สังคม

แจ้ง 3 ข้อหาเจ้าของครอบครองเสือโคร่ง-สิงโต ไม่ได้รับอนุญาต หลังกุเรื่องอ้างเป็น 'ไลเกอร์' เลี่ยงกฎหมาย

โดย petchpawee_k

18 พ.ค. 2567

40 views

กรมอุทยานฯ ยึดลูกสิงโต-ลูกเสือโคร่ง พบได้มาไม่ถูกต้อง หลังเจ้าของกลัวความผิดบอกเป็นไลเกอร์เพนต์สี-ตัวเดียวกัน เจ้าของฟาร์มดอดให้ปากคำอ้างไม่เคยรู้เป็นเสือโคร่งทีมงานดีลกันเอง ถูกดำเนินคดี “ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” อธิบดีกรมอุทยานฯ เผย ยังไม่มีรายงานว่ามีไลเกอร์อยู่ในไทย

กรณีลูกเสือโคร่งโผล่กลางดึก หวาดผวากันทั้งชุมชน จนเจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชน ต.บางวัว อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา ต้องเร่งช่วยกันจับ และหลายคนก็ถูกลูกเสือกัดได้รับบาดเจ็บ กระทั่งจับกุมได้ และทางฟาร์มได้นำหลักฐานการครอบครองมาแจ้งยืนยันกับตำรวจ สภ.บางปะกง ว่าเป็นเจ้าของ และอ้างว่าไม่ใช่เสือโคร่ง แต่เป็นไลเกอร์ ที่หลบหนีออกมาระหว่างนำตัวไปเพนท์สี เพื่อแสดงเป็นเสือเตรียมถ่ายทำหนัง Hollywood ซึ่งมีคิวถ่าย 8 วัน ที่กองถ่ายจังหวัดปทุมธานี เพราะเซ็นสัญญาล็อคตัวไว้แล้ว ทำให้ทางตำรวจต้องปล่อยตัวลูกเสือคืนฟาร์มไป

ต่อมาช่วงบ่ายวานนี้ (17 พ.ค.) หลังอธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งการชุดเหยี่ยวดงลงพื้นที่ตรวจสอบที่ฟาร์มสิงโต ซ.ลับแล หมู่ 5 ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า  จ.ฉะเชิงเทรา ก็พบว่า ทางฟาร์มเอาลูกสิงโตมาให้เจ้าหน้าที่ดูและอ้างว่าเป็นไลเกอร์ที่เพนท์สีเป็นเสือโคร่ง  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า น่าจะเป็นคนละตัวกับที่หลุดเข้าไปในชุมชน  ลูกสิงโตตัวนี้น่าจะตัวเล็กกว่า และเมื่อตรวจสอบชิพที่ลูกสิงโต พบว่าไม่มีข้อมูลหลักฐานอะไรของทางราชการเลย ดังนั้นจึงต้องตรวจยึดและดำเนินคดีตามขั้นตอน

ทั้งนี้ ได้ประสานตำรวจบางปะกงและกู้ภัยที่จับเสือโคร่งมาได้ในช่วงแรก มาสอบถามข้อเท็จจริง ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร  มีการส่งมอบอย่างไรและทำไมเสือโคร่งถึงกลายเป็นสิงโต เบื้องต้นจากการตรวจสอบสถานที่ของทางฟาร์ม พบว่าได้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่สัตว์ที่ครอบครองถูกต้องทั้งหมดหรือไม่นั้น จะต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสัตว์ในความดูแลทั้งหมด ถ้าพบสัตว์ที่ไม่ถูกต้องจะทำการยึดทั้งหมดและดำเนินคดี

ต่อมา ช่วงบ่าย  (17 พ.ค.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางและตำรวจพื้นที่ขอเข้าตรวจสอบที่ฟาร์มสิงโตอีกรอบ เจ้าหน้าที่ต้องรอเกือบชั่วโมง ก่อนที่ผู้ดูแลฟาร์มจะเปิดให้เข้า แต่มีข้อแม้ว่า ไม่ให้นักข่าวเข้าไปในพื้นที่ฟาร์ม จะอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่เข้าไปเท่านั้น และไม่อนุญาตให้บันทึกภาพด้านใน

ต่อมา นายโยธิน (สงวนนามสกุล) เจ้าของฟาร์ม ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่ขอเข้าไปเจอที่ฟาร์ม แต่ขอนัดเจอด้านนอก โดยเจ้าหน้าที่ได้ทยอยกันออกจากพื้นที่มาที่หอประชุมอำเภอบางคล้า ก่อนที่เจ้าของเสือโคร่งจะเดินทางมาให้ปากคำ

ระหว่างที่นักข่าวได้เฝ้ารออยู่หน้าห้องประชุมอำเภอบางคล้า  มีเจ้าหน้าที่เดินออกมา ทางนักข่าวจึงได้สอบถามได้ความว่า ขณะนี้เจ้าของฟาร์มได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดง พร้อมยอมรับว่าสัตว์ที่พบนั้นเป็นเสือโคร่งจริง และได้นำเจ้าเสือโคร่งตัวที่เป็นข่าวมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ ยินยอมส่งลูกเสือตัวจริงให้กับทางชุดเหยี่ยวดง

จากข้อมูลของชุดเหยี่ยวดง พบว่า ลูกเสือโคร่งที่กัดคน ตรวจสอบแล้วสรุปไม่ใช่ไลเกอร์ แต่เป็นลูกเสือโคร่ง ที่ไม่มีใบอนุญาตแจ้งครอบครอง  ส่วนลูกสิงโต ที่ฟาร์มนำมาให้อ้างว่าเป็นไลเกอร์นั้น  พบว่าจริงๆ เป็นสิงโตจากฟาร์มที่ จ.นครปฐม แต่กลับมาอยู่ที่ฟาร์ม จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้าย ซึ่งทั้ง 2 ตัว สรุปแล้วเป็นคนละตัวกับที่นำหนังสือแจ้งครอบครองมาแสดงกับตำรวจเพื่อขอนำตัวลูกเสือคืนไปก่อนหน้านี้

โดยภาพเปรียบเทียบ ภาพล่างเป็นลูกเสือโคร่งที่หลุดมากัดคน ส่วนตัวบนเป็นลูกเสือโคร่ง ที่นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นตัวเดียวกัน ทางชุดเหยี่ยวดงจึงได้ยึดและแจ้งดำเนินคดีกับเจ้าของฟาร์ม ข้อหา “ครอบครองทั้งสิงโตและเสือโคร่งโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ต่อมา เวลา 20.15 น. ระหว่างที่นายโยธิน เจ้าของฟาร์ม เดินออกมาเข้าห้องน้ำ ทีมข่าวพยายามสอบถาม เจ้าตัวยอมรับว่าตนเองเป็นเจ้าของฟาร์ม  แต่อ้างว่าไม่ใช่เจ้าของเสือโคร่ง พอออกจากห้องน้ำ นักข่าวถามต่อว่าทีแรกทำไมบอกเป็นไลเกอร์ เจ้าตัวตอบไม่รู้ข้อมูลเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ทีมงานแอบดีลกันเอง ตนไม่รู้เรื่องไม่มีข้อมูลเลย พอกลับมาจากต่างจังหวัดจึงได้ทราบว่าเป็นเสือโคร่ง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทราบว่าเป็นเสือโคร่ง เพิ่งทราบจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ

ทั้งนี้ในสัญญาที่นำสัตว์ไปถ่ายภาพยนตร์นั้น ถ่ายเฉพาะสิงห์โต เสือโคร่งโผล่มาได้อย่างไรนั้นตนไม่ทราบ ส่วนที่เสือโคร่งหลุดไปกัดคน ตนก็ไม่ทราบ ยืนยันตนเองเป็นเจ้าของฟาร์มแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของเสือโคร่ง เมื่อถามว่าซื้อมาจากชายแดนหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่าข้อมูลส่วนนี้เป็นของคนที่ดีลมา ส่วนสิงโตครอบครองอย่างถูกกฎหมายทุกตัว

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวดงได้นำตรวจที่ฟาร์มบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยเจ้าของได้ส่งมอบลูกเสือและลูกสิงโต เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ลูกเสือโคร่งตัวจริงที่โผล่บางปะกง อายุประมาณ 5 เดือน เพศเมีย   ส่วนลูกสิงโต อายุประมาณ 2 เดือน พบว่าทั้ง 2 ตัว มีการได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ถือว่าครอบครองโดยมิชอบ จึงตรวจยึดทั้ง 2 สองตัว และดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับโทษการครอบครองที่ผิดกฏหมาย มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 1 แสนบาท

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ส่วนการที่เจ้าของอ้างว่าซื้อเสือโคร่งมาจากชายแดน ก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ขณะที่ฟาร์มบางคล้า จะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยฟาร์มบางคล้า ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมอุทยานฯ แต่ขึ้นทะเบียนเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ป่าควบคุมเท่านั้น

ทั้งนี้  เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าว กรณีมีการครองครองสัตว์ป่าคุ้มครอง ชนิดลูกเสือโคร่ง จำนวน 1 ตัว  โดยไม่มีเอกสารหลักฐานการครอบครองของทางราชการ และเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ป่า (เลขไมโครชิพ) และสัตว์ป่าควบคุม ชนิดสิงโต จำนวน 1 ตัว ซึ่งมีเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ป่า (เลขไมโครชิพ) ของ “ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าควบคุม (สิงโต) กระป๋องสี ไลออน ซู จังหวัดนครปฐม” เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ดำเนินคดีกับ นายโยธิน  ดังนี้

-กระทำผิดตามมาตรา 15 ฐาน “ปล่อยเป็นอิสระซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง (ลูกเสือโคร่ง) พ้นจากการดูแลของตน” มีโทษตามมาตรา 91 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

-กระทำผิดตามมาตรา 17 ฐาน “ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง (ลูกเสือโคร่ง) โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษตามมาตรา 92 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

-ฐาน “ครอบครองสัตว์ป่าควบคุม (ลูกสิงโต) โดยไม่ได้รับอนุญาต”มีโทษตามมาตรา 90 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


-ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าควบคุม (สิงโต) กระป๋องสี ไลออน ซู จังหวัดนครปฐม กระทำผิดตามมาตรา 19 วรรคสอง ฐาน “ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการแจ้งการรับแจ้ง ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด (เคลื่อนย้ายลูกสิงโตโดยไม่ได้รับอนุญาต)” มีโทษตามมาตรา 91 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากนั้นควบคุมตัวนายโยธิน พร้อมตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครอง และสัตว์ป่าควบคุม ตามชนิดและจำนวนดังกล่าว นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งขอให้พนักงานสอบสวนเรียกเจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าควบคุม (สิงโต) กระป๋องสี ไลออน ซูม จังหวัดนครปฐม มารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีต่อไป

สำหรับสัตว์ป่าของกลาง ขออนุมัติพนักงานสอบสวน รับมอบสัตว์ป่าคุ้มครอง ชนิดลูกเสือโคร่ง จำนวน 1 ตัว ส่งมอบให้ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก (สวนสัตว์บึงฉวาก) และสัตว์ป่าควบคุม ชนิดสิงโต จำนวน 1 ตัว รับฝากไว้ที่ฟาร์มสิงโตขาวบางคล้า หมู่ที่ 5 ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ดูแลและเก็บรักษา จนกว่าคดีถึงที่สิ้นสุดต่อไป


https://youtu.be/hQO38Hp3dIY

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ไลเกอร์ ,อ้างเป็นไลเกอร์

คุณอาจสนใจ

Related News