สังคม

เร่งล่า ซาเล้งเก็บของเก่า หลอกล่อ ด.ช.วัย 14 จะซื้อมือถือให้ ก่อนลักพาตัวร่วมสัปดาห์ พื้นที่สิงห์บุรี

โดย thichaphat_d

23 ก.ย. 2566

841 views

มูลนิธิกระจกเงา โพสต์แจ้งกรณี เด็กชายณัชพล สมภพวรพงษ์ หรือน้องมัว อายุ 14 ปี ได้หายออกจากบริเวณวัดบางโฉมศรี ตำบลชีนํ้าร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 10.00 น.

เด็กถูกพาไปโดยชายอายุประมาณ 40-50 ปี ชื่อว่านายพัน ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง มีอาชีพเก็บของเก่าขาย ในตัวเมืองจังหวัดสิงห์บุรี ใช้พาหนะจักรยานยนต์สามล้อ

จากภาพกล้องวงจรปิด ภายหลังเกิดเหตุ 1 วัน เห็นเด็กนั่งอยู่บริเวณด้านหน้ารถโดยมีนายพันเป็นผู้ขี่รถสามล้อดังกล่าว ผ่านถนนจากตัวเมืองสิงห์บุรีมุ่งหน้าอำเภอบางระจัน ข้อมูลการสืบสวน ทราบว่า นายพันมีพฤติกรรมหลอกล่อเด็ก โดยการตีสนิทให้เงิน และก่อนจะพาตัวน้องมัวไป นายพัน หลอกว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้เด็ก คาดว่าเป็นสาเหตุที่เด็กหลงเชื่อและยอมตามไป ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุพยายามตีสนิทกับเด็กหลายคนในพื้นที่ โดยใช้อุบายเดียวกันว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้เด็ก

จากการสืบสวนของตำรวจ สภ อินทร์บุรี และ สืบสวนจังหวัดสิงห์บุรี ทราบว่า นายพัน มีพฤติการณ์ปกปิดข้อมูลส่วนตัว มีการนำบัตรประชาชนบุคคลอื่นไปแอบเปิดซิมการ์ดโทรศัพท์ และลงทะเบียนเปิดห้องพัก  คาดว่าอาจมีประวัติกระทำความผิดอื่น เนื่องจากมีความชำนาญในการหลบหนีและปกปิดข้อมูลส่วนตัว

ผู้ใดพบเห็น แจ้งเบาะแสได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา โทร. 080 775 2673

ด้านความคืบหน้าคดีล่าสุด เมื่อเช้าวันที่ 21 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบรถซาเล้งต้องสงสัยจอดอยู่ในป่าริมถนนสายเอเชีย โดยมีการกางผ้าใบลักษณะคล้ายกันฝนอยู่ด้วย แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบยังจุดดังกล่าวก็ไม่พบรถซาเล้งแล้ว สอดคล้องกับนายมหา (นามสมมุติ) ชายเร่ร่อนที่พักอาศัยหลับนอนอยู่ในอาคารร้างริมถนนสายเอเชียก็เล่าให้ฟังว่า คืนวันก่อนมีชายสองคนเข้ามายังอาคารร้างที่ตนพักอาศัยอยู่ ก่อนจะพูดว่าขออาศัยนอนค้างสักคืน และรุ่งเช้าทั้งสองก็หายตัวไป

ด้านนางจินดา สมภพวรพงษ์ อายุ 36 ปี แม่ของน้องมัวที่หายตัวไป พร้อมญาติอีก 3 คน ได้เดินทางจากอำเภอพบพระ จังหวัดตาก มายังสถานีตำรวจภูธรอำเภออินทร์บุรี เพื่อให้รายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเฝ้าติดตามการกลับมาของลูกชาย โดยนางจินดากล่าวว่า น้องมัวเป็นลูกชายคนโต ในจำนวนลูกทั้งหมดสามคน ส่วนคุณพ่อของน้องมัวพึ่งเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้เพียงสองเดือน

ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก อยากวิงวอนขอให้นายพันนำลูกชายมาส่งคืนแล้วจะไม่เอาความแต่อย่างใด และสิ่งที่กังวลมากที่สุดคือ ได้รับการติดต่อจากลูกชายครั้งสุดท้ายว่า นายพันจะพาไปเที่ยวทะเล จึงกังวลใจกลัวนายพันจะพาลูกชายไปในที่ที่ไม่รู้จัก ขณะที่ในเฟซบุ๊กของนายพัน ที่ใช้ชื่อว่า บรามี ย่า ล่าสุดไม่พบความเคลื่อนไหว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นายพันและน้องมัว น่าจะรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเมื่อเดือนสิงหาคมปรากฏมีภาพที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสายสืบ สภ.อินทร์บุรี สภ.เมืองสิงห์บุรี ภจ.วสิงห์บุรี และสายสืบจากตำรวจภูธรภาค 1 ลงพื้นที่เร่งตามล่าหาตัวนายพันและน้องมัวให้พบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลานานเกือบสัปดาห์แล้ว

ด้านเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิกระจกเงา ที่ลงพื้นที่มาร่วมช่วยเหลือในการค้นหา กล่าวว่าการสืบสวนพบว่า ทั้งสองน่าจะออกจากพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีไปแล้ว เพราะล่าสุดพบสัญญาณโทรศัพท์ของนายพันปรากฏอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และขณะนี้อยู่ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ทันที


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/oD3eveBLIno

คุณอาจสนใจ

Related News