สังคม

ตำรวจไซเบอร์-กระทรวงดีอี รวบผู้ค้าซิมผีรายใหญ่ พร้อมมือลงทะเบียน ยึดของกลางกว่า 2 หมื่นเลขหมาย

โดย weerawit_c

2 ธ.ค. 2566

163 views

วันนี้ 1 ธ.ค.66 เวลา 13.00 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษาฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส), พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ยุทธการ “ซิม สาย เสา” ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ห้องประชุม MDES1 ชั้น 9 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม.


สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้ตรวจสอบพบพฤติกรรมในการนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นและบัตรบุคคลต่างด้าวโดยเฉพาะสัญชาติเมียนมาร์ (บัตรสีชมพู) เพื่อลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งานแล้วจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการนำไปโทรหลอกลวงประชาชน


กระทั่งเมื่อช่วงเดือน พ.ค.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 สามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น แล้วนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก จนสามารถจับกุม น.ส.ธรรศธนพร อายุ 38 ปี ชาว อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์ที่พร้อมใช้งานจำนวน 4,397 หมายเลข โทรศัพท์เคลื่อนที่ สายแพรวงจรสำหรับต่อโทรศัพท์ และอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน อีกกว่า 50 นัด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ


ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ บก.สอท.4 ดำเนินการขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม โดย พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งดำเนินการสืบสวนเพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมาย


จากข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวได้ทำการซื้อซิมผีผ่านกลุ่มลับในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก โดยในกลุ่มดังกล่าวมีการโพสต์โฆษณาขายซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนใช้งานแล้ว จึงได้สืบสวนหาข้อมูลจนทราบว่า ซิมผิดกฎหมายดังกล่าวมีที่มาจาก น.ส.ธรรศกร หรือ ฝ้าย อายุ 43 ปี ชาว จ.ชุมพร จึงได้ส่งสายลับทำการล่อซื้อ พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าติดตามพฤติกรรม จนมั่นใจว่านางสาวฝ้ายฯ อาจนำซิมผีดังกล่าวไปส่งให้สายลับผ่านบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร


เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางกำลังซุ่มรอ น.ส.ฝ้าย จนสุดท้ายสามารถเข้าควบคุมตัวได้ ขณะกำลังลงจากรถยนต์ส่วนตัวเพื่อเตรียมส่งพัสดุซึ่งภายในบรรจุซิมผีให้สายลับ เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น พบซิมผีจำนวนกว่า 10,000 หมายเลข นางสาวฝ้ายจึงรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน พร้อมให้ข้อมูลว่า ตนเองเคยโพสต์ขายซิมโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนแล้วพร้อมใช้ (ซิมผี) ในกลุ่มลับผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กโดยรับซื้อซิมดังกล่าวมาในราคาซิมละ 35 บาท และนำมาขายในกลุ่มลับในราคา 43 บาท ซึ่งได้กำไร ประมาณ 8 บาทต่อซิม โดยตนเองรู้ตัวดีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ก็ยอมเสี่ยงทำเนื่องจากขายแล้วได้กำไรดี


ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจค้นบ้านพัก ยังพบซิมผีเพิ่มเติมอีกกว่า 2,000 หมายเลข จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้วแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย


จากหลักฐาน พบว่า น.ส.ฝ้าย ได้ติดต่อซื้อซิมผีจากนายสิกขพงศ์ หรือ ตั้ม อายุ 38 ปี ซึ่งทราบว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขยายผลต่อเนื่อง โดยสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลจังหวัดราชบุรีออกหมายค้น และได้นำกำลังเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี


จากการตรวจค้น สามารถจับกุมนายตั้ม ขณะกำลังลงทะเบียนซิมการ์ด พร้อมซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วจำนวน 160 หมายเลข และซิมการ์ดที่กำลังรอลงทะเบียน อีกจำนวนกว่า 6,000 หมายเลข โดยเบื้องต้นนายตั้มยอมรับว่า ได้ซื้อซิมการ์ดมาในราคา 35 บาท หากมีลูกค้าสนใจซื้อซิมการ์ดที่มีการลงทะเบียนแล้วตนจะขายให้ในราคา 150 บาท


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้สอบถามข้อมูลจากนายตั้มเพิ่มเติม ทราบว่าผู้ต้องหาเป็นพนักงานของบริษัทค่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง จึงมีความรู้ในการลงทะเบียนซิมและพบช่องโหว่ของขั้นตอนการลงทะเบียนดังกล่าว โดยได้สาธิตให้ดูวิธีการลงทะเบียนโดยใช้แอปของบริษัทฯ ซึ่งสามารถใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ของคนต่างด้าวในการลงทะเบียนซิม และ ใช้วิธีการถ่ายภาพจากบัตรต่างด้าว หรือ หนังสือเดินทางที่ไม่ชัด แล้วสุ่มกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัว หรือเลขหนังสือเดินทางแบบผิดๆ ทำให้สามารถลงทะเบียนซิมได้ในจำนวนมาก


เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 11” พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนพร้อมดำเนินตามกฎหมายต่อไป


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/l8ZJkBVpqg4

คุณอาจสนใจ