สังคม

เจ้าของยืนยัน ซากสุนัขคือ ‘ซาร่า’ เตรียมนำร่างไปฌาปนกิจ กู้ภัยเมืองเลยงดจับหมา-แมว หวั่นดรามาซ้ำรอย

โดย nicharee_m

20 เม.ย. 2567

951 views

เจ้าของยืนยัน ซากสุนัขที่พบคือ ‘ซาร่า’ เตรียมนำร่างไปฌาปนกิจ เครียดถูกโซเชียลโจมตี ด้านกู้ภัยเมืองเลยประกาศ งดจับหมา-แมว ทุกกรณี หวั่นดรามาซ้ำรอย

กรณีของเจ้าซาร่า สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เพศผู้ วัย 4 ปี ที่ถูกเลี้ยงในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาคุณตาที่เลี้ยงเจ้าซาร่ามา เสียชีวิตลง คุณยายวัย 71 ปี ซึ่งเป็นภรรยาคุณตา ก็เลี้ยงเจ้าซาร่าต่อ แต่วันหนึ่ง ขณะที่คุณยายกำลังจะนำชามข้าวของซาร่าที่มีมดขึ้น ไปล้างทำความสะอาด แต่จู่ๆ เจ้าซาร่ากลับไปกระโดดกัดแขนคุณยาย  ทำให้ทางครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจ และแจ้งเจ้าหน้าที่เทศบาลมารับตัวไป เพื่อให้ฝึกและดัดนิสัย  แต่หลังจากนั้น ปรากฎว่าเจ้าซาร่าหายตัวไป ไม่มีใครทราบข่าวคราวของมันอีก โดยผู้ที่มาจับตัวมันไป ไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจน อ้างเพียงว่าเจ้าซาร่าหลุดหายไประหว่างทาง กล้องวงจรปิดที่คาดว่าน่าจะจับภาพเหตุการณ์ได้ ก็เกิดเสียทั้งหมด

ทางเพจมะลิ กะปิ ซึ่งแอดมินเพจอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พยายามตามหาเจ้าซาร่า จนมีเพจที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือสัตว์ เข้ามาช่วยกันตามหา ประกาศผ่านโซเชียล มีการรวมตัวกันเรียกร้องให้เทศบาลให้ข้อมูลที่เป็นจริง และมีกลุ่มทาสหมาเริ่มระดมทุนเพื่อมอบเงินรางวัลให้กับคนที่แจ้งเบาะแส จำนวนถึง 140,000 บาท แต่หลังการตามหาเจ้าซาร่า นาน 12 วัน ในที่สุดก็ได้รับคำตอบว่า เจ้าซาร่าตายไปแล้วตั้งแต่วันที่ถูกเทศบาลมาจับตัวไป

เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.67) เพจ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT  ได้แพร่ภาพสดการพูดคุยกับ นายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมนตรีตำบลบางบาล  ที่ยอมรับว่า ในวันที่ไปจับตัวซาร่า เจ้าหน้าที่ของเทศบาล 4 คน พาตัวซาร่ามาถึงสำนักงานเทศบาล และกำลังจูงลงจากรถเพื่อนำไปเข้ากรง  แต่ซาร่าดิ้นรนสะบัดด้วยความตื่นตกใจ ทำให้คนจับต้องหยุดซาร่าด้วยการกดปากและตัวให้นิ่ง  ทำให้ซาร่ายิ่งช็อกและเจ็บปวดจนเลือดออกปาก แล้วก็หยุดหายใจ ด้วยความตกใจและกลัวจะมีความผิดทำให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน นำซากซาร่าไปทิ้งกลางทุ่งริมถนน แล้วมารายงานกับนายกเทศมนตรี ว่าหมาหลุดไป

นายชูเกียรติ กล่าวว่า เพราะเจ้าหน้าที่กลัวความผิดจึงไม่บอกความจริง ทำให้เรื่องราวบานปลายมาขนาดนี้ หากในขณะนั้นยอมรับและบอกความจริง เรื่องคงไม่มาไกลขนาดนี้ พร้อมขอโทษสังคมอย่างจริงใจ เพราะที่ผ่านมา ตนไม่ทราบเรื่องจริงๆ

ส่วนเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน ได้รับการลงโทษจากสังคมและตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้ คงต้องดูในเรื่องของเจตนา ว่าเพราะต้องการที่จะช่วยคุณยาย ให้พ้นจากอันตรายจากซาร่า แต่เป็นการกระทำที่ผิดวิธี นอกจากนี้ ทางเทศบาลเองยอมรับว่าไม่มีความพร้อมในการจับหมา จึงถือว่าเป็นบทเรียน ส่วนรายละเอียดต่างๆ ให้อยู่ในกระบวนการของกฎหมาย และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.บางบาล เดินทางไปยังจุดที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ให้ข้อมูลว่าเป็นจุดที่ทิ้งศพซาร่า บริเวณทุ่งนาริมถนน ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นทุ่งนากว้าง มีป่าธูปขึ้น ห่างจากถนนไปเล็กน้อย พบโครงกระดูกบริเวณสันหลังและบริเวณส่วนกราม ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก  เจ้าหน้าที่มูลนิธิต่างๆ ได้ร่วมกันตรวจสอบก็ยังมีข้อสงสัยว่าชิ้นส่วนของโครงกระดูกดังกล่าวมีขนาดเล็กเกินไป อาจจะไม่ใช่โครงกระดูกของซาร่าจริงๆ  รวมทั้งเจ้าซาร่าตายไป 12 วัน ทำไมจึงย่อยสลายเร็ว  จึงคาดว่าอาจจะถูกตะกวด ตัวเงินตัวทองมากินซาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เก็บซากกระดูกทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาร่วมตรวจสอบ

ต่อมา ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่กู้ภัย สามารถงมปลอกคอขึ้นมาได้ โดยเพจมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT  ได้โพสต์ว่า ทางเจ้าของยืนยันว่า ซากที่พบเป็นเจ้าซาร่าจริงๆ โดยยืนยันจากปลอกคอ โดยเจ้าของจะขอนำร่างเจ้าซาร่าไปฌาปนกิจและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ซาร่า

ด้าน ร้อยตำรวจเอก ศรีสวัสดิ์ โพนเฉลียว พนักงานสอบสวน สภ.บางบาล  เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากภาพข่าว สื่อโทรทัศน์และจากมูลนิธิต่างๆ  รวมทั้งข้อมูลจากการสอบปากคำเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางบาล 4 คน  โดยหลังจากนี้จะเชิญตัวทั้ง 4 คน มาสอบปากคำอย่างละเอียด และแจ้งข้อหาต่อไป โดยทางสำนักงานปศุสัตว์ จะต้องเป็นผู้กล่าวหาร้องทุกข์ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ หลังจากนั้นหากสอบสวนพบผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม ก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธศักดิ์ คำปัญญา อายุ 43 ปี หัวหน้าสมาคมร่วมใจกู้ภัยเมืองเลย จ.เลย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า “ประกาศ สมาคมร่วมใจกู้ภัยเมืองเลยงดให้บริการจับ สุนัข และแมว มีเจ้าของหรือไม่มีก็ตาม ทุกกรณี เพราะกลัวติดคุก”

ผู้สื่อลงพื้นที่ไปสอบถามนายยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่า สุนัขหรือแมวจะมีกฎหมายคุ้มครองและกฎหมายค่อนข้างรุนแรง  พวกตนเป็นอาสาสมัครกู้ภัย เมื่อได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากประชาชน ก็ต้องไปช่วยเท่าที่ช่วยได้  แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ในการจับสัตว์ที่ไม่พร้อม เพราะมีราคาที่ค่อนข้างสูง  ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการจับหมาแมว  

เมื่อเกิดดราม่าเจ้าซาร่า ทำให้พวกตนกลัวว่า หากไปจับหมาแมวแล้วโดนฟ้อง โดนแจ้งความดำเนินคดี ก็จะเป็นผลเสีย เนื่องจากพวกตนเป็นอาสาสมัคร ทำงานโดยไม่หวังผลกำไรตอบแทน ช่วยด้วยใจ การจะถูกบุคคลใดหรือองค์กรใดมาฟ้องร้องดำเนินคดี ก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับคนที่ปฏิบัติงาน

เพราะจริงๆ แล้ว เวลาพวกตนไปจับสัตว์ ก็ไม่ได้จะตั้งใจทารุณกรรมสัตว์ แต่อุปกรณ์ของพวกตนทำขึ้นมาเองแบบบ้านๆ ไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ราคาสูง ดังนั้นตอนนี้ คงต้องงดช่วยเหลือในเคสแบบนี้ไปก่อน ขอดูกรณีตัวอย่างที่พระนครศรีอยุธยา ว่าเจ้าหน้าที่เทศบาลที่จับหมา จะถูกดำเนินคดีหรือไม่


https://youtu.be/h3Cadt81SEY

คุณอาจสนใจ