‘เจ๊ไฝ’ ไม่เอาความ ชายอ้างเป็นสารวัตรขอโทษ ไม่ตั้งใจชักดาบกินฟรี มีปัญหาเรื่องความจำ

มอบตัวแล้ว! ชายอ้างเป็นสารวัตรแซงคิวกินฟรีร้านเจ๊ไฝ พร้อมห่อไข่เจียวปูกลับบ้าน พบเป็นคุณลุงวัย 62 – เจ้าตัวยกมือไหว้ ก่อนบอก “ขอโทษจริงๆ กะเพราเนื้ออร่อยมาก” ระบุ ไม่ได้ตั้งใจชักดาบแต่ลืมเพราะจะรีบไปเอารถ ยืนยัน ไม่ได้แอบอ้างเป็นตำรวจ แต่เกิดจากความเข้าใจผิด พร้อมยินดีจ่ายเงินค่าอาหารคืน – ด้านเจ๊ไฝ ไม่ติดใจเอาความ

กรณีที่วานนี้ (29 ก.พ.67) เจ๊ใฝ หรือ คุณสุภินยา จันสุตะ” เจ้าของตำนานสตรีตฟู้ดระดับมิชลิน ได้โพสต์ผ่าน IG Story ว่า “วันนี้มีลูกค้าไม่ยอมต่อคิว อ้างตัวเป็นสารวัตรนอกเครื่องแบบกำลังอยู่ในหน้าที่ขอโต๊ะเลยทานข้าว สั่งห่อแล้วไม่จ่ายเงิน”

นอกจากนี้ยังพบว่า คืนวันที่ 29 ก.พ.67 เจ๊ไฝ ได้โพสต์ IG Story เป็นภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ใจความว่า ลูกค้าท่านใดที่มาทานอาหารที่ร้านช่วงประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง วันที่ 29 ก.พ. 67 แล้วได้ถ่ายรูปติดชายไทยอายุประมาณ 50-60 ปี สวมเสื้อสีกรมท่าแขนยาว กางเกงสีดำ มานั่งทานอาหารคนเดียวที่โต๊ะในภาพ ขอความกรุณาให้ส่งรูปมาให้ทางร้านด้วย

ความคืบหน้าวานนี้ (1 มี.ค.67) ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดที่บริเวณข้างร้านของเจ๊ไฝ เป็นภาพหลังเกิดเหตุ ช่วงเวลาตามกล้องคือ วันที่ 29 ก.พ.67 เวลา 13.33 น. จะเห็นชายผู้ก่อเหตุ เดินออกมาจากร้านพร้อมถุงใส่ไข่เจียวปู มุ่งหน้าไปแยกสำราญราษฎร์ ข้ามสะพานข้ามคลองเพื่อตรงไปยังถนนบริพัตร หากสังเกตจะเห็นว่า ชายคนดังกล่าวเดินแบบเร่งรีบ

ต่อมาช่วงเที่ยงวานนี้ (1 มี.ค.67) มีรายงานว่าตำรวจ ชายที่อ้างเป็นสารวัตร แล้งลัดคิวสั่งกระเพราเนื้อสับราดข้าวกินที่ร้าน พร้อมสั่งไข่เจียวปูห่อกลับบ้านแบบไม่จ่ายเงินได้แล้ว เดินทางเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ สน.สำราญราษฎร์  ซึ่ง พ.ต.อ.ทศพล อําไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับการ สน.สำราญราษฎร์  บอกว่า ชายคนนี้อายุ 62 ปี ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ และไม่ใช่อดีตข้าราชการ  เบื้องต้น เป็นการเข้าใจผิดกันจากการสื่อสารผิดพลาดในส่วนของตัวลูกสาวเจ๊ไฝ  เพราะปกติแล้วร้านเจ๊ไฝจะมีระบบจองคิวซึ่งตำรวจมีการจองคิวเข้ามากินบ่อย โดยวันดังกล่าวเข้าใจว่าระบบคิว error ลูกสาวเจ๊ไฝอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นตำรวจจึงให้เข้ามา  ส่วนกรณีที่ไม่จ่ายเงินเจ้าตัวอ้างว่าลืมจ่ายเงิน

จากนั้นเจ้าหน้าทีตำรวจได้พาตัวไปพบเจ๊ไฝที่ร้าน  เมื่อไปถึงชายคนดังกล่าวได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ๊ไฝว่า ไม่ได้ตั้งใจจะชักดาบ และได้จ่ายเงินค่าอาหารมื้อดังกล่าวให้กับเจ๊ไฝ  ซึ่งชำระเงินจำนวน 2,310 บาท แบ่งเป็นค่ากะเพราเนื้อ 830 บาท ค่าไข่เจียวปู 1,400 บาท และค่าห่อกลับบ้านอีก 80 บาท  ซึ่งเจ๊ไฝรับคำขอโทษ พร้อมบอกว่าไม่ติดใจเอาความทางคดีกับชายคนดังกล่าว และให้เลิกแล้วต่อกัน

ภายหลังเจ๊ไฝ หลังจากรับคำขอโทษ และไม่เอาความ เล่าต่อว่า ที่ผ่านมาเคยมีลูกค้าชาวต่างชาติมากินอาหารและไม่จ่ายเงิน แต่เป็นราคานิดๆหน่อยๆ   แต่ก็ติดต่อไปทางโรงแรมให้มาจ่ายเงิน แต่ไม่เคยมีคนไทยทำแบบนี้มาก่อน  ทั้งนี้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตกใจ และได้เฉ่งลูกสาวที่ไม่ยอมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต จากนี้จะให้ที่ร้านเพิ่มความเข้มงวดในการเก็บเงินลูกค้ามากขึ้น และได้ขอบคุณผู้กำกับการ สน.สำราญราษฎร์ ที่ช่วยติดตามเรื่องดังกล่าวให้ทันที

ต่อมาชายคนนี้ เปิดเผยโดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่มีการโพสต์ลงใน Instagram  วันที่มาไม่ได้มีการใส่เครื่องแบบตำรวจ แต่งตัวปกติ ใส่เสื้อเชิ๊ตแบบที่มาขอโทษแต่เชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดของลูกสาวเจ๊ไฝ  หรืออาจเป็นโต๊ะข้างๆ ที่ได้ยินข้อมูลการสนทนา พร้อมบอกว่า ตั้งใจจะมากินที่ร้านนี้เพราะเป็นร้านที่อาหารอร่อย และมีชื่อเสียงและขอโทษสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยที่ทำให้เกิดความเสียหาย

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะไม่จ่ายค่าอาหาร แต่ตนเองมีปัญหาเรื่องความจำ และอ้างว่าจะต้องรีบออกไปเอารถที่ทำกระจกไว้ในบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่จะนึกได้ว่าลืมจ่ายค่าอาหาร จึงตั้งใจว่าจะกลับมาที่ร้านและจ่ายเงินในวันรุ่งขึ้น  แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นข่าวตามสื่อต่างๆเสียก่อน จึงพยายามติดต่อเข้ามาที่ สน.สำราญราษฎร์เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมยืนยันว่าไม่เคยก่อเหตุลักษณะนี้กับร้านอื่นมาก่อน

ช่วงหนึ่งนักข่าวถามชายคนนี้ว่า มีอะไรอยากบอกกับเจ๊ไฝหรือไม่ เจ้าตัวยกไหว้อีกครับแล้วบอกว่า “ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ กะเพราเนื้ออร่อยมาก”

ด้านพันตำรวจเอก ทศพล อําไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับการสน. สำราญราษฎร์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ถือว่าไม่เป็นคดีความเพราะตัวเจ๊ไฝไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่จะมีการตรวจสอบต่อไปว่าชายคนดังกล่าวเคยก่อเหตุในลักษณะแบบนี้มาก่อนหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมายว่าจะเข้าข่ายหรือไม่เพราะในระหว่างเกิดเหตุเจ้าตัวไม่ได้มีการแต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงบัตรเอกสารว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจึงอาจไม่เข้าข่ายที่จะดำเนินคดีได้ แต่หากพบว่าเข้าข่ายความผิดในข้อหาใดก็จะดำเนินการในภายหลัง


https://youtu.be/q8FNrrIIfwE