฎิเสธว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด


โดยระหว่างตำรวจคุมตัว นายเอกยังคงพูดจาลักษณะ วกไปวนมา ไม่ได้ใจความ โดยมีท่าทีไม่ได่สลดกับสิ่งที่กระทำ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งที่อยู่ชั้นบน สน.ดอนเมือง นายเอกได้ขอไปเข้าห้องน้ำ และเจอผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ โดยนายเอก กล่าวว่า “สบายดี อยากเฟี้ยวก็เลี้ยวมา จะเครียดอะไร ทำอะไรผิดผมนักเลง ง่ายๆ ใครจริงกับเราเราก็จริงกับเขา


หลังจากสอบปากคำเสร็จ ตำรวจนำตัวนายเอก เข้าห้องคุมขังก่อนจะส่งฝากขังต่อศาลวันนี้ (21 ก.ค.67) โดยช่วงนี้ พบว่านายเอกมีท่าทีสงบลง สามารถตอบคำถามสื่อมวลชนได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวคำขอโทษกับประชาชน และยืนยันว่าจะปรับปรุงตัว ด้วยการไม่เสียงดัง ขอโทษที่ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัวคำพูดของตนอาจจะรุนแรงไป จะไม่ขับรถเร็วในหมู่บ้าน และจะใช้คำพูดกับเพื่อนบ้านดีๆ ในอนาคตจะทำได้หรือไม่ตนเองยังไม่รับปากแต่จะพยายาม แต่การออกมาโวยวายยอมรับว่าต้องการติดเพื่อก่อ โดยอยากให้นิติบุคคลของหมู่บ้านออกมาปรับปรุงการทำหน้าที่


ส่วนการจะสำนึกผิดหรือไม่ ยืนยันว่าไม่สำนึกผิด เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ส่วนการนอนห้องขังถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่กังวล ทำผิดก็ต้องรับผิด


ต่อมา พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รองผกก.สืบสวนสอบสวน สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ "เอก สายเต๊าะ" ให้การปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ โดยตำรวจเองจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติก่อนหน้านี้ที่ถูกดำเนินคดี และข้อมูลจากชาวบ้าน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมิติและรอบคอบอย่างถึงที่สุด


และจากการตรวจค้นบ้านของนายเอก พบ สิ่งเทียมอาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ นอกจากนี้บริเวณรั้วบ้านยังพบกระเป๋าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ที่นายเอกใช้อาวุธมีดยาวไปชิงทรัพย์เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (20 ก.ค.67) ด้วย ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ซึ่งตำรวจก็ได้ตรวจยึดอาวุธมีดใช้ก่อเหตุเอาไว้แล้วด้วย เบื้องต้นการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจจิตเวชแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ว่ามีอาการทางจิต


สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวนายเอกไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันนี้ (21 ก.ค.67) โดยในสำนวนตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องบรรยายพฤติการณ์ และประวัติการกระทำความผิดของนายเอกที่พบว่ามีการกระทำความก่อนหน้านี้ โดยจะบรรยายในเรื่องของพฤติกรรมเพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องของความรุนแรงและมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เชื่อว่าจะมีผลในการพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เพราะอัตราโทษของผู้ที่เคยกระทำความผิด หากพบว่ามีการประทำความผิดซ้ำ ศาลจะหยิบยกมาให้ความสำคัญในการพิจารณา


ส่วนการดำเนินการตามกฏหมายอาญาตามมาตรา39 ห้ามเข้าเขตกำหนดหรือควบคุมตัวในกรณีจำเลยกระทำตัวเป็นอัตรายต่อสังคม และมาจรา45 ศาลสั่งห้ามจำเลยเข้าเขตที่กำหนดไม่เกิน5ปี ทางตำรวจก็จะมีการบรรยายไปในสำนวน แต่จะมีการบังคับใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล


ส่วนข้อหาอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆมาประกอบให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตำรวจเข้าใจความรู้สึกและความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การดำเนินคดีจะต้องบึ้นอยู่กับกรอบของกฏหมาย ทั้งที่ตำรวจทุกนานอยากจะลุย แต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฏหมายทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน ขอให้อดใจรอ


ส่วนการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนและก่อความเดือดร้อนลำคานเดินไปมาในหมู่บ้านนั้น ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้วและจะต้องมีการถอดถ้อยคำจากคลิปวิดีโอไลฟ์สด เพื่อดูว่าเข้าข่ายว่าการกระทำผิดกฏหมายข้อใดบ้าง


ขณะที่ หนึ่งในลูกบ้านในหมู่บ้านในหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง ภายในซอยเทิดราชัน 17 พื้นที่ดอนเมือง ได้นำอาหารและน้ำดื่มมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของลูกบ้าน หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายเอกมาที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตัวเองก็เป็นคนนึงที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายเอก โดยทำทรัพย์สินเสียหาย รถยนต์ความเสียหายจากการที่ได้ไปใข้เส้นทางอื่นจากการที่นายเอกปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ส่วนลูกบ้านคนอื่นๆ ถูกกระทำการในลักษณะเดียวกัน ยอมรับว่าทนไม่ไหวถึงขั้นต้องประกาศขายบ้าน พร้อมอยากขอร้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาข่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวให้หมดไปเสียที


ส่วนการประกาศขายบ้านนั้น ตอนนี้ลูกบ้านและตัวเองยังคงจะประกาศขายบ้านอยู่ เพราะยังไม่ได้รับความชัดเจนวว่านายเอกจะได้รับการประกันตัวหรือไม่เพราะที่ผ่านมา นายเอกก็ถูกจับกุมมาแล้ว และได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังปล่อยตัวก็ออกมาอาละวาดและกระทำลักษณะเดิมซ้ำ จริงๆแล้วคนที่ควรออกจากหมู่บ้าน คืแนายเอกไม่ใช่ลูกบ้าน พร้อมวอนเจ้าของโครงการควรดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของลูกบ้าน อย่ารักษา บ้านเพียง 1 หลังแลกกับ คนหมู่มาก เเพราะทุกวันนี้ชาวบ้านต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่บ้านเป็นเหมือนที่พื้นที่ปลอดภัย แต่กลายเป็นว่าต้องนั่งระแวงว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร


ส่วนความเสียหายที่ได้รับ เบื้องต้นยังไม่ได้คุยกับลูกบ้าน แต่นิติหมู่บ้านแค่แจ้งให้ลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายรวบรวมหลักฐานและใบแจ้งความมาลงชื่อไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าหากนายได้รับการประกันตัว นายเอกจะไม่เข็ดหลาบและออกไปกระทำในลักษณะเดิมอีก และหวั่นว่าจะกระทำการรุนแรงมากกว่าเดิม


อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าทุกหน่วยงานจะดำเนินการกับเอกสายเต๊าะขั้นเด็ดขาดเสียทีเพื่อความสงบสุขของคนทั้งหมู่บ้าน


วานนี้ (20 ก.ค.) มีคลิปวีรกรรมของเอก สายเต๊าะ โดยมีคลิปที่ชาวบ้านหลายสิบรายโห่ไล่ ตะโกนด่า นายกเอก แต่นายเอกก็ยังทำท่าล้อเลียนท้าทายโดยไม่สนใจ


ขณะที่เพจดัง Red Skull โพสต์คลิปคลิปไลฟ์ฝากถึงผู้การจ๋อ สืบนครบาล โดยระบุว่า เป็นตำรวจนักเลงต้องกลัวเหรอ มึงคิดว่ามึงเก่งมีพวกอย่างเดียวเหรอ และยังบอกอีกว่าให้เข้ามาคุย มึงมีปืนแต่กูมีมีด กูมีเงิน กูมีเพื่อน มึงรุ่นไหน กูรุ่นไหน


โพสต์นี้ระบุข้อความ “กับผู้การจ๋อ สืบนครบาล กันจอมพลัง มันยังกล้าขนาดนี้ แล้วชาวบ้านในหมู่บ้านมันจะเกรงอะไร เมื่อคืนไม่รู้โดนใครทิ่มหน้ามาแถวคางมีแตกด้วย สร้างสถานการณ์หรือเปล่าก็ไม่รู้”


แลยังมีจากกล้องวงจรปิด ที่นายเอก เดินมาไล่ รปภ. ซึ่งในมือถืออาวุธมีด ว่าให้ออกไป ออกไปจากบ้านกู พร้อมพยายามพูดจาข่มขู่


โพสต์นี้มีข้อความ ระบุ "เรียบร้อย ปฏิเสธด้วยนะไอ้สัส นี่เหรอนักเลงบ้านเมืองมีกฎหมายแล้วท้าให้ไปแจ้งความด้วยนะมึง ขอศาลอย่าลดโทษนะให้แม่งตายในคุกเลย ไอ้ขยะสังคม คิดว่าบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย"


และยังมีคลิปที่ เอก สายเต๊าะ เดินส่งเสียงโวยวายในหมู่บ้านในช่วงเวลา ตี 3 กว่า โพสต์นี้มีข้อความ ระบุ “ตีสามกว่าเดินตะโกนโวยวายว่าอยากมีเรื่องในหมู่บ้านทำคนอื่นตื่นกันหมด แล้วบีบแตรรถเสียงดังสร้างความรำคาญ กูว่าใกล้ถึงเวลาแล้วละไอ้สัสที่จู่จู่ๆถูกกระทืบตายก็น่าจะไม่มีคนสงสาร #เอกมีหึ #ขยะสังคมประจำหมู่บ้าน”


อีกทั้งยังมีคลิป ที่นายเอกปัดกล้องนักข่าวโดยนายเอกบอกว่าหากมีการตัดต่อภาพกูเตะนะ ก่อนจะใช้มือปัดไปที่กล้องของผู้สื่อข่าว


กระทั่งล่าสุดปรากฎภาพวงจรปิดของ สน.ดอนเมือง ซึ่งเอก สายเต๊าะ ได้ทำร้ายร้างกายผู้สื่อข่าว โดยในคลิปจะเห็นนายเอก เดินเข้ามาก่อนจะไปพูดคุยกับผู้สื่อข่าวที่นั่งอยู่ จากนั้นนายเอก พยายามหยิบไอแพดขึ้นมาถ่ายคลิปผู้สื่อข่าวอยู่ตลอด กระทั่งต่อมานายเอกได้ยกขาขึ้นมาลักษณะเหมือนเตะนักข่าวคนดังกล่าว


กระทั่งล่าสุดปรากฎภาพวงจรปิดของ สน.ดอนเมือง ซึ่งเอก สายเต๊าะ ได้ทำร้ายร้างกายผู้สื่อข่าว โดยในคลิปจะเห็นนายเอก เดินเข้ามาก่อนจะไปพูดคุยกับผู้สื่อข่าวที่นั่งอยู่ จากนั้นนายเอก พยายามหยิบไอแพดขึ้นมาถ่ายคลิปผู้สื่อข่าวอยู่ตลอด กระทั่งต่อมานายเอกได้ยกขาขึ้นมาลักษณะเหมือนเตะนักข่าวคนดังกล่าว


เฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความ “ห๊ะ! "เอก สายเต๊าะ" ซวยไม่หยุด หลังเมียเตรียมเงินประกันตัวไว้ 20,000 บาท ดันถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกไปจนหมด เตรียมแจ้งความ!”


ผู้สื่อข่าว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ความว่า มิจฉาชีพ ได้โทรศัพท์ติดต่อ ไปหา ภรรยา “นายเอก สายเต๊าะ” โดยอ้างตัว เป็นรอง ผกก. สน.ดอนเมือง จะให้การช่วยเหลือ เรื่องประกันตัว  แต่ภรรยา นายเอก ไม่มีเงิน จึงบอก มิจฉาชีพว่า ให้ติดต่อไปที่แม่ของนายเอกแทน  ก่อนจะให้เบอร์แม่ไป


จากนั้น มิจฉาชีพ ได้โทรศัพท์ไปหาแม่ของนายเอก และอ้างตัว  เป็น รอง ผกก. หากต้องการประกันตัว ให้โอนเงินมา จำนวน 20,000 บาท แล้วจะทำเรื่องประกันให้ แม่นายเอก ได้หลงเชื่อ แต่ไม่มีเงิน จึงให้น้องชายโอนเงินไป


หลังจากโอนเงินแล้ว ได้โทรกลับ แต่พบว่าปิดเครื่องติดต่อไม่ได้  จึงนำเบอร์ที่โทรเข้ามา ค้นหาผ่านไลน์ พบว่าเบอร์ดังกล่าว มีรูปโปรไฟล์เป็นรูปผู้หญิง และเมื่อเช็คเลขที่บัญชีที่โอนเงินไป ชื่อก็ไม่ตรงกัน จึงเชื่อถูกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ก่อนจะโทรศัพท์ไปปรึกษาตำรวจ สน.ดอนเมือง โดยแนะนำให้เข้าแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง



รับชมผ่านยูทูป :  https://youtu.be/i78D_ix4gGU

คุณอาจสนใจ

Related News